หลินจือถูกคำพูดที่หยิ่งยโสและเป็นใหญ่ของเทาเท่โกรธจนจะบ้าตาย กัดฟันจ้องไปที่เทาเท่ชั่วครู่หนึ่งก็ยังพูดไม่ออก
ไวท์ค่อยไกล่เกลี่ยอยู่ข้างๆ: “เท่ ก็ลำบากใจเพื่อเธอ เพราะงั้นเลยพูดแรงไปหน่อย”
“เธอนั่งลงก่อน พวกเราค่อยๆคุยกัน” ไวท์จ้องเขม็งไปที่เทาเท่และพูดไปด้วย ส่งสัญญาณให้เขาว่าใจเย็นๆก่อน ไม่งั้นก็ออกไป
เทาเท่ย่อมไม่ออกไปแน่นอน ดังนั้นจึงดึงเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างๆ
เมื่อกี้เขาไม่ได้โกรธถึงดุ แต่รู้สึกน้อยใจ
เพื่อช่วยให้เธอปรับร่างกาย หาหมอขอยาไปทั่ว แล้วเธอหละ กลับดูเหมือนไม่เป็นอะไร ทุกครั้งที่เจอหน้าก็ดูเฉยเมย เมื่อได้ยินว่าไวท์กำลังจะแนะนำหมอให้กับเธอ กลับยังขมวดคิ้ว
เขาจะรู้ได้ไงว่า หลินจือกลัวความขมของยาจีนโบราณจริงๆ
หลังจากที่หลินจือนั่งลงไวท์ก็สื่อสารกับหลินจืออย่างอดทน: “ก่อนอื่น ฉันต้องการถามเธออย่างจริงจัง เธอยินดีที่จะขอคำปรึกษาจากรุ่นพี่คนนั้นของแม่ฉันไหม”
ตอนนี้ไวท์ก็เห็นหลินจือขมวดคิ้วต่อต้านแล้ว นั่นคือเหตุผลที่เขาถามอย่างนี้ก่อน
ถ้าหลินจือเองไม่ต้องการ หมออย่างพวกเขาก็ไม่สามารถบังคับให้เธอไปดูได้
หลินจือพูดปฏิเสธได้ที่ไหน?
ถ้าเธอกล้าพูด คาดว่าเทาเท่ที่อยู่ข้างๆจะรีบวิ่งเข้ามาบีบคอเธอทันที
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า “ฉันยินดีอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ฉันก็พบหมอมาเยอะแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มองในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้…”
แม้ว่าหมอเหล่านั้นจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่หลินจือก็สามารถรู้ผลลัพธ์ได้จากสีหน้าและคำพูดอ้อมค้อมของพวกเขา
เธอยังคงไม่ค่อยหวังอะไรมากสำหรับหมอที่ไวท์แนะนำในครั้งนี้
ไวท์หัวเราะขึ้นมา : “ไม่เป็นไร หาหมอมากขึ้นคนหนึ่ง ก็มีความหวังมากขึ้นใช่ไหมหละ”
ไวท์พูดอีกว่า : “แต่รุ่นพี่คนนั้นของแม่ของฉันไม่ได้อยู่ในเมืองเจสเวิร์ด แต่อยู่ใน เมืองเออันเมืองข้างๆ และยังอยู่ในเมืองเล็กๆที่ห่างไกลมาก ต้องให้แม่ของฉันจะพาเธอไปถึงจะเจอเขาตัวจริง”
ไวท์พูดถึงตรงนี้ก็อธิบายอย่างเกรงใจเล็กน้อย: “พ่อกับแม่ของฉันออกไปท่องเที่ยวข้างนอกสักพักแล้ว พรุ่งนี้ถึงจะกลับมา ดังนั้นยังต้องให้เธออยู่ที่เมืองเจสเวิร์ดต่ออีกวัน”
“ขอบคุณ และขอบคุณคุณน้าด้วย” สำหรับหลินจืออยู่ต่ออีกวันก็ไม่มีอะไร ยังไงเธอก็ยังมีที่อยู่ในเมืองเจสเวิร์ด
บ้านพักของเธออยู่ข้างกันกับเทาเท่ แต่ยังดูอบอุ่นและสะอาด ซึ่งเธอก็อาศัยอยู่ที่นั่นเมื่อคืนนี้
