ตอนที่ 937 ไก่กระเบื้อง สุนัข ดินเผา
เมื่อโจวซินเห็นว่าอีกฝ่ายถือหยกยู่อี่ออกมา เดิมทียังรู้สึกร้อนใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นแสงสว่างของหยกยู่อี่ ก็หัวเราะเยาะดังออกมาทันที ” มันก็แค่ของที่อ่อนแอและแตกหักง่าย ! ”
ในขณะที่พูด โจวซินก็ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกไป
ทุกคนต่างพากันมองไปที่ทั้งสองคน นักธุรกิจหลายคนจ้องมองไปทางจุดเกิดเหตุตาไม่กระพริบ
หลังจากพวกเขาได้ศึกษาวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์มาเนิ่นนานหลายปี มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อของเหล่านี้ แต่แสงสว่างแวววาวที่หยกยู่อี่เปล่งแสงออกมา มันก็ไม่ได้หลอกลวงผู้คน !
เสียงที่ดังกึ่งก้องในจินตนาการไม่ดังขึ้น มีเพียงคนที่ถือหยกยู่อี่คนนั้นร้องโอดโอยจากนั้นก็ได้ยินเสียง “ เพล้ง ” ดังคมชัดตามมา
หยกยู่อี่ร่วงลงบนพื้น แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ !
นักพรตที่ถือหยกยู่อี่อยู่ ร้องโอดโอย ก้าวถอยหลังและล้มตัวลงบนพื้นทันที !
ผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีเสียงใดๆดังแลดลอดออกมาจากในจุดเกิดเหตุ ทุกคนต่างจ้องมองไปตรงจุดเกิดเหตุ อยากจะเอ่ยปากพูด แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี
โจวซินประสบความสำเร็จในการโจมตีแค่ครั้งเดียว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ ” ผมว่าอะไรนะ ? ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา หรือว่าผมพูดผิดไป ? ”
คนอื่นๆมีสีหน้าปั้นยาก แต่พวกเขาก็จ้องมองไปที่โจวซินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
ก่อนที่กลุ่มของหยางโปจะมาถึงกัน เสวียนจงได้แนะนำพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงพอจะจำโจวซินและคิดกันไปว่าเขาอาจจะเป็นลูกผู้ลาภมากดี
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ฝ่ามือเดียวของโจวซินก็ทำให้นักพรตที่ถือหยกยู่อี่ร่วงลงไปบนพื้นได้ หรือว่าโจวซินก็จะเป็นยอดฝีมืออีกคนเช่นกัน !
ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปที่โจวซินด้วยสีหน้าที่แปลกใจ ราวกับว่าได้ค้นพบยอดฝีมือคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากที่กำลังแสร้งทำเป็นอ่อนแอแล้วค่อยตะครุบเหยื่อเมื่อเผลอ เวลานี้พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี !
เสวียนจงรีบก้าวขึ้นไปด้านหน้า ประสานมือโค้งคำนับแล้วเอ่ยออกมาทันที “ คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่
โจวจะมีฝีมือเก่งกาจแบบนี้ เสียมารยาทแล้วจริงๆ ! ”
โจวซินยิ้มและโบกมือ ” ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ! ”
มุมปากของนักพรตคนนั้นมีเลือดซึมออกมา เขาลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ ศิษย์พี่โจว ผู้น้อยเพลี่ยงพล้ำล้วงเกินท่านไปแล้ว โปรดอย่าได้ถือสาไปเลย ! ”
โจวซินโบกมือทำเป็นใจกว้าง “ แค่เรื่องเล็กน้อย คุณก็อย่าไปใส่ใจกับมันมากนัก ”
บรรยากาศในงานเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันเดินเข้าไปโอบล้อมโจวซิน
โจวซินก็ทำตัวไม่สุภาพเช่นกัน ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ก็ชี้ไม้ชี้มือแตะเท้าไปมา และคุยโวโอ้อวด
ทางด้านหยางโปและหลูตงซิงกลับนั่งดูความครึกครื้นอยู่ด้านข้าง
โจวเสี่ยวปินประธานใหญ่ของกรีนทัวร์เดินถือแก้วไวน์เข้ามาทางด้านข้างของโจวซิน
” ศิษย์พี่โจว ผมขอชนแก้วกับคุณสักแก้ว ผมขอยกหมดแก้วเพื่อแสดงความเคารพก่อน ! ”
โจวซินยิ้มและพูดว่า ” ของพวกนี้มันก็แค่ของธรรมดาทั่วไปเท่านั้น วันหลังถ้ามีเวลา ผมจะพาไปดื่มเหล้าเลิศรส คุณถึงจะได้รู้ว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าเหล้าชั้นยอด ”
โจวเสี่ยวปินรีบพยักหน้า “ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณศิษย์พี่แล้ว ศิษย์พี่ คุณกับผมต่างก็แซ่โจว
ไม่แน่นะเมื่อห้าร้อยปีก่อนเราอาจเป็นครอบครัวเดียวกัน ! ”
โจวซินสีหน้าบึ้งตึ้งทันที “ เมื่อห้าร้อยปีก่อน พวกเราไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ปู่ของผมมีอายุยืนสามร้อยปี และพ่อของผมก็มีอายุยืนหนึ่งร้อยแปดสิบปี พวกเขาล้วนเป็นเซียน เมื่อห้าร้อยปีก่อนครอบครัวพวกคุณอยู่ที่ไหนกัน ? ”
โจวเสี่ยวปินทำหน้าไม่ถูก รีบพูดแก้ตัวทันที “ เป็นผมเองที่เอื้อมเกินฐานะ สมควรถูกลงโทษ
ผมขอดื่มสามแก้วเพื่อเป็นการลงโทษ ! ”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำของโจวซิน การฝึกฝนพลังสามารถยืดอายุขัยได้ นี่เป็นความรู้ทั่วไปที่ทุกคนรู้กันมาช้านาน แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นคนที่อายุยืนยาวมีอยู่จริง แต่ปู่ของโจวซินกลับมีอายุถึงสามร้อยปีนี่มันเกินกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้ซะอีก !
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยืนมองดูการแสดงของโจวซิน
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า คำโกหกกึ่งจริงครึ่งเท็จของโจวซินนี้ มีเสน่ห์อย่างที่สุด พวกเขาอดที่จะเชื่อคำพูดของเขาไม่ได้
งานเลี้ยงกินเวลานานกว่าสามชั่วโมง หยางโปและหลูตงซิงถึงได้ลากโจวซินออกมา เขากลัวว่า
โจวซินจะเมา แล้วพูดอะไรผิดเข้า และหลุดเปิดเผยภูมิหลังทั้งหมดของเขา
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หยางโปถึงได้รู้สึกโล่งใจ จากนั้นพวกเขาต่างก็แยกย้ายกลับไปที่ห้องพักใครห้องพักมันเพื่อพักผ่อน
หยางโปแอบคัดลอก ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) เก็บไว้อยู่ในห้องเงียบๆ และตั้งใจจะมอบคัมภีร์เล่มนี้ให้ หลูตงซิง แต่เขาก็สามารถแอบคัดลอกอีกสองสามเล่ม เพื่อมอบให้เพื่อนคนอื่นๆได้
ในวันที่สอง หยางโปและหลูคงซิงก็ไปที่ธนาคารเพื่อไปรับโสมคนด้วยกัน จากนั้นถึงได้ไปเคาะประตูของโจวซิน
โจวซินสะลึมสะลือเดินออกมา “ มีอะไรเหรอ ? ”
“ ตอนนี้พวกเราต้องไปจากหยูหางแล้ว คุณคิดจะทำอะไรต่อ ? ” หยางโปถาม
โจวซินแปลกใจมาก ” ทำไม ? หยูหางมีอะไรสนุกมากมาย ทำไมคุณถึงรีบกลับขนาดนั้นด้วยล่ะ ? ”
“ พวกเรากำลังจะไปกันตอนนี้แล้ว คุณคิดจะทำอะไรต่อ ” หยางโปถามต่อ
