ตอนที่ 938 โง่เขลา
หยางโปลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับสาย
“ เสี่ยวโป แกอยู่ที่ไหน ! ” แม่หยางถาม
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ ผมอยู่นอกเมือง มีเรื่องอะไรไหม ? ”
แม่หยางตกใจ ดูเหมือนจะค่อนข้างลังเลใจ แต่ในที่สุดเธอก็เอ่ยปากพูดออกมา
“ หยางหลาง เขาออกมาแล้ว ”
หยางโปครุ่นคิดเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเวลาพอประมาณแล้ว ” อ้อ ออกมาแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องดีนะ ”
แม่หยางจับโทรศัพท์ไว้ “ เขาเพิ่งออกมาได้ไม่กี่วัน แต่ตอนนี้เขาได้ขโมยเงินในบ้านไปเล่นพนันอีกแล้ว ไม่ว่าฉันจะทำยังไงก็หยุดเขาไว้ไม่ได้ แกรู้จักใครในวงการนักเลงไหม เชิญใครสักคนไปสอนบทเรียนให้เขาหน่อยได้ไหม ? ”
“ สอนบทเรียนให้เขา ? ” น้ำเสียงของหยางโปเต็มไปด้วยความแปลกใจ “ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทำอย่างนี้บ่อยๆหรอกเหรอ ? ผมจำได้ว่าตอนแรกคุณพูดว่าไงนะ คุณบอกว่า ปล่อยเขาไปเถอะ ยังไงซะก็แค่เล่นพนันนิดๆหน่อยๆ ที่บ้านจะล้มจมได้ยังไง ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางโป แม่หยางก็ตกตะลึงไปทันที คำพูดพวกนี้เธอเคยพูดมาก่อนก็จริง
แต่มันก็เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ตอนนั้น หยางหลางไม่เรียนหนังสือแล้ว วันๆไม่มีอะไรทำ เล่นพนันก็ไม่ได้เยอะมาก เธอเสียใจที่หยางหลางไม่สามารถไปเรียนได้แล้ว ดังนั้นจึงปล่อยเลยตามเลย
คิดไม่ถึงว่าหยางโปจะเอ่ยถึงเรื่องเก่าๆในเวลานี้ เธอจึงไม่รู้จะตอบยังไงดี
หยางโปถือโทรศัพท์ไว้โดยที่ไม่พูดอะไรเช่นกัน เขายังคงรอคอยคำตอบ
หลังจากแม่หยางตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง “ แกก็น่าจะรู้สถานการณ์ที่บ้านดี เงินทองก็ไม่ค่อยดีนัก หากปล่อยให้เขาแพ้พนัน วัยชราของเราจะต้องอยู่กันอย่างลำบากมาก เสี่ยวโปเห็นแก่วันวานนะ ช่วยเราด้วยนะ ! ”
หลังจากผ่านไปสักพัก หยางโปถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ ตอนนี้ผมอยู่ที่อื่นอยู่ วันนี้กลับไปถึง ผมจะไปดูเขาให้ ! ”
แม่หยางรีบเอ่ยปากขอบคุณทันที “ ขอบคุณ ! ขอบคุณ ! ”
ในขณะที่พูดคุยกัน แม่หยางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย
หยางโปวางสายและไม่พูดอะไร เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่แม่หยางเอ่ยปากขอบคุณเขา !
ตอนนั้น เขาซื้อบ้านให้ครอบครัวหนึ่งห้อง แม่หยางไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณ และตอนที่เขาพา
หยางหลางออกมาจากบ่อน แม่หยางก็ไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณ จนกระทั่งเขาพยายามวิ่งรวบรวมเงินเมื่อพ่อหยางล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน แม่หยางก็ไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณเช่นกัน !
ตอนนี้ เพราะเรื่องนี้ แม่หยางกลับเลือกที่จะเอ่ยปากขอบคุณ !
