ตอนที่ 597 อบรมสาวใช้

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 597 อบรมสาวใช้

ยามที่ผิงฟางหนิงกำลังแอบมีความสุขอยู่นั้นก็มิทันสังเกตเห็นว่ามู่จวินฮานกำลังพาปี้จูเดินออกไป

“ถ้าอยู่ที่นี่ เจ้ามิต้องสนใจว่านางเป็นผู้ใด เข้าใจหรือไม่ ? ”

“เจ้าค่ะ” ปี้จูพยักหน้าอย่างรู้ความ

ที่แท้ท่านอ๋องก็หมายความเช่นนี้ ดูเหมือนท่านอ๋องรักพระชายาของพวกนางมากจริง ๆ

ปี้จูจึงอดรู้สึกดีใจมิได้ เป็นเช่นนี้ก็ดีมากเหลือเกิน

เนื่องจากพระชายาเป็นสตรีที่ดี หากโดนคนเจ้าเล่ห์ในจวนรังแกก็คงน่าเศร้าเกินไป

“แล้วก็อย่าให้นางเข้าใกล้เกอเอ๋อ”

“เจ้าค่ะ” ปี้จูขานรับอย่างมีความสุข

“เอาล่ะ เจ้ากลับไปได้” หลังกล่าวจบแล้วมู่จวินฮานก็เหมือนเหลือบมองไปที่ผิงฟางหนิงครู่หนึ่ง

เมื่อเห็นว่ามู่จวินฮานมองมา นางก็หน้าแดงทันทีพร้อมพยักหน้าและคารวะมู่จวินฮานอย่างสุภาพ

กล้าส่งสายตาให้สามีต่อหน้าภรรยาเช่นนั้นหรือ ?

ทันใดนั้นดวงตาของอันหลิงเกอก็เหมือนลุกเป็นไฟ หลังจากที่มู่จวินฮานเห็นเข้าก็อดมิได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมา

เหตุใดตอนนี้นางจึงขี้หึงมากเหลือเกิน ? ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน และเขาก็นึกถึงความเย็นชาเช่นนั้นมิออกมานานแล้ว

“เกอเอ๋อ ข้ายังมีงานต้องทำ ขอตัวก่อน”

แม้อยากอยู่กับอันหลิงเกออีกสักหน่อย แต่เขามิอยากให้ผิงฟางหนิงเข้าใจผิด หากนางคิดว่าเขาทำเพื่อนางก็คงวุ่นวายกว่านี้แน่นอน

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดคือหลังมู่จวินฮานออกไป ผิงฟางหนิงก็ทำหน้ามืดมนทันทีและท่าทางไม่มีความสุขมาก

เพราะเดิมทีนางคิดว่าจะได้เห็นมู่จวินฮานนานอีกหน่อย แต่คาดมิถึงว่าเขามาแค่ครู่เดียวก็ออกไปแล้ว

“เอาล่ะ เจ้าออกไปทำงานได้แล้ว” ปี้จูเงยหน้าขึ้นแล้วออกคำสั่ง

อย่างน้อยผิงฟางหนิงก็ถือเป็นคุณหนูคนหนึ่งแล้วจะเคยทำงานหนักได้เยี่ยงไร ในใจของผิงฟางหนิงจึงรู้สึกอมทุกข์สุด ๆ

“เจ้าเป็นผู้ใดถึงกล้ามาออกคำสั่งกับข้า ! ” นางอาละวาดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ อันหลิงเกอคลี่ยิ้มแล้วเดินมาด้านข้างผิงฟางหนิง

“เสี่ยวหนิง เจ้าอย่าถือสาเพราะปี้จูเป็นสาวใช้ของข้า ในจวนแห่งนี้จึงมีฐานะสูง กอปรกับท่านอ๋องมักมาหาข้าที่นี่บ่อย ๆ งานที่ต้องทำจึงค่อนข้างเยอะ ต้องลำบากเจ้าแล้ว”

คำพูดของอันหลิงเกอฟังดูดีมากจึงทำให้ผิงฟางหนิงมิรู้จะตอบกลับเช่นไรดี และนางก็รู้สึกว่าอันหลิงเกอเป็นคนที่รับมือยากขึ้นเรื่อย ๆ

“พระชายาสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”

พอได้ยินผิงฟางหนิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อมเช่นนั้น อันหลิงเกอก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง

เพราะสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองมู่จวินฮานเมื่อครู่ทำให้อันหลิงเกอโมโหจริง ๆ