ก่อนหน้านั้น เธอรีบจากไป เอามาแค่เสื้อผ้าชั่วคราวไม่กี่ชุด ของเล็กๆ น้อยๆอย่างอื่นยังอยู่ที่นี่ เธอไม่ได้ขาดอะไรเลยเมื่อมาถึงเปกก้า จอร์แดนและลูน่าเตรียมทุกอย่างสำหรับเธอไว้แล้ว
หลังจากที่จอร์แดนซื้อบ้านที่เปกก้าให้เธออีกหลัง เธอเสนอให้ขายบ้านหลังนี้ในเมืองเจสเวิร์ดทิ้ง แต่ จอร์แดนไม่เห็นด้วย
คำพูดเดิมของจอร์แดนคือเขาไม่ได้ขาดเงิน บ้านก็ไม่มีอะไร ก็เก็บหลังนี้ไว้ รอทีหลังไปเมืองเจสเวิร์ดเพื่อพักผ่อน ไม่แน่มูลค่าอาจเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ หลินจือก็ทำได้เพียงเคารพการตัดสินใจของจอร์แดนเท่านั้น
ไวท์กล่าวอย่างอ่อนโยน : “อย่าเกรงใจเลย ถ้าร่างกายของเธอสามารถปรับได้แล้ว เท่ก็มีความสุขแล้ว พวกเธอสองคนดีแล้ว พวกเราที่เป็นเพื่อนก็จะมีความสุขเหมือนกัน”
คำพูดของไวท์เชื่อมโยงหลินจือกับเทาเท่ไว้อย่างไม่ปิดบัง และถึงกับรู้สึกว่ากำลังอวยพรพวกเขาด้วย กลับทำให้หลินจือไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อแล้ว
เทาเท่ลุกขึ้นและเดินไปข้างหลินจือและพูดกับไวท์ “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับก่อน ไม่รบกวนแล้ว”
ขณะที่พูดก็โอบไหล่ของหลินจือกะจะพาเธอออกไป หลินจือหงุดหงิดมาก เขาไม่ตระหนักเลยจริงๆ คำบอกเลิกพวกนั้นที่เธอพูดก็พูดเสียเปล่าหรือไง?
หันไปทางด้านข้าง หลบมือที่จะโอบเธอของเทาเท่ เธอรีบเดินออกไปคนเดียว
เทาเท่เดินจากไปอย่างไม่สนใจในสายตาเยาะเย้ยของไวท์
ไม่กี่ก้าวก็ตามหลินจือทัน เทาเท่ก็ขวางเธอและพูดว่า “ฉันส่งเธอกลับ”
หลินจือปฏิเสธ: “ไม่ต้อง คุณคงยุ่ง ฉันเรียกรถกลับเอง”
ปกติเขายุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่กินข้าวเลยไม่ใช่หรอ? ช่วงนี้เป็นอะไรไป ตามไปมาข้างเธอทั้งวัน
เทาเท่ทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ พูดสั่งกับตัวเอง: “ฉันไปขับรถ เธอไปรอฉันที่ประตู”
หลินจือ: “……”
อย่างไรก็ตาม เทาเท่ก็ไปไกลแล้ว หลินจือได้แค่เดินออกไปข้างนอกก่อน
ถ้าแท็กซี่มาถึงทางเข้าโรงพยาบาลพอดี เธอก็ขึ้นรถไปได้เลย
เพียงแค่เธอมาถึงหน้าโรงพยาบาล รถของเทาเท่ก็ขับมาอย่างรวดเร็ว ตอนหยุดอยู่ตรงหน้าเธอทำเอาหลินจือถึงกับตกใจ เธอไม่รู้ว่าเทาเท่ขับรถให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร
“ควีนเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย ฉันไปดูหน่อย เธอจะไปด้วยกันไหม” กระจกรถที่เลื่อนลงมาให้เห็นใบหน้าของเทาเท่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
