เทาเท่ปิดประตูอย่างเชื่องช้าหลังจากที่หลินจือเข้ามา กระตุกรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีความสุข
เมื่อไหร่ที่ได้เห็นเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ
คุณท่านที่อยู่บนเตียงเห็นหลินจือก็ยิ้มเช่นกัน “อากาศหนาวแบบนี้เธอยังอุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาเยี่ยมฉัน เด็กผู้หญิงนี่แหละที่รู้จักใส่ใจที่สุด”
หลินจือถูกคุณท่านชมจนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย รีบยื่นกล่องอาหารที่ตนเองนำมาออกไป “คุณกินอาหารเช้าหรือยัง?”
คุณท่านลูบท้องของตนเอง พูดด้วยน้ำเสียงที่เสียดายเล็กน้อย “กินแล้ว เทาเท่เป็นคนเอามา”
ถ้ารู้แต่แรกว่าหลินจือจะมาเยี่ยมเขา เขาคงไม่กินของที่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนำมาแล้ว
หลินจือไม่ได้คิดอะไรมาก “กินแล้วก็ดีแล้ว”
เธอพูดพร้อมกับนำกล่องอาหารไปวางที่ด้านข้าง ตั้งใจรอขากลับค่อยนำกลับไปด้วย
เทาเท่ที่อยู่ด้านข้างพูดเสียงเบาอย่างกะทันหัน “ผมยังไม่ได้กินอาหารเช้า”
หลินจือ “……”
คุณท่าน “……”
หลินจือมองเทาเท่ด้วยท่าทางที่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย เขาคงไม่ได้อยากกินอาหารเช้าที่เธอนำมาหรอกมั้ง? เมื่อกี้เขาไม่ได้กินพร้อมกับคุณท่านหรอกเหรอ?
ส่วนคุณท่านรู้สึกโมโหจนพ่นลมออกจากจมูก เมื่อกี้เรียกไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้กินด้วยกัน เขากลับบอกว่าไม่หิว และยังบอกให้ตนเองกินเยอะหน่อย ดูเหมือนตั้งใจจะเก็บท้องเอาไว้กินอาหารที่หลินจือนำมา
เห็นหลินจือยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับ เทาเท่จึงเดินเข้าไปคิดจะลงมือเองแบบไม่ได้หน้าด้านธรรมดา
หลินจือจะปฏิเสธต่อหน้าคุณท่านก็ไม่ดีเท่าไหร่ จึงทำได้แต่ส่งกล่องอาหารให้เขา เทาเท่เดินถือกล่องอาหารไปที่ห้องรับแขกด้านข้าง
หลังจากนั่งลงบนโซฟาอย่างสุภาพ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลินจือ “คุณกินมาหรือยัง?”
เธอไม่ได้กิน แต่ตอนนี้หลินจือไม่อยากตอบคำถามนี้มากเท่าไหร่
หลังจากที่เธอทำอาหารเช้าเสร็จก็เดินมาที่โรงพยาบาลโดยตรง เดิมทีเธอตั้งใจจะมากินกับคุณท่าน คิดไม่ถึงว่าเทาเท่ก็อยู่ที่นี่ด้วย……
หลินจือซ่อนความคิดไม่เก่ง คุณท่านและเทาเท่มองออกว่าเธอยังไม่ได้กิน
คุณท่านพูดห้ามปราม “เธอก็ไปกินหน่อยเถอะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอา”
เพราะเหตุนี้การมาเยี่ยมของหลินจือจึงกลายเป็นร่วมอาหารเช้ากับเทาเท่
คุณท่านชอบกินอาหารจีน หลินจือจึงเตรียมโจ๊กที่ส่งกลิ่นหอม ไข่ต้ม และยังมีเกี๊ยวนึ่งที่ตื่นมาหอตั้งแต่เช้าของวันนี้ เพียงแต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เข้าไปอยู่ในท้องของเทาเท่หมดแล้ว