เป็นธรรมดาที่นางมิอยากแบ่งปัน ‘คนของตน’ ให้ผู้อื่น โดยเฉพาะคนของมู่เหล่าหวางเฟย

พอคิดมาถึงตรงนี้อันหลิงเกอก็เริ่มรู้สึกอารมณ์เสียเล็กน้อย ตนมิไปแก้แค้นมู่เหล่าหวางเฟย ทว่าอีกฝ่ายกลับหาเรื่องตนครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดจึงใจร้ายมากนัก

“พระชายาเป็นอันใดไปหรือเจ้าคะ ? ”

ผิงฟางหนิงออกไปแล้วปี้จูจึงมิรู้ว่าเหตุใดอันหลิงเกอดูหนักใจขึ้นมา นางจึงรีบเดินเข้ามาเพื่อรินชาให้

“ไม่มีอันใด”

“เป็นเหล่าหวางเฟยสินะเจ้าคะ มารดาล้วนกลัวว่าบุตรจักมีผู้หญิงคนใหม่ทั้งนั้น พอมาลองคิดแล้วก็มีแค่สาเหตุนี้เท่านั้น พระชายาอย่าคิดมากไปเลยเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอเข้าใจดีว่าปี้จูทำเพื่อให้นางเบาใจ แต่ระหว่างมู่เหล่าหวางเฟยกับนางมิได้ง่ายถึงเพียงนั้น

“ช่างเถิด ไม่มีอันใดแล้ว เจ้าก็คอยจับตาดูผิงฟางหนิงเถิด อย่าจงใจสร้างความลำบากให้นาง แค่หางานให้นางทำตามปกติก็พอ เข้าใจหรือไม่ ? ”

พระชายารู้ว่าผิงฟางหนิงโดนเลี้ยงดูมาอย่างดีจนเสียนิสัย นางจึงตั้งใจหางานหยาบให้ทำ

“เจ้าค่ะ” ปี้จูมีความสุข ยิ่งพระชายาร้ายเท่าไร นางก็ยิ่งมีความสุขเท่านั้น เพราะดีกว่าการโดนผู้อื่นรังแกอยู่แล้ว

“แต่พระชายาเจ้าคะ นางคือคนของมู่เหล่าหวางเฟย ถ้าทำเช่นนี้แล้วท่านกับเหล่าหวางเฟยจะมิยิ่งบาดหมางขึ้นหรือเจ้าคะ”

ฮ่าฮ่าฮ่า นางกับมู่เหล่าหวางเฟยถูกกำหนดให้เดินกันคนละทาง เพียงแต่ขึ้นอยู่กับวิธีการต่อสู้ว่าจะเป็นเช่นใดเท่านั้น

บัดนี้มู่เหล่าหวางเฟยส่งผิงฟางหนิงมาที่นี่ก็สามารถใช้เรื่องนี้ทำลายศักดิ์ศรีขิงแก่ได้แล้ว

แต่อีกฝ่ายคิดใช้ผู้หญิงคนเดียวมาเอาชนะนางได้หรือ แม้ผิงฟางหนิงงดงามแต่มีประโยชน์อันใด ในเมื่อนางเชื่อใจมู่จวินฮานและก็เชื่อในตัวเองด้วย

“ช่างเถิด เจ้ามิต้องกังวลแทนข้าแล้วไปทำงานได้”

บางครั้งอันหลิงเกอก็ต้องการพูดคุยกับใครสักคน ทว่ามีหลายเรื่องที่นางได้แต่เก็บซ่อนไว้ในใจ

เหมือนกับความแค้นของท่านแม่ !

หากให้ผู้อื่นล่วงรู้แล้ว ถ้าไม่ประณามว่านางเมินเฉยต่อมารดาและมาอยู่ร่วมกับมู่จวินฮาน ก็ต้องเดาว่านางมีเจตนาแอบแฝงที่อยากจักทำอันใดสักอย่างกับมู่จวินฮาน

แต่ความคิดเช่นนี้มิได้มีอยู่ในหัวอันหลิงเกอเลย นางแค่อยากใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

ขณะมองปี้จูกำลังตวาดใส่ผิงฟางหนิงอยู่ด้านนอก อันหลิงเกอก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา เวลาเด็กคนนี้สั่งสอนผู้อื่นก็ดูใช้ได้ทีเดียว

“เรียนมู่เหล่าหวางเฟย เรื่องเป็นเช่นนี้…” ผิงฟางหนิงรีบฉวยโอกาสฟ้องมู่เหล่าหวางเฟยพร้อมน้ำตาที่ไหลราวกับสายฝน

“ป้ารู้แล้ว” ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอก มู่เหล่าหวางเฟยรู้สึกรังเกียจสตรีเช่นผิงฟางหนิงเล็กน้อย

