ตอนที่ 595 หมาก

“ข้าน้อยคารวะมู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ”

“มามามา รีบลุกขึ้นแล้วให้ป้าดูหน้าหน่อย”

แม้ความสัมพันธ์ห่างไกลแต่มู่เหล่าหวางเฟยก็ยังแทนตัวว่าป้า เนื่องจากตอนนี้จำเป็นต้องใช้อีกฝ่าย มู่เหล่าหวางเฟยจึงมิอยากให้ความสัมพันธ์ดูห่างเหิน

“ท่านป้า”

ผิงฟางหนิงเข้าไปนั่งข้างกายมู่เหล่าหวางเฟย ขณะมองผู้อาวุโสที่อายุมากกว่านางรุ่นหนึ่งก็คิดว่ามู่เหล่าหวางเฟยแม้อายุมากแล้วยังดูอ่อนเยาว์มาก

พอเทียบกับมารดาแล้วมู่เหล่าหวางเฟยยังดูอ่อนเยาว์กว่าด้วยซ้ำ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ทำให้ผิงฟางหนิงยิ่งอยากอยู่ที่นี่เข้าไปใหญ่ ดูเหมือนดินน้ำของเมืองหลวงดีต่อผู้คนมากกว่าชนเผ่าของนาง

กอปรกับชีวิตที่มั่งคั่งของที่นี่ก็ทำให้นางยิ่งรู้สึกอิจฉาผู้คนในเมืองหลวง

“บุตรชายของป้าก็คืออ๋องมู่คนปัจจุบัน ตอนนี้ข้างกายเขาไม่มีคนช่วยดูแล ดังนั้นป้าจึงอยากให้เจ้ามาช่วยดูแลเขา”

แท้จริงก่อนมาที่นี่ ผิงฟางหนิงก็คิดได้บ้างแล้วว่าหากมิได้เป็นเพราะมู่จวินฮานสร้างปัญหากวนใจ มู่เหล่าหวางเฟยก็คงมิเสนอการแต่งงานกับหลานสาวในตระกูลเดียวกันแน่นอน

ดูเหมือนมู่จวินฮานผู้นี้ถ้าไม่มีหน้าตาอัปลักษณ์ก็ต้องลุ่มหลงในสตรี แต่ผิงฟางหนิงเชื่อว่าต้องเป็นเหตุผลข้อหลังมากกว่า

เนื่องจากมู่เหล่าหวางเฟยงดงามและสง่างามถึงเพียงนี้ ดังนั้นบุตรชายต้องมิด้อยไปกว่ากันแน่นอน

“ถ้าเช่นนั้นขอให้ฟางหนิงได้พบท่านอ๋องก่อน…”

“สักครู่ท่านอ๋องก็เข้ามาคำนับป้าที่นี่ เมื่อถึงเวลานั้นขอเพียงเจ้าอยู่กับป้าก็พอ”

มู่เหล่าหวางเฟยรู้ว่าผิงฟางหนิงกำลังกังวลเรื่องใดอยู่ แต่นางมั่นใจว่ารูปร่างหน้าตาของมู่จวินฮานจักทำให้ผิงฟางหนิงหลงรักตั้งแต่แรกเห็น

ตอนนี้มู่เหล่าหวางเฟยมิได้กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่หวั่นไหว แต่กลัวจะสู้อันหลิงเกอมิได้ต่างหาก

“เอาล่ะ ฟางจู เจ้าพาฟางหนิงไปเปลี่ยนชุดก่อนเถิด”

ใช่ว่าผิงฟางหนิงแต่งกายไม่เรียบร้อย เพียงแต่การแต่งกายของนางเมื่ออยู่ในจวนแห่งนี้กลับดูไม่โดดเด่นอันใด

แม้แต่สาวใช้ธรรมดาของที่นี่ยังแต่งกายมิต่างจากนาง

ผิงฟางหนิงรู้ว่าบ้านเกิดเทียบอันใดมิได้กับจวนอ๋อง ด้วยเหตุนี้นางจึงทำตัวว่านอนสอนง่าย

ฟางจูเลือกชุดให้นางสองชุดเพื่อออกไปให้มู่เหล่าหวางเฟยดู

“ชุดนี้เข้ากับเจ้าที่สุด”

เอ่ยตามตรงคือหลังได้เห็นผิงฟางหนิงเปลี่ยนชุดใหม่แล้ว มู่เหล่าหวางเฟยก็รู้สึกตกตะลึง

