ตอนที่ 596 เป็นสาวใช้

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 596 เป็นสาวใช้

สาวใช้หรือ? ทันทีที่ประโยคนี้ดังขึ้นมา มิเพียงมู่เหล่าหวางเฟยเท่านั้นที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป ผิงฟางหนิงเองก็มีสีหน้าที่ย่ำแย่ยิ่งกว่า

อย่างน้อยก็เป็นคนในตระกูลเดียวกันแล้วจะดูหมิ่นกันเช่นนี้ได้หรือ !

“จวินฮาน ! ” มู่เหล่าหวางเฟยเรียกด้วยความโมโห

ส่วนผิงฟางหนิงก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ครั้นอยู่ในเผ่านั้นนางโดนเอาใจสารพัด เหตุใดพอมาอยู่ที่นี่จึงโดนดูหมิ่นเยี่ยงนี้

“เสี่ยวหนิงเป็นคนในตระกูลแม่ เจ้าจักดูหมิ่นเช่นนี้มิได้ ! ”

มู่เหล่าหวางเฟยรู้สึกแย่กว่าเดิม นางคิดแค่ว่าเป็นเพราะอันหลิงเกอจึงทำให้มู่จวินฮานดูหมิ่นแม้กระทั่งมารดา

“หมู่เฟย ในเมื่อนางมิยอมและฐานะของนางก็แตกต่าง เช่นนั้นก็อย่าให้อยู่ในจวนเลยขอรับ”

มิรู้ว่าเพราะเหตุใด หลังได้โต้กลับไปแล้วมู่จวินฮานก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

เขาคือท่านอ๋อง มิใช่คนในอดีตที่ต้องคอยอยู่ใต้ปีกของผู้ใด

เหมือนว่ามารดายังมิเข้าใจหลักการนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้นางเข้าใจเสียที

“จวินฮาน ! ”

มู่เหล่าหวางเฟยไม่พอใจกว่าเดิม

“ท่านป้าเจ้าคะ ไม่เป็นไรหรอก เสี่ยวหนิงยินดีเจ้าค่ะ”

หืม ?

มู่จวินฮานคาดมิถึงว่าสตรีผู้นี้สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังยอมตกลงเชียวหรือ ?

หากรู้ว่าจะเป็นเยี่ยงนี้ เขาก็คงพูดให้ฟังเหมือนร้ายแรงกว่านี้ดีกว่า

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่มีอันใดจะพูดแล้ว เจ้าไปรับใช้ที่เรือนของพระชายาแล้วกัน”

ว่าอันใด ! เดิมทีคิดว่าพอได้เป็นสาวใช้แล้วจะได้อยู่ข้างกายเขา ทว่าตอนนี้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนมิเข้าคายมิออกเสียได้

“เจ้าค่ะ” เมื่อผิงฟางหนิงโดนรังแก มู่เหล่าหวางเฟยก็ได้แต่บ่นในใจกว่าเดิม

หากไม่ได้เป็นเพราะอันหลิงเกอ นางและผิงฟางหนิงต้องมาทนรับความอดสูเช่นนี้ได้อย่างไร

ดูเหมือนว่าอันหลิงเกอจะอยู่ต่อไปมิได้แล้ว

“ท่านป้า ท่านคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ ? ” มู่เหล่าหวังเฟยย่อมมองออกอยู่แล้วว่าการที่ผิงฟางหนิงถามตนเยี่ยงนี้ เพราะอยากให้ช่วยหาบันไดสำหรับนางได้ปีนลงมาเท่านั้น

ทว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วไม่ว่านางจะกล่าวอันใดก็ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น

“จวินฮาน เจ้าคิดว่า…” มู่เหล่าหวางเฟยกำลังจะเอ่ยอันใดบางอย่าง

“หมู่เฟยคิดว่าสิ่งที่นางกล่าวออกมาเองมีสิ่งใดผิดหรือขอรับ ? ” เพียงคำกล่าวประโยคเดียวก็ทำนางพูดมิออกแล้ว

“เฮ้อ ช่างเถิด” สุดท้ายเมื่อผิงฟางหนิงมิได้กล่าวสิ่งใดอีก มู่เหล่าหวางเฟยก็ได้แต่เห็นด้วย บัดนี้ให้หลานสาวไปอยู่ข้างกายอันหลิงเกอก็มีประโยชน์เหมือนกัน เนื่องจากการรู้เขารู้เราย่อมเป็นผลดี หลังมู่จวินฮานออกไปแล้ว มู่เหล่าหวางเฟยก็พยายามปลอบผิงฟางหนิง

“เจ้ามิต้องเศร้านักหรอก ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังเสียสติเพราะสตรีผู้นั้น ดังนั้นป้าจึงเรียกเจ้ามาที่นี่ ประเดี๋ยวพอเจ้าไปอยู่ข้างกายนางก็แกล้งโง่สักหน่อย พยายามเข้าใกล้นางเข้าไว้ เข้าใจหรือไม่ ? ”