เทาเท่ไม่เกรงใจเลยสักนิด หลังจากที่มั่นใจว่าหลินจือกินอิ่ม เขากินของที่เหลือจนหมดเกลี้ยง
หลินจือทั้งรู้สึกโมโหและขำ คุณท่านก็ถลนตาขาวอย่างช่วยไม่ได้
อะไรที่เรียกว่ารู้จักไขว่คว้าเมื่อตอนที่สูญเสีย มันก็คือหลานชายของเขาคนนี้
ตอนนั้นถ้าเขารู้จักไขว่คว้าไม่หย่า ถึงแม้สุขภาพของหลินจือจะประสบสถานการณ์แบบนั้น ขอเพียงคนทั้งสองยังเป็นสามีภรรยา เขาก็คงไม่โดนถีบไสส่งจนห่างเหินแบบนี้
หลินจือและคุณท่านไม่มีอารมณ์ไปสนใจเทาเท่ พวกเขารู้เพียงแต่ว่าตอนนี้บนตัวของเขาถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของความดีใจ นอกจากอิ่มท้อง มันยังทำให้เขาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเอาชนะใจของเธอกลับมา
เขาไม่สามารถไปจากความอ่อนโยนของเธอ ไม่สามารถไปจากอาหารเลิศรสของเธอ ยิ่งไม่สามารถไปจากเธอ
การมีอยู่ของเธอ ทำให้เขารู้สึกว่าทั้งชีวิตเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า…มันคุ้มที่จะอยู่บนโลกใบนี้
หลังจากกินอาหารเช้า หลินจือนั่งคุยกับคุณท่าน คราวนี้เทาเท่ไม่ได้อยู่ต่อ บอกว่ามีธุระต้องไปคุยกับไวท์นิดหน่อย
หลังจากเทาเท่ไป ในที่สุดหลินจือก็รู้สึกโล่งใจ คุณท่านถามเธอด้วยความอ่อนโยน “ชีวิตในเมืองเปกก้าเป็นยังไงบ้าง? คุ้นเคยหรือเปล่า?”
หลินจือยิ้มอย่างมีความสุข “สบายดี ทั้งครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ค่อนข้างรู้สึกอบอุ่นใจ”
คุณท่านรู้สึกดีใจแทนเธอ “มองแวบแรกฉันก็รู้แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดี ตอนนี้เรื่องร้ายๆก็จบลงแล้ว เธอคู่ควรได้รับความรักจากตระกูลแม็กซิมัส”
คุณท่านพูดถึงตรงนี้หยุดชะงัก เปลี่ยนประเด็นไปที่ตัวของเทาเท่แทน แต่ก็ไม่ได้พูดแทนเทาเท่ แต่พูดในมุมของเธอแทน “ถ้าหากต่อไปเทาเท่มาเซ้าซี้เธออีก เธอบอกฉันได้เลย ฉันจะเป็นคนจัดการแทนเธอเอง ฉันจะสั่งให้อยู่ห่างจากเธอเอาไว้”
“คุณไม่ต้องจัดการฉันแทนเขาหรอก ฉันว่าคุณรีบแนะนำผู้หญิงนิสัยดีให้เขารู้จักสองสามคนดีกว่า แบบนั้นเขาก็จะไม่มีเวลามาเซ้าซี้ฉันอีก” หลินจือต่อคำพูดของคุณท่านแบบนี้
คุณท่านมองเธออย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง “มันก็จริง”
หลินจือไม่ต้องการพูดถึงเทาเท่ รีบหยิบกล่องของขวัญที่มีการห่ออย่างประณีตออกจากกระเป๋าส่งให้คุณท่าน “นี่เป็นของขวัญที่คุณปู่มอบให้คุณ เขาได้ยินว่าคุณไม่สบาย เดิมทีตั้งใจจะมาเยี่ยมคุณด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากเขาอายุมากแล้วสุขภาพไม่เอื้ออำนวย ดังนั้นก็เลยไหว้วานฉันมามอบให้คุณแทน”
“ขอบคุณปู่ของเธอแทนฉันด้วย” คุณท่านรู้สึกดีใจมาก รับกล่องของขวัญมาเปิดดูด้วยท่าทางที่แทบจะรอไม่ไหว
คุณปู่ของตระกูตระกูลแม็กซิมัสมอบกาน้ำชาดินเหนียวสีม่วงที่เก็บสะสมให้เขา เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณท่านดูแลหลินจือมาตลอดหลายปี