ในเรือนหลังแห่งนี้ถ้าการร้องไห้ช่วยแก้ปัญหาได้ก็ต้องเป็นตอนที่ท่านอ๋องได้เห็นเท่านั้น ทว่าตอนนี้ท่านอ๋องมิสนใจผิงฟางหนิง เช่นนั้นตนก็ยิ่งไม่มีทางสนใจน้ำตาของผิงฟางหนิงไปด้วย แล้วร้องไห้ไปเพื่อสิ่งใด ? สุดท้ายมันก็เป็นแค่การสร้างปัญหาเท่านั้น

“แม้อันหลิงเกอทำตัวโอหังไปบ้าง ตัวเจ้าเองล่ะ ? เจ้าลองคิดว่าจะทำเช่นไรให้ท่านอ๋องหันมาสนใจดีกว่า เดือนหน้าก็เป็นวันตกฟากของป้าแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นป้าจักถือโอกาสย้ายเจ้ากลับมาอยู่ข้างกาย” เมื่อได้ยินแล้วผิงฟางหนิงก็รู้สึกถึงความหวังขึ้นมาทันที

“ขอบพระคุณมู่เหล่าหวางเฟย ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ”

แค่มิต้องทำงานหนักที่เรือนของอันหลิงเกอก็ดีแล้ว เพราะช่วงหลายวันมานี้งานในเรือนแทบยกให้นางทำทั้งหมด ตอนนี้มืออ่อนนุ่มของนางถึงขั้นหยาบกร้านแล้ว

ชัดเจนมากว่าการที่อันหลิงเกอกล้ารังแกนางถึงเพียงนี้ก็เพราะมิเห็นมู่เหล่าหวางเฟยอยู่ในสายตา

หากนางยังมิหลุดออกมาอีกก็คงถูกอันหลิงเกอเฉือนเนื้อเลาะกระดูกจนมิเหลือแล้ว

เดิมทีนางหลงเข้าใจผิดว่าอย่างน้อยสตรีในจวนก็คงเกรงกลัวมู่เหล่าหวางเฟย แต่คาดมิถึงว่าอันหลิงเกอจักเป็นข้อยกเว้น

ดังนั้นการที่นางอาศัยเพียงฐานะหลานสาวของมู่เหล่าหวางเฟยนั้นยังไม่เพียงพอ หรือสู้ฟางจูยังมิได้ด้วยซ้ำ

บางครั้งผิงฟางหนิงก็รู้สึกอิจฉา แม้ฟางจูมีชาติกำเนิดเป็นสาวใช้แต่ก็สามารถหลุดจากความต่ำตมได้ ส่วนตนที่อย่างน้อยเป็นถึงคุณหนูของตระกูลทว่าต้องมามีชีวิตเยี่ยงสาวใช้อยู่ในจวนแห่งนี้

ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ นางก็รู้สึกว่ามันมิยุติธรรมเสมอ

น่าเสียดายที่นางเข้าจวนมาช้า แม้แต่มู่เหล่าหวางเฟยก็มิได้เชื่อใจนางเต็มร้อยและยังมิเคยตกรางวัลอันใดให้เลย นางจึงต้องใช้ชีวิตเช่นนี้ไปวันแล้ววันเล่า

พอนึกถึงช่วงเวลาที่เป็นดาวเด่นอยู่ในเผ่า ผิงฟางหนิงก็รู้สึกโหยหาวันเวลาเหล่านั้นขึ้นมา

“เจ้าไปไหนมา งานยังทำมิเสร็จก็ออกไปแล้วหรือ ? นี่คือเรือนฝูหลิงมิใช่เผ่าของเจ้า ! ” ปี้จูตำหนิทันทีที่เห็นหน้า

ในเมื่อเป็นสาวใช้ก็ควรทำตัวเหมือนทุกคนในจวนแล้วจะหลบออกไปหามู่เหล่าหวางเฟยได้เยี่ยงไร ?

“ขออภัยด้วย” ผิงฟางหนิงโดนกดขี่จนมิเหลือทางเลือกแล้ว นางได้แต่ทำตัวว่าง่ายและเมื่อเห็นเช่นนี้ปี้จูก็ทนหาเรื่องต่อมิไหว

“ช่างเถิด หลังทำงานวันนี้เสร็จแล้วก็มาทานข้าวได้”

ความจริงมีอยู่หลายต่อหลายครั้งที่ปี้จูเอ็นดูผิงฟางหนิง แต่พอคิดว่าเป็นคนที่มู่เหล่าหวางเฟยส่งมารังแกพระชายา นางก็อดหาเรื่องอีกมิได้

“ช่วงนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง ? ” ภายในห้อง อันหลิงเกอกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างและถามขึ้นมาอย่างแผ่วเบา