เมื่อหลินจือได้ยินว่าเกิดเรื่องกับควีนก็รีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง: “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เทาเท่จ้องมองที่เธอ พูดด้วยความยากลำบาก “เธอ…แท้งแล้ว”
“อะไรนะ?” หลินจือหัวใจหล่นไปอยู่ที่เท้า
แท้งลูกสองคำนี้ ฟังแล้วเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับผู้หญิงทุกคน
เทาเท่สตาร์ทรถพาเธอไปที่บ้านของควีน หลินจือต้องใช้เวลาพักหนึ่งถึงรู้สึกตัว เธอถามเสียงเบา “ถ้างั้นเด็กคนนี้…คือของโซเมนใช่ไหม”
ที่จริงหลินจือรู้ว่าเป็นของโซเมนแน่นอน แต่ก็ยังสับสนเล็กน้อย และต้องการยืนยันอีกครั้ง
“ใช่” เทาเท่ตอบ
หลินจือรู้สึกเจ็บปวดในใจราวกับว่าถูกแทงด้วยเข็ม เจ็บปวดแทนควีน เจ็บแทนเด็กคนนั้นที่ยังไม่ทันได้มาโลกนี้
เธอถามอีกอย่างเศร้าๆ “โซเมนไม่อยากได้เด็กคนนี้หรอ?”
เทาเท่ตอบกลับมาอย่างเรียบๆ: “เธอคิดว่าตามนิสัยของเขาแล้ว จะเอาไหม”
“ก็ถูก” หลินจือยิ้มและหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ท่านประธานโซเมน ยังสนุกไม่พอเลย จะเป็นไปได้ไงที่จะให้ผู้หญิงคนนึงและเด็กคนนึงมาผูกมัดชีวิตเขาไว้”
โซเมนคือผู้อยู่เป็นโสด กลุ่มพวกเขาทุกคนรู้ดี
คนที่ไม่เชื่อในความรักและไม่อยากแต่งงาน จะอยากมีลูกได้ยังไง?
แม้ว่าหลินจือจะเตรียมใจไว้แล้วเมื่อรู้ว่าควีนและโซเมนอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ว่าควีนจะเปิดใจกว้าง แต่เมื่อได้ยินว่าควีนสูญเสียลูกไป หลินจือก็ไม่สามารถควบคุมความเศร้าของตัวเองได้
เทาเท่ขับรถด้วยมือเดียว ใช้มือข้างหนึ่งจับมือของเธอที่กำแน่นเพราะความเจ็บปวดไว้ “ควีนตัดสินใจเอาเด็กออกเอง บางทีเธออาจจะมองออกอยู่แล้ว”
เทาเท่ต้องการปลอบหลินจือ แต่หลินจือยังคงสะอึกและพูดว่า “เพียงถ้ามีโอกาส ใครจะไม่อยากเก็บลูกของตัวเองไว้ แม้ว่าเธอจะตัดสินเอาเด็กออกเอง ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่รู้สึกเจ็บใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเจ็บปวดทางร่างกาย”
คิดว่าผู้หญิงทุกคนก็รู้ ว่าทำแท้งสร้างความเสียหายมากสำหรับร่างกายผู้หญิง
ความรักครั้งนี้สำหรับควีนแล้ว บอกได้เลยว่าทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
คำพูดของหลินจือทำให้ เทาเท่ปิดปากเงียบ ความโกรธที่มีต่อโซเมนในใจของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เขาเคยเตือนโซเมนแล้ว อย่าทำร้ายควีน ทำเด็กออกมาแล้วเอาออก นี้หมายความว่าไง?