หลังมอบของขวัญเสร็จ หลินจือพูดคุยกับคุณท่านอีกไม่กี่คำ กลัวรบกวนคุณท่านพักผ่อนจึงขอตัวกลับ
ทันทีที่เดินออกจากห้องผู้ป่วย หลินจือสังเกตเห็นเทาเท่ที่ยืนรออยู่ตรงโถงทางเดิน เธอหันหลังแล้วเดินไปโดยไม่คิด ทว่าห้องของคุณท่านอยู่ตรงสุดทางของโถงทางเดิน ดังนั้นหลินจือเดินไปได้เพียงสองก้าวก็เดินไปติดกับกำแพงแล้ว
“หนีอะไร?” สองมือของเทาเท่วางอยู่บนขอบหน้าต่างของโถงทางเดิน ใช้โอกาสนี้โอบเธอไว้ในอ้อมแขนแล้วถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
“คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอ?” หลินจือพยายามโน้มตัวไปด้านหลังอย่างสุดชีวิต เพื่อเว้นระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด
ตกลงเขามีความเจียมตัวที่ผู้ชายและผู้หญิงเลิกกันแล้วหรือเปล่า?
ใกล้เธอมากขนาดนี้ทำไม?
ยิ่งไปกว่านั้นบนโถงทางเดินมักจะมีพยาบาลเดินเข้าออกอยู่บ่อยครั้ง ถ้าหากมีคนมาเห็นมันดูดีเหรอ?
เทาเท่ไม่สามารถทำใจทรมานเธอต่อ ก้าวถอยหลังเว้นระยะห่างจากเธอหนึ่งก้าวแล้วพูด “ไวน์มีธุระต้องคุยกับคุณนิดหน่อย”
“ไวน์?” หลินจือไม่เข้าใจ
ไวน์มีธุระอะไรต้องคุยกับเธอ?
“ไปแล้วก็รู้เอง” เทาเท่ทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้แล้วชิงเดินหนีไปก่อน หลินจือทำได้แต่เดินตามเขาไปที่ห้องทำงานของไวน์
หลังจากที่ไปถึงหลินจือถึงรู้ ที่แท้ไวน์ต้องการแนะนำผู้เชี่ยวชาญทางด้านนรีเวชให้เธอรู้จัก
เทาเท่ยืนอยู่ด้านข้างแบบนั้น จ้องเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม อันที่จริงหัวข้อบทสนทนาทำให้หลินจือรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เธออยากปฏิเสธความหวังดีของไวน์มาก เพราะเธอรู้สึกท้อแท้เกี่ยวกับเรื่องของการรักษาแล้ว
ช่วงนี้จอร์แดนและลูน่าก็พาเธอไปหาหมอนรีเวชหลายคน ยาก็กินแล้ว การปรับสภาพบางอย่างก็ทำแล้ว แต่หลินจือสามารถมองออกจากสีหน้าของหมอพวกนั้น ดูเหมือนมันไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรเลย
ไวน์มองสีหน้าที่ปฏิเสธของหลินจือออก จึงพูดอธิบาย “หมอคนนี้ถึงว่าเป็นศิษย์พี่แม่ของผม หลายปีมานี้รักษาโรคซับซ้อนที่เกี่ยวกับนรีเวชมากมาย ครั้งก่อนผมก็อยากคุยกับคุณแล้ว แต่คุณรีบไปเกิน ผมเองก็ไม่ทันได้พูด”
ไวน์เป็นคนของตระกูลการแพทย์ หลินจือจำได้ว่าแม่ของเขาเก่งเรื่องแพทย์แผนจีนมากที่สุด แสดงว่าหมอที่เขาแนะนำก็น่าจะเป็นแพทย์แผนจีน ช่วงนี้หลินจือก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยไปหาหมอแพทย์แผนจีน แค่นึกถึงความขมของยาจีนก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เทาเท่ที่อยู่ด้านข้างชิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้ายก่อน “ถ้าหากคุณกล้าหนี ผมจะจับคุณมัดแล้วเอาไปรักษา”
หลินจือ “……”