ตอนที่ 936 งานเลี้ยงที่หงเหมิน
โจวซินพูดซะยกใหญ่ และแนะนำหยางโปเป็นอย่างมากให้ซื้อ เขาคาดหวังมาก โดยคิดว่าหยางโปจะต้องฟังคำแนะนำของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าหยางโปแค่ส่ายหน้า โดยที่ไม่ตอบสนองใดๆ เลยทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะทำสีหน้าที่ค่อนข้างลำบากใจ
“ คุณไม่ชอบมันงั้นเหรอ ? ” โจวซินถาม
หยางโปไม่มีทางเลือก เดิมเขาคิดว่าโจวซินแกล้งทำเป็นเสแสร้ง แต่คิดไม่ถึงว่าความฉลาดทางอารมณ์ของเขาไม่ถึงจริงๆ เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามไปว่า ” คุณมองดูดีๆ หยกยู่อี่ชิ้นนี้เป็นยังไงบ้าง ? ”
โจวซินรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เขามองไปข้างหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาจ้องมองด้วยสองตา
แล้วหลับตาลงเล็กน้อย
ไม่นานโจวซินก็มองด้วยความสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ ” เป็นไปได้ยังไง ? ”
“ อะไรคือเป็นไปได้ยังไง ? ” หยางโปถาม
โจวซินส่ายหัวเล็กน้อย “ คิดไม่ถึงว่าจะทำแบบนี้ได้ด้วย ! ”
หยางโปหัวเราะ อันที่จริง เขาก็คิดไม่ถึงว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกปลอมแปลงได้ด้วยเหมือนกัน
และไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีการใดกันแน่ ถึงได้ทำให้หยกยู่อี่ชิ้นนี้มีพลังปนเปื้อนอยู่ หยกยู่อี่ชิ้นนี้ใช้ทำเป็นจี้หยก แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆก็สามารถยืดอายุให้ยาวนานขึ้นได้ แต่สำหรับคนที่ฝึกฝนเลี่ยนชี่แล้ว กลับไม่มีผลพวงอื่นใดจะเข้ามาโจมตีได้ !
แต่คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุมองกับดักนี้ไม่ออก ไม่ช้าก็ตกลงหลุมพราง
หยางโปทั้งสามคนนั่งนิ่งเฉยไม่สนใจใคร และเฝ้าดูพวกเขาใช้เงินจับจ่ายกัน
โจวซินเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ค่อยจะพอใจ “ ผมจะเอาตัวไปเทียบกับคุณได้ยังไง ? อาจารย์ของผมแข็งแกร่งกว่าคุณ ช่วงระยะเวลาการบำเพ็ญเพียรก็นานกว่าคุณ สำหรับขั้นปัจจุบันของผมก็ยังสูงกว่าคุณ ผมจะแย่กว่าคุณไปได้ยังไงกัน ? ”
หยางโปเลยถือโอกาสนี้ถาม “ ตอนนี้คุณอยู่ขั้นไหนแล้ว ? ”
“ อยู่ระหว่างกลางขั้นหยิ่นชี่ ! ” โจวซินพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
หยางโปจึงถามต่อไปว่า “ ตอนนี้เยว่จวิ้นเหยาล่ะ อยู่ถึงขั้นไหนแล้ว ? ”
“ เธอเหรอ ? เกรงว่าน่าจะเข้าสู่ขั้นเลี่ยนชี่แล้ว ” โจวซินกล่าวด้วยความเศร้าใจ “ เยว่จวิ้นเหยาช่วงชิงกับใครไม่เป็น เธอเกิดมาพร้อมกับจิตใจที่งดงามและใสซื่อ จดจ่ออยู่แต่การบำเพ็ญเพียร เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกฝน อย่างพวกเราเนี่ยเทียบเธอไม่ติดเลย ! ”
หยางโปพยักหน้า จู่ๆก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาบ้าง ตอนนี้เขาเกือบจะอยู่ในขั้นปลายหยิ่นชี่แล้ว
พลังภายในร่างกายรวมตัวกันเล็กกว่าขนาดไข่ไก่เพียงเล็กน้อย ยังห่างจากการบรรลุผลอยู่ก็ค่อนข้างมาก ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็แข็งแกร่งกว่าโจวซินมาก แค่โจวซินไม่ได้สังเกตเห็นก็เท่านั้น