โจวซินนิ่งอึ้งไปทันที เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าหยางโปมาที่นี่เพื่อมาแจ้งข่าวแก่เขา แต่ไม่ได้มาถามความคิดเห็นของเขา หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย เขาก็ส่ายหัวแล้วตอบกลับไปว่า “ ผมไม่ไป ผมอยากอยู่ที่นี่ต่อ ชุมนุมยุทธภพยังมีอะไรสนุกๆอยู่ ! ”
หยางโปชายตามองโจวซินขึ้นลง แล้วส่ายหัวเล็กน้อย ” โจวซิน คุณน่าจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ คุณก็น่าจะรู้สภาพของหยกยู่อี่ดี ระวังตัวเองด้วย ”
โจวซินหัวเราะออกมา ” ไม่ต้องกังวล วิทยายุทธของผมสูงกว่าพวกเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่สามารถชนะพวกเขาได้ ”
หยางโปส่ายหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วยื่นให้กับเขา “ เห็นว่าคุณไม่มีโทรศัพท์มือถือ
ผมก็เลยซื้อมือถือให้คุณเครื่องหนึ่งผมบันทึกเบอร์โทรติดต่อเก็บไว้ให้ในเครื่องแล้ว ถ้าคุณมีอะไรก็โทรหาผม ผมจะรีบมาหา.. ”
โจวซินยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม “ คุณวางใจเถอะ ไม่มีเรื่องแน่นอน ”
เมื่อหยางโปเห็นว่าโจวซินไม่สนใจใยดี ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงมักจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถจัดการทุกอย่างได้ หยางโปพูดไปก็ไร้ประโยชน์
หยางโปและหลูตงซิงทั้งสองนำของขึ้นรถแล้วรีบเดินทางมุ่งหน้ากลับจินหลิงทันที
ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ หยางโปได้ยื่นคัมภีร์ลับที่คัดลอกไว้เงียบๆเมื่อคืนนี้ส่งให้ โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไร หลูตงซิงยิ้มและยื่นมือไปรับ โดยที่ไม่พูดอะไรมาก เรื่องแบบนี้ แม้แต่คนขับก็ไม่ควรให้เขาได้ยิน
ในที่สุด หลูตงซิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “ หยกยู่อี่ชิ้นนั่นมีปัญหาใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” มีปัญหา คล้ายของโบราณที่ทำปลอมขึ้นมา หยกยู่อี่ชิ้นนั้นเป็นของปลอม ”
หลูตงซิงเบิกตากว้าง “ นั่นก็หมายความว่า ความสามารถของโจวซินไม่ได้มีอยู่มากเท่าไรน่ะสิ ? ”
“ พลังของเขาถือว่าค่อนข้างดี แต่ถ้าเมื่อคืนนี้เป็นของจริง เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงส่ายหัว ” ถุยถุย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งั้นก็อันตรายแล้ว คนอย่างเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ที่
หยูหางต่อ นักเลงอย่างชุมนุมยุทธภพ ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ เรื่องเมื่อวานนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดที่จะวางอำนาจกับพวกเรา ! ”
หยางโปพยักหน้า ” นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ให้เขา แต่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้มาก เขาก็เห็น แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการฟังคำแนะนำของเรา ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและก้มหน้ามองดู และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว สายโทรเข้ากลับกลายเป็นแม่บุญธรรม ไม่รู้ว่าเธอมีธุระอะไร
เมื่อโจวซินเห็นว่าอีกฝ่ายถือหยกยู่อี่ออกมา เดิมทียังรู้สึกร้อนใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นแสงสว่างของหยกยู่อี่ ก็หัวเราะเยาะดังออกมาทันที ” มันก็แค่ของที่อ่อนแอและแตกหักง่าย ! ”
ในขณะที่พูด โจวซินก็ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกไป
ทุกคนต่างพากันมองไปที่ทั้งสองคน นักธุรกิจหลายคนจ้องมองไปทางจุดเกิดเหตุตาไม่กระพริบ
หลังจากพวกเขาได้ศึกษาวัตถุนิยมทางประวัติศาสตร์มาเนิ่นนานหลายปี มันก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อของเหล่านี้ แต่แสงสว่างแวววาวที่หยกยู่อี่เปล่งแสงออกมา มันก็ไม่ได้หลอกลวงผู้คน !