เวลานี้ผิงฟางหนิงก็เหมือนเข้าใจแล้วจึงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

“ท่านป้าโปรดวางใจ เสี่ยวหนิงรู้ว่าควรทำเยี่ยงไรเพราะเผ่าของเราชำนาญด้านใดท่านเองก็คงรู้ดีเจ้าค่ะ”

เชื่อว่าผิงฟางหนิงคงมิอยากทำให้ท่านป้าผิดหวังเช่นกัน

“ดี เสี่ยวหนิง จำไว้ว่าต้องดูแลตนเองให้ดี หากต้องการสิ่งใดก็บอกป้ามาได้เลย คนในจวนแห่งนี้รู้ว่าเจ้าเป็นคนของป้า ดังนั้นไม่มีผู้ใดกล้ามาสร้างความลำบากแก่เจ้าแน่นอน” ทว่ามู่เหล่าหวางเฟยคิดผิด

เพราะในเวลานี้มู่จวินฮานไปอธิบายให้คนในเรือนอันหลิงเกอฟังโดยเฉพาะว่าต้องการให้ผิงฟางหนิงลำบากแล้วยอมถอยออกไป ดังนั้นทุกคนจะปฏิบัติกับนางเยี่ยงไรแค่คิดก็รู้แล้ว

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นหลานไปเก็บของก่อนนะเจ้าค่ะ” ตอนนี้ผิงฟางหนิงก็เริ่มมิชอบสตรีที่ยังมิเคยเห็นมาก่อนคนนั้นแล้ว

อันหลิงเกอ ! เป็นเพราะเจ้าจึงทำให้ข้ากลายเป็นสาวใช้ !

ในเมื่ออันหลิงเกอสามารถนั่งตำแหน่งพระชายาได้ เช่นนั้นตนก็มิกลัวผลที่ตามมา จักสู้จนสุดใจเหมือนกัน

เมื่อเห็นผิงฟางหนิงเดินออกไปแล้ว ฟางจูก็รู้สึกไม่พอใจมากเพราะคนที่ทำให้เจ้านายไม่มีความสุขก็คือศัตรูของนาง

“ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าไปอยู่ข้างกายผิงฟางหนิง”

“เจ้าค่ะ” ฟางจูย่อมเข้าใจดีอยู่แล้ว เพราะมู่เหล่าหวางเฟยก็กลัวว่าผิงฟางหนิงจักมีใจคิดคดทรยศ

เนื่องจากอันหลิงเกอมีความสามารถมาก หากผิงฟางหนิงเกิดรู้สึกคิดผิดขึ้นมาโดยกะทันหัน มันจะเป็นเรื่องดีได้อย่างไร

เมื่อถึงเวลานั้นหากผิงฟางหนิงทรยศเหล่าหวางเฟยและนึกถึงความสัมพันธ์ที่กระท่อนกระแท่นของมู่จวินฮานกับมารดา ในเวลานั้นก็คงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นพวกนางต้องระวังไว้ก่อนเป็นดี

ทว่าพอมาลองคิดแล้วผิงฟางหนิงน่าจะมิโง่ถึงเพียงนั้น เพราะคนที่สามารถสนับสนุนนางในจวนแห่งนี้ได้ก็มีเพียงมู่เหล่าหวางเฟยคนเดียว

“เหล่าหวางเฟย ฟางจูต้องทำตามที่ท่านสั่งแน่นอนเจ้าค่ะ แค่หวังว่าท่านจักดูแลรักษาสุขภาพให้ดีเจ้าค่ะ”

ตอนนี้ดูเหมือนร่างกายของมู่เหล่าหวางเฟยย่ำแย่มากขึ้นจึงทำให้ฟางจูรู้สึกเป็นห่วงเหลือเกิน

“เจ้าวางใจเถิด ข้ารู้ดีว่าควรทำเยี่ยงไร”

มู่เหล่าหวางเฟยย่อมเข้าใจความหวังดีของฟางจูอยู่แล้ว นางเองก็ไม่มีทางยอมตายเร็วอย่างแน่นอน เนื่องจากอันหลิงเกอยังเป็นมารชีวิตอยู่แล้วนางจะยอมเห็นอีกฝ่ายยิ้มอย่างมีความสุขก่อนตายได้หรือ ?