เพราะผิงฟางหนิงงดงามและมีเสน่ห์มากขึ้น อีกทั้งชุดที่นางใส่ก็ทำให้ดูเหมือนคุณหนูผู้สูงศักดิ์ ทันใดนั้นดวงตาของมู่เหล่าหวางเฟยก็เป็นประกาย

สมแล้วที่เกิดในตระกูลนาง มีความสง่างามเหมือนกันไม่มีผิด

“เรียกเหล่าหวางเฟย ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ”

ฟางจูมิได้รู้สึกอันใดกับผิงฟางหนิงแม้แต่น้อย ทว่าในเมื่อเป็นคนของมู่เหล่าหวางเฟยแล้วนางก็ต้องดูแลให้ดี

“ให้คนไปเตรียมอาหารค่ำ”

ระหว่างที่พวกนางสนทนากัน มู่จวินฮานก็มาถึง ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มีความมืดเข้ามาปกคลุม

เมื่อผิงฟางหนิงได้เห็นมู่จวินฮานเป็นครั้งแรก นางแทบมิอยากเชื่อสายตาตนเอง เดิมทีนางหลงเข้าใจผิดว่าพวกเชื้อพระวงศ์หน้าตาอัปลักษณ์กันทั้งนั้น เพราะใต้หล้านี้คงไม่มีผู้ใดสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง

ทว่าหลังได้พบกับมู่จวินฮานแล้ว นางจึงได้รู้ว่าสิ่งใดเรียกโอรสสวรรค์

“จวินฮาน นี่คือผิงฟางหนิง นางเป็นหลานสาวของแม่และต่อไปจะคอยดูแลแม่ในเรือน เจ้าคิดเยี่ยงไร ? ”

มู่จวินฮานไม่มีความเห็นอันใด เขาเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

“แล้วแต่หมู่เฟยขอรับ” เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เขามิเก็บมาใส่ใจหรอก

ส่วนผิงฟางหนิงตอนนี้สายตาจดจ้องอยู่ที่มู่จวินฮานตลอด มู่เหล่าหวางเฟยมองออกว่านางได้ตกหลุมรักบุตรชายเข้าแล้ว

เด็กคนนี้มิเคยออกจากเผ่ามาก่อนจึงเป็นธรรมดาที่จะมิเคยเห็นสิ่งล่อใจภายนอก

น่าเสียดายเพราะหลังมื้ออาหารนี้จบลง มู่จวินฮานมิได้สนใจนางแม้แต่น้อย เรียกว่าไม่เคยชายตามองนางเลยก็ว่าได้

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้มู่เหล่าหวางเฟยค่อนข้างผิดหวัง แต่ยังมิคิดยอมแพ้

ฟางหนิงงดงามเพียงนี้ นางเชื่อว่าอีกมิช้าก็เร็วมู่จวินฮานต้องหวั่นไหวอย่างแน่นอน

คิดได้เช่นนี้มู่เหล่าหวางเฟยก็เริ่มสบายใจขึ้นมา

ยามราตรี ผิงฟางหนิงพักอยู่ที่เรือนของมู่เหล่าหวางเฟย แต่หัวใจของนางยังเต้นแรงมิหยุด

นางเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกก็คาดมิถึงว่ามู่เหล่าหวางเฟยต้องการให้นางขึ้นไปแทนที่พระชายา เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นางทำได้จริงหรือ ?

แต่พอนึกถึงความหล่อเหลาของมู่จวินฮานแล้ว ใจของนางก็เต้นแรงอีกครั้ง

ไม่ว่าอย่างไรนางก็ควรลองดูสักตั้ง

เพราะนางมีความช่วยเหลือจากมู่เหล่าหวางเฟย แม้มิเคยเห็นอันหลิงเกอที่เป็นต้นเหตุให้มู่เหล่าหวางเฟยปวดศีรษะ แต่นางก็เชื่อในความงามของตนจึงคิดลองดูสักครั้ง

ใบหน้าของมู่จวินฮานยังวนเวียนอยู่ในใจและทิ้งความน่าหลงใหลเอาไว้

เวลาที่นางนึกถึงเขาก็อยากให้ตนกลายเป็นพระชายาคนนั้นและทำให้ตนกลายเป็นสตรีที่ได้อยู่ข้างกายเขา

เช้าวันต่อมา หลังมู่จวินฮานเข้าประชุมราชสำนักในยามเช้าเสร็จ เขาก็โดนมู่เหล่าหวางเฟยเรียกพบ