เสียงที่ดังกึ่งก้องในจินตนาการไม่ดังขึ้น มีเพียงคนที่ถือหยกยู่อี่คนนั้นร้องโอดโอยจากนั้นก็ได้ยินเสียง “ เพล้ง ” ดังคมชัดตามมา
หยกยู่อี่ร่วงลงบนพื้น แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ !
นักพรตที่ถือหยกยู่อี่อยู่ ร้องโอดโอย ก้าวถอยหลังและล้มตัวลงบนพื้นทันที !
ผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีเสียงใดๆดังแลดลอดออกมาจากในจุดเกิดเหตุ ทุกคนต่างจ้องมองไปตรงจุดเกิดเหตุ อยากจะเอ่ยปากพูด แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี
โจวซินประสบความสำเร็จในการโจมตีแค่ครั้งเดียว เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ ” ผมว่าอะไรนะ ? ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา หรือว่าผมพูดผิดไป ? ”
คนอื่นๆมีสีหน้าปั้นยาก แต่พวกเขาก็จ้องมองไปที่โจวซินด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
ก่อนที่กลุ่มของหยางโปจะมาถึงกัน เสวียนจงได้แนะนำพวกเขาทั้งสามคนเอาไว้แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงพอจะจำโจวซินและคิดกันไปว่าเขาอาจจะเป็นลูกผู้ลาภมากดี
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า แค่ฝ่ามือเดียวของโจวซินก็ทำให้นักพรตที่ถือหยกยู่อี่ร่วงลงไปบนพื้นได้ หรือว่าโจวซินก็จะเป็นยอดฝีมืออีกคนเช่นกัน !
ทุกคนต่างพากันจ้องมองไปที่โจวซินด้วยสีหน้าที่แปลกใจ ราวกับว่าได้ค้นพบยอดฝีมือคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากที่กำลังแสร้งทำเป็นอ่อนแอแล้วค่อยตะครุบเหยื่อเมื่อเผลอ เวลานี้พวกเขาจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี !
เสวียนจงรีบก้าวขึ้นไปด้านหน้า ประสานมือโค้งคำนับแล้วเอ่ยออกมาทันที “ คิดไม่ถึงว่าศิษย์พี่
โจวจะมีฝีมือเก่งกาจแบบนี้ เสียมารยาทแล้วจริงๆ ! ”
โจวซินยิ้มและโบกมือ ” ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ! ”
มุมปากของนักพรตคนนั้นมีเลือดซึมออกมา เขาลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ ศิษย์พี่โจว ผู้น้อยเพลี่ยงพล้ำล้วงเกินท่านไปแล้ว โปรดอย่าได้ถือสาไปเลย ! ”
โจวซินโบกมือทำเป็นใจกว้าง “ แค่เรื่องเล็กน้อย คุณก็อย่าไปใส่ใจกับมันมากนัก ”
บรรยากาศในงานเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทุกคนต่างพากันเดินเข้าไปโอบล้อมโจวซิน
โจวซินก็ทำตัวไม่สุภาพเช่นกัน ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น ก็ชี้ไม้ชี้มือแตะเท้าไปมา และคุยโวโอ้อวด
ทางด้านหยางโปและหลูตงซิงกลับนั่งดูความครึกครื้นอยู่ด้านข้าง
โจวเสี่ยวปินประธานใหญ่ของกรีนทัวร์เดินถือแก้วไวน์เข้ามาทางด้านข้างของโจวซิน
” ศิษย์พี่โจว ผมขอชนแก้วกับคุณสักแก้ว ผมขอยกหมดแก้วเพื่อแสดงความเคารพก่อน ! ”