สำหรับเยว่จวิ้นเหยาแล้ว ตอนที่เธอจากไป ก็ได้บรรลุขั้นหยิ่นชี่ไปแล้ว อาจารย์เรียกตัวเธอกลับไป น่าจะเพื่อให้ฝ่าด่านไปอีกขั้น ถ้าสามารถฝ่าด่านไปได้เร็วขนาดนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
โจวซินไม่รู้ว่าหยางโปกำลังคิดอะไรอยู่ นึกไปว่าเขายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของขั้นหยิ่นชี่ ก็แสดงทีท่าพึงพอใจอย่างปิดไว้ไม่อยู่ “ คุณไม่รู้เหรอ การฝึกฝนบนภูเขามันยากลำบากแค่ไหน ลงเขามา
ก็ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรได้อีก ตอนนี้คุณดูคนในงานพวกนี้สิ คนที่มี
ขั้นวรยุทธสูงสุด ก็มีแต่เสวียนจงแล้ว แต่เขาก็แค่อยู่ในขั้นฝึกฝนหยิ่นชี่ในระยะแรกเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆส่วนใหญ่ที่อยู่ในงาน อันที่จริงพวกเขาแค่เริ่มมีพลังกันนิดหน่อยก็เท่านั้น ! ”
หยางโปมองหน้าโจวซิน ” ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ? ”
“ เมื่อกี้คุณไม่ได้ยินเหรอ ? ในยุคที่ใกล้จะถึงการสิ้นสุด พลังระหว่างสวรรค์กับโลกนั้นเบาบางลง
ที่สามารถฝึกฝนต่อไปได้ ก็ถือว่าได้รับการโปรดปรานจากสวรรค์และโลกแล้ว ถ้าคิดอยากจะมีฝีมือ มันยากเอามากๆ คุณคิดว่าทุกคนเป็นเหมือนผมหรือไง เป็นอัจฉริยะที่ค้นพบได้ในพันปีนี้น่ะเหรอ ? ” โจวซินกล่าว
หยางโปมองดูท่าทางภาคภูมิใจของโจวซิน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ไม่นาน หยกยู่อี่ชิ้นสุดท้ายก็ถูกประมูลขายไปได้ในราคา 200 ล้านหยวน ในเวลาเดียวกันนั้นเสวียนจงก็ประกาศจบงานประมูลลง
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านล่างเวที อดที่จะรู้สึกเสียใจไม่ได้ เขาวิ่งมาอย่างมีความหวัง อันที่จริง ไม่ใช่แค่โสมคนและบัวหิมะเท่านั้น เขาคิดที่จะเสาะแสวงหาเพื่อนที่เดินสายทางเดียวกัน แต่คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีแค่คนนอก
ทางด้านหลูตงซิงกลับมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาหันไปกระซิบกับหยางโป “ พวกเรารีบไปกันเถอะ
นายรีบไปนำคัมภีร์ลับมาให้ฉันด้วย ฉันแทบทนรอไม่ไหวแล้ว ”
หยางโปหัวเราะ “ ไม่ต้องรีบร้อนไป การบำเพ็ญเพียรไม่ได้สำเร็จได้ในวันเดียว เวลานี้คุณรีบร้อนแบบนี้ มันไม่เหมาะสำหรับการฝึกฝน คุณต้องรู้ว่า ถ้าเกิดใจร้อนไปแล้วพลังเกิดไหลเวียนไปผิดทาง มันก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ! ”
หยางโปพูดทีเล่นทีจริง อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้มีคัมภีร์ลับใดๆอยู่ในมือเลย เขาจึงทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเท่านั้นเพื่อที่จะช่วงชิงเวลาที่จะส่งมอบต่อให้หลูตงซิงช้าลง
แต่หลูตงซิงกลับเชื่อมั่นทุกอย่าง เพราะหยางโปพูดอย่างมีเหตุผล
ทั้งสามคนลุกขึ้นและพากันเดินไปด้านหลังเวที เพื่อชำระเงินเอาโสมพันปี
ในขณะที่กำลังจะจากไป เสวียนจงก็ได้มาหยุดพวกเขาเอาไว้ ” ศิษย์พี่หยาง ศิษย์พี่หลู ไม่ทราบว่าคืนนี้พวกคุณพอมีเวลาว่างกันไหม ? ผู้บำเพ็ญเพียรสองสามท่านของชุมนุมยุทธภพจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวในคืนนี้ เลยอยากจะเรียนเชิญท่านทั้งสองมาเข้าร่วมด้วย ”
โจวซินที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ ทำไมไม่เชิญผมด้วยล่ะ ? ”
เสวียนจงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้สติกลับมา ” แน่นอนว่ายังมีคุณโจวด้วย ”