มู่เหล่าหวางเฟยมีไฟคุกรุ่นในใจนั่นก็คือจะแพ้ให้นางปิศาจมิได้

หลังผิงฟางหนิงตามมู่จวินฮานมายังเรือนฝูหลิงแล้วเขาก็มิได้อยู่ต่อ จึงเป็นช่วงเวลาของเกอเอ๋อแล้ว

เขาเชื่อมั่นว่าเกอเอ๋อต้องมีวิธีรับมือกับสตรีเช่นนี้แน่นอน

“เจ้าคือ…”

ในความเป็นจริงแล้วอันหลิงเกอรู้ตั้งแต่เช้าว่ามู่จวินฮานจะส่งผิงฟางหนิงมาอยู่ที่นี่ ทว่าก็แกล้งทำมิรู้มาก่อน

“บ่าวชื่อผิงฟางหนิง เป็นหลานสาวของมู่เหล่าหวางเฟยเจ้าค่ะ ท่านป้าเห็นบ่าวเติบโตอยู่ในตระกูลมาตั้งแต่เด็กจึงส่งให้บ่าวมารับใช้พระชายาเจ้าค่ะ”

หืม ? ดูเหมือนคนที่สามารถหาเหตุผลเข้าใกล้มู่จวินฮานได้อย่างสดใสและงดงามเช่นนี้จะมิใช่สตรีที่เบาปัญญาเสียแล้ว

“อืม เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่เถิด คอยติดตามปี้จูก็แล้วกัน”

หลังได้ยินประโยคนี้จบ ผิงฟางหนิงก็ตกตะลึงทันที ส่วนปี้จูก็งุนงงเช่นกัน

นางเป็นคนของมู่เหล่าหวางเฟยแต่ให้มาติดตามสาวใช้หรือ ?

ทว่าผ่านไปมินานปี้จูก็เริ่มเข้าใจความหมายของเจ้านายว่ากำลังทำตัววางอำนาจซึ่งน้อยครั้งจะได้เห็น ดูเหมือนคราวนี้คงอยากให้ผิงฟางหนิงลิ้มรสความขมขื่นแล้วยอมออกไปเอง

“เจ้าค่ะ”

ท้ายที่สุดผิงฟางหนิงก็ได้แต่ขานรับ แม้ว่านางเป็นคนหัวแข็งแต่ก็ต้องอยู่ต่อเนื่องจากนี่เป็นการตัดสินใจของนางเอง

“เอาล่ะ ปี้จูไปเตรียมที่พักให้ผิงฟางหนิง ให้นางอยู่ห้องข้างลานบ้านที่ถัดจากเจ้าแล้วกัน”

ห้องข้างลานบ้าน ?

ผิงฟางหนิงมิอยากเชื่อหู แม้ตนอยู่ในฐานะสาวใช้ แต่อย่างน้อยก็เป็นคนของมู่เหล่าหวางเฟย แล้วจะไปอยู่ห้องข้างลานบ้านร่วมกับสาวใช้ได้อย่างไร

ดูเหมือนอันหลิงเกอคนนี้จักมิใช่นายหญิงที่จัดการได้ง่ายเสียแล้ว

ก่อนหน้านี้มู่เหล่าหวางเฟยอธิบายให้ฟังว่านางเป็นคนมิค่อยสนใจสิ่งใด ดูจากตอนนี้แล้วไม่มีนิสัยนั้นแม้แต่น้อย

“เจ้าค่ะ” ผิงฟางหนิงได้แต่ขานรับ

แต่ในใจยิ่งมิชอบอันหลิงเกอเข้าไปใหญ่ เดิมทีเป็นเพียงความอยากได้มู่จวินฮานมาครองแต่ตอนนี้ความรู้สึกมิชอบอันหลิงเกอในใจได้แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังไปแล้ว

เหตุใดนางต้องดูไร้ค่าต่อหน้าสตรีผู้นี้ด้วย

ผิงฟางหนิงอยู่นอกตัวเมืองหลวงมานานจึงมิเคยโดนควบคุมมาก่อน แต่แล้วจู่ ๆ นางก็โดนจับใส่โซ่ตรวน นางจึงนำความเกลียดชังทั้งหมดสาดไปที่ตัวอันหลิงเกอ

นางกลับลืมไปว่าผู้ใดให้นางเข้ามาในจวนอ๋องแห่งนี้และเหตุใดนางจึงอยู่ต่อ ทุกสิ่งล้วนมาจากการกระทำของตนทั้งนั้น

“ปี้จู เจ้ามานี่” หลังจัดการเรื่องที่อยู่ของผิงฟางหนิงเสร็จแล้วมู่จวินฮานก็มายังสถานที่แห่งนี้แล้วเรียกตัวปี้จูออกไป

ส่วนผิงฟางหนิงก็เพิ่งตระหนักถึงข้อดีของการได้มาอยู่ที่นี่คือในเมื่อมู่จวินฮานชอบมาหาอันหลิงเกอ เช่นนั้นนางก็จะได้เจอมู่จวินฮานบ่อย ๆ เมื่อเป็นเช่นนี้นางก็มีโอกาสทำให้มู่จวินฮานสังเกตเห็นตนอยู่ในสายตาได้แล้ว