แน่นอนว่าผิงฟางหนิงต้องอยู่ด้วย

แต่มู่จวินฮานคาดมิถึงว่ามู่เหล่าหวางเฟยคิดผลักผิงฟางหนิงมาให้ตน

“จวินฮาน แม่เห็นว่าข้างกายเจ้าขาดคนดูแล เจ้าคิดว่าฟางหนิงเป็นเช่นไรบ้าง ? ”

พอได้ยินแล้วมู่จวินฮานก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

“เรียนหมู่เฟย ลูกมีเกอเอ๋ออยู่แล้วจึงมิต้องการสตรีอื่น ทั้งในแต่ละวันลูกก็ยุ่งอยู่กับงานราชการ ไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนนางหรอกขอรับ”

หลังได้ยินคำตอบของมู่จวินฮานแล้ว ผิงฟางหนิงก็อดรู้สึกผิดหวังมิได้

นางไม่มีสิ่งใดที่สามารถดึงดูดใจเขาได้เลยหรือ ?

เป็นไปมิได้ !

ในเมื่อตอนนางอยู่ที่ชนเผ่า นางเป็นสาวงามที่ทุกคนหมายปอง ผู้ที่มาสู่ขอก็มีนับมิถ้วน แต่พอมาอยู่ตรงหน้ามู่จวินฮาน เขากลับมิสนใจนางแม้แต่น้อย

นางรับไม่ได้และไม่อยากยอมรับด้วย

นางแค่ต้องการอยู่เคียงข้างมู่จวินฮานก็พอใจแล้ว

“ท่านอ๋อง ฟางหนิงเติบโตมาในเผ่าตั้งแต่เด็ก เพียงหวังอยากมีที่พึ่งพิง หากท่านอ๋องยอมเป็นที่พึ่งให้ก็มิขออันใดอีกแล้วเจ้าค่ะ”

ผิงฟางหนิงพูดได้น่าฟังยิ่งนัก หากเป็นบุรุษอื่นก็คงหวั่นไหวไปตั้งนานแล้ว ทว่ามู่จวินฮานแตกต่างออกไป

เพราะในใจของเขามีเพียงอันหลิงเกอจึงไม่มีทางหวั่นไหวต่อสตรีอื่นแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นคือลูกเล่นของผิงฟางหนิงก็ไร้ประโยชน์

“ข้ามีเกอเอ๋ออยู่แล้ว มิจำเป็นต้องมีผู้อื่นอีก”

คาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจะปฏิเสธนางออกมาตามตรงเช่นนี้ ผิงฟางหนิงจึงรู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที

ทว่ามู่เหล่าหวางเฟยตบลงที่หลังมือใต้โต๊ะของนางเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้นางอย่าเพิ่งคิดมาก

แม้ตอนนี้ในใจมู่จวินฮานมีอันหลิงเกออยู่ แต่ใจชายเปลี่ยนได้เสมอ ผู้ใดจะรู้ว่าอาจมีวันใดวันหนึ่งที่เขาหมดรักก็ได้

“จวินฮาน เจ้าทำมิถูก มีอ๋องคนใดไม่มากชู้หลายเมียบ้าง ? ข้างกายเจ้ามีแค่อันหลิงเกอคนเดียวจักเพียงพอดูแลเจ้าได้อย่างไร ? อีกทั้งนางมีแค่บุตร 2 คน ดังนั้นแม่จึงต้องหาสตรีมาให้เจ้าเพื่อเพิ่มบุตรหลานแก่ตระกูลมู่”

เมื่อได้ยินเรื่องบุตร มู่จวินฮานก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

เพราะเรื่องนี้หมู่เฟยจึงพุ่งเป้ามาที่อันหลิงเกอใช่หรือไม่

สุดท้ายก็เพราะหมู่เฟยมีความเคียดแค้นอยู่ในใจ แต่มู่จวินฮานมิกล้าพูดออกมาและมื้ออาหารนี้ก็เต็มไปด้วยความอึดอัด

ขณะที่เขาขอตัวกลับ มู่เหล่าหวางเฟยก็ปฏิเสธมิยอมให้กลับ ทำให้เขาไม่อาจเดินออกมาจากสถานการณ์นี้ได้

“ท่านอ๋อง…”

ผิงฟางหนิงก็มองด้วยแววตาเศร้าสร้อยทำให้มู่จวินฮานรู้สึกรังเกียจยิ่งกว่าเดิม

“ถ้าเช่นนั้นข้าให้ฐานะสาวใช้แก่เจ้า เห็นเป็นเช่นไร ? ”