โจวซินทำเสียงเยาะเย้ยเบาๆ บ่งบอกถึงความพึงพอใจ
หยางโปก็อยากพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนร่วมบำเพ็ญเพียรในสายทางเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยักหน้าตอบตกลง
หลังจากส่งโสมคนพันปีไปไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารในพื้นที่แล้ว หยางโปและพรรคพวกก็รีบไปที่โรงแรมริมทะเลสาบตะวันตก
โรงแรมนี้อยู่ไกลจากชุมชนไปหน่อย เสวียนจงจัดให้คนมาคอยต้อนรับอยู่นอกซอยเป็นการเฉพาะ
เพื่อมานำทางพวกเขาให้เข้าไปในโรงแรม ในโรงแรมมีกลิ่นอายความโบราณ ทั้งหมดถูกตกแต่งด้วยรูปแบบโบราณทั้งหมด
เมื่อเดินเข้ามาในห้องวีไอพี หยางโปก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากนั่งอยู่กันแล้ว ทั้งหมดเคยเจอกันในงานประมูล มีหลิวเต๋าโยวที่ผมขาวโพลน ยังมีโจวเสี่ยวปินประธานใหญ่กรีนทัวร์ที่ประมูลได้คัมภีร์ลับไป มีนักพรต และเศรษฐี
หยางโปรู้สึกแปลกใจ เพราะเขาคิดไม่ถึงว่า คนหนึ่งที่ขายคัมภีร์ลับ กับอีกคนที่ซื้อคัมภีร์ลับไปต่างก็อยู่ที่นี่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาอาจจะจงใจขึ้นราคาและโกงราคาในงาน ?
เมื่อเสวียนจงเห็นสีหน้าท่าทีของหยางโปก็รีบอธิบายทันที ” หลิวเต๋าโยวและศิษย์พี่หยาง มาใหม่ในวันนี้เหมือนกัน แต่แค่เขานั่งรถมาคันเดียวกับเรา เลยมาถึงก่อนเล็กน้อย ”
หยางโปพยักหน้าและไม่พูดอะไรมาก
สีหน้าท่าทีที่เย็นชาของหยางโป ทำให้บางคนในที่เกิดเหตุไม่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก
” ศิษย์พี่หยาง ? เขาก็เป็นแค่เด็กน้อยที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็เท่านั้น นับประสาอะไรกับความยากลำบากในการบำเพ็ญเพียรในเขามานานนับปี จะถูกเรียกว่าศิษย์พี่ได้ยังไง ? ”
เสวียนจงกำลังจะเอ่ยปากไกล่เกลี่ย โจวเสี่ยวปินก็พูดขัดขึ้นแล้วว่า ” ไม่ทราบว่าศิษย์พี่หยางกำลังฝึกฝนคัมภีร์ลับอะไร ถึงได้มียาขนานวิเศษ พวกเรามาแลกเปลี่ยนแบ่งปันกันสักหน่อยดีไหม
จะได้พัฒนาและก้าวหน้าไปพร้อมกัน ”
หยางโปสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆ ” ไม่ทราบว่านี่เป็นงานเลี้ยง
หงเหมินหรืองานเลี้ยงต้อนรับแขก ? ”
โจวซินที่นั่งอยู่ข้างๆ หมดความอดทนไปนานแล้ว ” หยางโป พวกเราไปกันเถอะ จะไปสนใจคนพวกนี้ไปทำไมกัน ? พวกเขาไม่เข้าใจกฎเลยแม้แต่น้อย คัมภีร์ลับของคนอื่นจะให้ดูกันง่ายๆได้ยังไง ? ”
สีหน้าของคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในห้องถอดสีไปทันที “ คุณพูดว่าอะไรนะ ? ”
โจวซินฮึดฮัดเย็นชา ” ที่ผมพูดไปหมายพวกคุณ แล้วมันยังไงล่ะ ? ”
นักพรตคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในนั้น นำหยกยู่อี่ออกมาและหันหน้ามองมาทางโจวซิน ” มีหยกยู่อี่ชิ้นนี้อยู่พอดี ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ฉันจะให้แกดูเป็นบุญตาสิว่า ศิษย์พี่ที่แท้จริงมันเป็นยังไง ! ศิษย์พี่จริงๆฝึกฝนมาอย่างหนักนานนับสิบปีที่อยู่แต่ในป่าลึกในเขา ! แต่ไม่ใช่อาศัยแค่ปากเดียวบุกเข้ายึดอำนาจ ! ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ชายคนนั้นก็ถือหยกยู่อี่ และพุ่งเข้ามาโจมตี เขาถ่ายทอดพลังลงไปใน
หยกยู่อี่ หยกยู่อี่ก็เปล่งแสงสว่างแวววับออกมา !