โจวซินยิ้มและพูดว่า ” ของพวกนี้มันก็แค่ของธรรมดาทั่วไปเท่านั้น วันหลังถ้ามีเวลา ผมจะพาไปดื่มเหล้าเลิศรส คุณถึงจะได้รู้ว่าอะไรกันแน่ที่เรียกว่าเหล้าชั้นยอด ”
โจวเสี่ยวปินรีบพยักหน้า “ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณศิษย์พี่แล้ว ศิษย์พี่ คุณกับผมต่างก็แซ่โจว
ไม่แน่นะเมื่อห้าร้อยปีก่อนเราอาจเป็นครอบครัวเดียวกัน ! ”
โจวซินสีหน้าบึ้งตึ้งทันที “ เมื่อห้าร้อยปีก่อน พวกเราไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ปู่ของผมมีอายุยืนสามร้อยปี และพ่อของผมก็มีอายุยืนหนึ่งร้อยแปดสิบปี พวกเขาล้วนเป็นเซียน เมื่อห้าร้อยปีก่อนครอบครัวพวกคุณอยู่ที่ไหนกัน ? ”
โจวเสี่ยวปินทำหน้าไม่ถูก รีบพูดแก้ตัวทันที “ เป็นผมเองที่เอื้อมเกินฐานะ สมควรถูกลงโทษ
ผมขอดื่มสามแก้วเพื่อเป็นการลงโทษ ! ”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับการกระทำของโจวซิน การฝึกฝนพลังสามารถยืดอายุขัยได้ นี่เป็นความรู้ทั่วไปที่ทุกคนรู้กันมาช้านาน แต่ก็ไม่มีใครเคยเห็นคนที่อายุยืนยาวมีอยู่จริง แต่ปู่ของโจวซินกลับมีอายุถึงสามร้อยปีนี่มันเกินกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้ซะอีก !
หยางโปที่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยืนมองดูการแสดงของโจวซิน
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า คำโกหกกึ่งจริงครึ่งเท็จของโจวซินนี้ มีเสน่ห์อย่างที่สุด พวกเขาอดที่จะเชื่อคำพูดของเขาไม่ได้
งานเลี้ยงกินเวลานานกว่าสามชั่วโมง หยางโปและหลูตงซิงถึงได้ลากโจวซินออกมา เขากลัวว่า
โจวซินจะเมา แล้วพูดอะไรผิดเข้า และหลุดเปิดเผยภูมิหลังทั้งหมดของเขา
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หยางโปถึงได้รู้สึกโล่งใจ จากนั้นพวกเขาต่างก็แยกย้ายกลับไปที่ห้องพักใครห้องพักมันเพื่อพักผ่อน
หยางโปแอบคัดลอก ( คัมภีร์มวยไท่เก๊ก ) เก็บไว้อยู่ในห้องเงียบๆ และตั้งใจจะมอบคัมภีร์เล่มนี้ให้ หลูตงซิง แต่เขาก็สามารถแอบคัดลอกอีกสองสามเล่ม เพื่อมอบให้เพื่อนคนอื่นๆได้
ในวันที่สอง หยางโปและหลูคงซิงก็ไปที่ธนาคารเพื่อไปรับโสมคนด้วยกัน จากนั้นถึงได้ไปเคาะประตูของโจวซิน
โจวซินสะลึมสะลือเดินออกมา “ มีอะไรเหรอ ? ”
“ ตอนนี้พวกเราต้องไปจากหยูหางแล้ว คุณคิดจะทำอะไรต่อ ? ” หยางโปถาม
โจวซินแปลกใจมาก ” ทำไม ? หยูหางมีอะไรสนุกมากมาย ทำไมคุณถึงรีบกลับขนาดนั้นด้วยล่ะ ? ”
“ พวกเรากำลังจะไปกันตอนนี้แล้ว คุณคิดจะทำอะไรต่อ ” หยางโปถามต่อ
โจวซินนิ่งอึ้งไปทันที เขาเพิ่งจะเข้าใจว่าหยางโปมาที่นี่เพื่อมาแจ้งข่าวแก่เขา แต่ไม่ได้มาถามความคิดเห็นของเขา หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย เขาก็ส่ายหัวแล้วตอบกลับไปว่า “ ผมไม่ไป ผมอยากอยู่ที่นี่ต่อ ชุมนุมยุทธภพยังมีอะไรสนุกๆอยู่ ! ”