หยางโปส่ายหัว เรื่องบางเรื่อง พวกเขาก็เข้าใจมันเมื่อสายเกินไป
หลูตงซิงที่นั่งด้านข้างเอ่ยปากถาม ” มีอะไรเหรอ ? ”
หยางโปหันมองไปที่หลูตงซิง ” ต้องไปหาเรื่องชกต่อยน่ะ คุณจะไปด้วยไหม ? ”
หลูตงซิงถึงกับตกใจผงะ ” หาเรื่องชกต่อย ? คิดไม่ถึงว่าอย่างนายเนี่ยนะจะไปหาเรื่องชกต่อย
ไม่ ฉันไม่ไป นายแข็งแกร่งขนาดนี้ ถ้าฉันไปหาเรื่องชกต่อยกับนาย ก็จะเป็นภาระซะเปล่าๆ ”
หยางโปรู้สึกจนปัญญา “ คุณคิดไปถึงไหนแล้ว หยางหลางอยู่ที่บ่อน คุณช่วยเตรียมคนไปจับตัวเขาออกมา แล้วให้บทเรียนสักหน่อย ”
หลูตงซิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ เป็นเขาเองเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจ ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ หรือว่ารอจนกว่าเรากลับไปแล้วค่อยไปจัดการดี ? ”
“ คุณเตรียมคนไว้ก่อน รอเรากลับไปถึง ก็ไปกันเลย ” หยางโปกล่าว
หลูตงซิงพยักหน้า “ ได้ ฉันจะเตรียมคนไว้ให้ก่อน ! ”
หลูตงซิงจึงโทรไปเตรียมการไว้
ขับรถจากหยูหางจนมาถึงจินหลิงต้องใช้เวลากว่าสามชั่วโมง หยางโปและคนอื่นๆ ออกเดินทางกันในช่วงเช้าและมาถึงจินหลิงเวลาประมาณ 11 โมงกว่า
หลังจากกินข้าวกลางวันง่ายๆ หยางโปก็โทรไปหาแม่หยางและสอบถามรายละเอียดของสถานที่ที่หยางหลางอยู่
หลังจากขับรถมาอีกนานกว่าหนึ่งชั่วโมง กลุ่มของพวกเขาก็มาถึงลี่สุ่ย และรถเข้ามาจอดอยู่ในโรงงานร้างแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง
มีคนยืนอยู่นอกประตูโรงงานร้าง แต่ทุกคนที่หลูตงซิงพามาด้วยล้วนมีฝีมือ ลงมือแค่สองคนก็เอาอยู่แล้ว
เมื่อเข้าไปในโรงงาน ในลานโรงงาน หยางโปก็ได้ยินเสียงดังโหวกเหวกดังออกมาจากข้างใน
เขาจึงพาคนเดินตรงเข้าไป
ภายในตัวอาคารโรงงานเต็มไปด้วยควัน มีบรรยากาศที่เลวร้ายมากอย่างเห็นได้ชัด ด้านในมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งรวมตัวกันอยู่ที่โต๊ะและยังมีบางคนที่ถอดเสื้อเปลือยท่อนบนเล่นไพ่อยู่
ในห้องมีเสียงโห่ร้องกันเสียงดัง
ดูเหมือนว่าไม่มีคนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางด้านนี้เลย จึงตะโกนด้วยเสียงอันดังออกมา
” พวกคุณเป็นใคร ? คนเยอะแบบนี้อยากจะมาหาเรื่องหรือไง ! “
มีเสียงโห่ร้อง และทุกคนก็ยืนขึ้นและมองมาทางด้านนี้
หยางโปชายตามองไปที่หยางหลาง “ ออกมา ! ”
หยางหลางเป็นคนโง่เขลา เมื่อเห็นทางด้านหยางโปมีคนอยู่กันหลายคน ก็ตกใจกลัวมากจนเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างในและพลางตะโกนเสียงดังออกมา ” พวกคุณเป็นใคร ? ผมไม่รู้จักพวกคุณ ! ”
หยางโปจ้องมองไปที่หยางหลาง ” นายพูดซ้ำอีกครั้งได้นะ ”
หยางหลางตกใจในทันที และไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ท่าทีที่โง่เขลาของหยางหลางเมื่ออยู่ในบ่อนทำให้คนรู้สึกดูถูกเหยียดหยาม แต่ในฐานะเป็นพี่ใหญ่ในบ่อนแห่งนี้ พี่ถังที่เป็นหัวหน้าใหญ่กลับไม่กล้าที่จะคลายความระมัดระวังตัวลง เขาจ้องหยางโปตาเขม็ง “ พวกคุณเป็นใคร ? หยางหลางเป็นหนี้เงินคุณใช่ไหม ? ถ้าไม่ใช่ติดหนี้ ก็เรียนเชิญพวกคุณออกไปเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ ! ”
หลูตงซิงมีลูกน้องอยู่เยอะมาก แต่ครั้งนี้เลือกมาด้วยแค่สิบกว่าคน ถ้าเทียบกับคนในที่เกิดเหตุยังมีหน่อยกว่า แต่พี่ถังไม่ยอมทะเลาะด้วยเพื่อให้บ่อนวุ่นวาย ดังนั้นในขณะที่พูดคุยกันก็ยังมีความสุภาพอยู่บ้าง
“ คุณสามารถถามเขาได้ว่าทำไมผมถึงมาหาเขา ” หยางโปกล่าว
เมื่อเห็นพี่ถังมองมา หยางหลางก็กัดฟัน “ ผมไม่รู้จักเขา ! ”
พอพี่ถังตบโต๊ะ ก็เกิดเสียงดังเอี้ยดอ๊าดขึ้นในบ่อน มีหลายคนที่ลุกขึ้นยืน เมื่อพวกเขายื่นมือออกมา ก็หยิบมีดออกมาจากใต้โต๊ะด้วย บรรยากาศในที่เกิดเหตุจึงดูเคร่งเครียดขึ้นมาก !
หยางหลางมีสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ในขณะที่เขากำลังได้ใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินใครบางคนจากอีกฝ่ายหนึ่งตะโกนขึ้นมา “ อาถัง คุณมีชีวิตอยู่พอแล้วใช่ไหม ? ”
พี่ถังค่อนข้างที่หงุดหงิด เพราะนานมากแล้วที่ไม่มีใครเรียกเขาด้วยชื่อนี้ เขายกมือขึ้นเพื่อหยุดลูกน้องและเงยหน้าขึ้นมอง แค่เพียงเหลือบมอง เขาก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย คนที่เรียกชื่อเขา เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมแว่นขอบทอง สวมชุดสูทดำ ดูมีรูปลักษณ์ที่สง่างาม !
แต่พี่ถังกลับหน้าถอดสีไปเล็กน้อย เพราะเขาจำได้แม่นว่าคนๆนี้เป็นเลขาของประธานใหญ่กลุ่มบริษัทชูวี่เชิง แต่ก่อนเขาอยู่ด้วยไม่ได้ ยังไปเป็นลูกน้องกินอยู่กับคนคนนี้ เขาจึงรู้อำนาจของอีกฝ่ายดี !
พี่ถังรีบยืนตัวตรงขึ้นทันที “ เลขาหลิว คุณมาที่นี่ได้ยังไง ? ”
เลขาหลิวทำเสียงเย้ยหยัน หันไปแนะนำให้รู้จักกับหยางโปและหลูตงซิง ” คนนี้คืออาถัง เคยทำงานอยู่ในบริษัทของเรามาระยะหนึ่ง ถือว่าเป็นคนที่เชื่อฟังดี ”
หยางโปพยักหน้าเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเบื้องหลังของนักพัฒนาทุกคนมีกลุ่มอันธพาลที่ถูกใช้เพื่อเวนคืนที่และย้ายที่อยู่ บางทีอาถังอาจทำงานประเภทนี้อยู่
หลูตงซิงพยักหน้า ” วันนี้ให้ฟังตามที่หยางโปสั่งทุกอย่าง ! ”
หยางโปพยักหน้าและไม่พูดว่าอะไร แต่เลขาหลิวรู้ทันทีและหันไปพูดกับอาถังว่า “ อาถัง ยังต้องให้ฉันสอนคุณว่าต้องทำยังไงอยู่อีกหรือเปล่า ? ”
อาถังชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าลงทันที “ เลขาหลิววางใจได้ ! ”
พอพูดจบ เขาก็โบกมือ และทันใดนั้นก็มีคนสองคนรีบลุกขึ้นเข้าไปจับตัวหยางหลางเอาไว้ทันที
หยางหลางตกใจกับการเปลี่ยนแปลงในบ่อนนานแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าพี่ถัง ที่ตัวเองภาคภูมิใจ
เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางโปก็กลับกลายเป็นแค่เพียงเสือกระดาษตัวเดียว เขาแค่ใช้เลขาเล็กๆคนหนึ่ง แค่คำเดียวก็จัดการกับพี่ถังได้แล้ว !
คนอย่างพี่ถังที่ทำได้ทุกอย่าง คิดไม่ถึงว่าก็จะมีช่วงเวลาที่พ่ายแพ้เป็นเหมือนกัน !