หยางโปชายตามองโจวซินขึ้นลง แล้วส่ายหัวเล็กน้อย ” โจวซิน คุณน่าจะรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ คุณก็น่าจะรู้สภาพของหยกยู่อี่ดี ระวังตัวเองด้วย ”
โจวซินหัวเราะออกมา ” ไม่ต้องกังวล วิทยายุทธของผมสูงกว่าพวกเขามาก เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่สามารถชนะพวกเขาได้ ”
หยางโปส่ายหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วยื่นให้กับเขา “ เห็นว่าคุณไม่มีโทรศัพท์มือถือ
ผมก็เลยซื้อมือถือให้คุณเครื่องหนึ่งผมบันทึกเบอร์โทรติดต่อเก็บไว้ให้ในเครื่องแล้ว ถ้าคุณมีอะไรก็โทรหาผม ผมจะรีบมาหา.. ”
โจวซินยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม “ คุณวางใจเถอะ ไม่มีเรื่องแน่นอน ”
เมื่อหยางโปเห็นว่าโจวซินไม่สนใจใยดี ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาไม่มีประสบการณ์ ดังนั้นเขาจึงมักจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถจัดการทุกอย่างได้ หยางโปพูดไปก็ไร้ประโยชน์
หยางโปและหลูตงซิงทั้งสองนำของขึ้นรถแล้วรีบเดินทางมุ่งหน้ากลับจินหลิงทันที
ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ หยางโปได้ยื่นคัมภีร์ลับที่คัดลอกไว้เงียบๆเมื่อคืนนี้ส่งให้ โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไร หลูตงซิงยิ้มและยื่นมือไปรับ โดยที่ไม่พูดอะไรมาก เรื่องแบบนี้ แม้แต่คนขับก็ไม่ควรให้เขาได้ยิน
ในที่สุด หลูตงซิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา “ หยกยู่อี่ชิ้นนั่นมีปัญหาใช่ไหม ? ”
หยางโปพยักหน้า ” มีปัญหา คล้ายของโบราณที่ทำปลอมขึ้นมา หยกยู่อี่ชิ้นนั้นเป็นของปลอม ”
หลูตงซิงเบิกตากว้าง “ นั่นก็หมายความว่า ความสามารถของโจวซินไม่ได้มีอยู่มากเท่าไรน่ะสิ ? ”
“ พลังของเขาถือว่าค่อนข้างดี แต่ถ้าเมื่อคืนนี้เป็นของจริง เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงส่ายหัว ” ถุยถุย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง งั้นก็อันตรายแล้ว คนอย่างเขาไม่เหมาะที่จะอยู่ที่
หยูหางต่อ นักเลงอย่างชุมนุมยุทธภพ ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายๆ เรื่องเมื่อวานนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดที่จะวางอำนาจกับพวกเรา ! ”
หยางโปพยักหน้า ” นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ให้เขา แต่พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้มาก เขาก็เห็น แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการฟังคำแนะนำของเรา ”
ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น โทรศัพท์ของหยางโปก็ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและก้มหน้ามองดู และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว สายโทรเข้ากลับกลายเป็นแม่บุญธรรม ไม่รู้ว่าเธอมีธุระอะไร