ตอนที่ 384 เขาเสียใจ / ตอนที่ 385 ถ้าหากคุณเต็มใจ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 384 เขาเสียใจ 

 

 

           ยิ่งตกกลางคืนก็ยิ่งหนาวเย็น เผยหนานเจวี๋ยยืนมองดูท้องฟ้าที่ระเบียง พบว่าดวงดาวในท้องฟ้าในคืนนี้เบาบางมาก แม้แต่ดวงจันทร์ก็หลบอยู่ในกลีบเมฆ 

 

 

           เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกพรากไป รู้สึกว่างเปล่า 

 

 

           โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าฉู่อีอีเคยเป็นแฟนสาวของเฉิงเฮ่าก่อนที่จะไปเมืองนอก เขาก็รู้สึกว่าเธอหลอกลวงเขามาโดยตลอด 

 

 

           เขาเคยคิดว่าคนที่เขารักที่สุดก็คือฉู่อีอี เขานึกว่าเธอคือผู้หญิงที่มีจิตใจดีที่สุดในโลกใบนี้ แต่ว่าตอนนี้ ความผิดปกติของเธอนั้นทำให้เขาต้องมองเธอใหม่อีกครั้ง 

 

 

           มองเธอให้ชัดเจนขึ้นมาหน่อย ตบหน้าตัวเองให้ตื่น เขาเคยทำร้ายฉู่เจียเสวียนอย่างแสนสาหัสเพื่อฉู่อีอี เขาเสียใจมาก เสียใจมากจริงๆ 

 

 

           แต่ว่าเขาเสียใจแล้วมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ก็มีคนอยู่ข้างกายเธอแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อกาลเวลาผ่านคนก็เปลี่ยน 

 

 

           เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเผยหนานเจวี๋ยก็เจ็บปวดราวกับถูกมัดหมื่นตัวกัด ทั้งหมดนี้เขาเป็นคนก่อเองทั้งนั้น 

 

 

           เขาในตอนนี้มีคุณสมบัติอะไรที่จะมอบความสุขให้เธอ เขาเคยทำให้เธอเจ็บปวดใจอย่างแสนสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้แม้แต่การที่เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอก็ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก 

 

 

           ตอนนี้เมื่อนึกถึงเรื่องทุกอย่างเมื่อสามปีก่อน เหมือนกับว่าฉู่อีอีได้วางแผนไว้หมดแล้ว 

 

 

           “ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ทำ!” 

 

 

           “ฉันจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณเชื่อฉันหรือเปล่า” 

 

 

           “หย่ากันเถอะ” 

 

 

           “ฉันจะทำให้คุณกับฉู่อีอีสมหวัง” 

 

 

           ทุกฉากเมื่อสามปีก่อนผุดขึ้นมาในหัวของเผยหนานเจวี๋ย ถ้าหากตอนนั้นเขาเชื่อฉู่เจียเสวียน ตอนนี้พวกเขาจะยังอยู่ด้วยกันหรือเปล่า 

 

 

           ถ้าหากตอนนี้เขายอมเชื่อฉู่เจียเสวียนสักนิด แม้เพียงนิดเดียว มันก็จะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ใช่ไหม 

 

 

           เพียงแต่เขาในตอนนั้น ทถูกความรักบังตา ดังนั้นมันจึงเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยิ่งคิดยิ่งสับสน เขาหลับตาลงอย่างขมขื่น ยกขวดเหล้าในมือขึ้นจรดปากดื่ม เหล้าไหลลงคอเสียงดัง ‘อึกๆ’  

 

 

           ในใจเขารู้ดี ว่าตอนนี้คนที่เขารักคือฉู่เจียเสวียน ไม่ใช่ฉู่อีอีแล้ว 

 

 

           แต่เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องละทิ้งฉู่อีอี ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหงุดหงิด 

 

 

           เขากลายเป็นคนไม่เด็ดขาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ 

 

 

           อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากเผยหนานเจวี๋ยจากไปแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ยืนอยู่ที่ระเบียงตลอดเวลา ทั้งๆ ที่บอกว่าจะไม่คิดแล้ว แต่ว่าเงาของเผยหนานเจวี๋ยก็ยังโผล่เข้ามาในหัวของเธออย่างช่วยไม่ได้ 

 

 

           เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของเผยหนานเจวี๋ยอย่างชัดเจนในช่วงเวลานี้ แต่ว่าหลายอย่างกลายเป็นอดีตไปแล้ว เธอก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นอีก แม้ว่าเขาจะเริ่มเสียใจในตอนนี้ เธอก็จะไม่ยอมให้ตัวเองหันหลังกลับไป 

 

 

           คืนนี้เป็นคืนที่ยากจะหลับใหล พวกเขาทั้งสองยืนบนระเบียงที่แตกต่างกันเป็นเวลานานก่อนที่จะกลับไปยังห้องนอน 

 

 

           เช้าวันต่อมา คนที่อยู่บนเตียงค่อยๆ ตื่นขึ้น ฉู่เจียเสวียนลืมตาพร้อมกันกับถังถัง สองคนสบตากันและอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะ 

 

 

           “อรุณสวัสดิ์ที่รัก ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถังถังเอ่ยปากก่อน มองฉู่เจียเสวียนแล้วหัวเราะ 

 

 

           “อรุณสวัสดิ์” ฉู่เจียเสวียนบิดขี้เดียจ เปิดผ้าห่มแล้วลงมาจากเตียง 

 

 

           “เอ่อ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ถังถังกล่าวหลังจากรู้สึกตัว มองดูแผ่นหลังของฉู่เจียเสวียน เธอจำได้ว่าเธอดื่มเหล้าที่บาร์เมื่อคืนนี้ จากนั้นก็พบกับเผยหนานเจวี๋ยสารเลวนั่น 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยคงไม่ได้ส่งเธอกลับมาหรอกนะ? สารเลวนั่นจะเป็นคนดีขนาดนี้เหรอ 

 

 

           “เธอจำไม่ได้เหรอ” ฉู่เจียเสวียนหันมา มองถังถังด้วยรอยยิ้มสดใส มองดูถังถังส่ายหน้า พูดขึ้น “เผยหนานเจวี๋ยส่งเธอกลับมา” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 385 ถ้าหากคุณเต็มใจ 

 

 

 “อ่อ โอเค” ทายถูกอยู่ในใจอยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นเธอก็จะไม่ขอบคุณเขา เธอก็ไม่ได้ขอให้เขาส่งเธอกลับบ้านสักหน่อย 

 

 

“เจียเสวียน ไว้วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวเธอนะ ฉันยังมีธุระ ขอตัวก่อนล่ะ” ถังถังราวกับว่าจู่ๆ นึกอะไรได้ หลังจากพูดกับคนในห้องน้ำสองสามคำแล้ว ก็ลงมาจากเตียง พอแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็รีบออกไปทันที 

 

 

ในเวลานี้ฉู่เจียเสวียนกำลังบ้วนปาก พอบ้วนปากแล้วก็มองแผ่นหลังของถังถัง “เธอจะไปไหนน่ะ กินข้าวเช้าแล้วค่อย…” 

 

 

ประตูห้องปิดเสียงดัง ‘ปัง’ ฉู่เจียเสวียนออกมาจากห้องน้ำ เห็นว่าประตูห้องถูกปิดไปแล้ว 

 

 

ฉู่เจียเสวียนส่ายหัว บางทีเธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรกับนิสัยที่รีบร้อนเช่นนี้ดี เธอกลับไปที่ห้องน้ำอีก 

 

 

อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ตอนที่กำลังเตรียมตัวลงไปข้างล่างอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น เมื่อหยิบมันขึ้นมาดูและพบว่าเป็นกงจวิ้นฉือ เธอยิ้ม 

 

 

 “ฮัลโหล จวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนรับสาย ริมฝีปากแดงยกยิ้ม ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม 

 

 

 “ตื่นแล้วเหรอ” กงจวิ้นฉือกล่าว เสียงที่อบอุ่นดังมาจากปากของเขา 

 

 

ไม่รู้ว่าทำไม วันนี้หลังจากตื่นแล้ว จู่ๆ เขาก็อยากได้ยินเสียงของเธอมาก ทั้งๆ ที่พวกเขาจะเจอกันพรุ่งนี้อยู่แล้ว แย่แล้วๆ เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเธอจริงๆ 

 

 

 “ก็ต้องตื่นแล้วสิ วันนี้คุณคงไม่มารับฉันอีกหรอกนะ?” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย เขาต้องเดินทางไกลเกินไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงบอกไม่ให้เขามารับเธอ 

 

 

 “ถ้าคุณเต็มใจ” เสียงอันอบุอ่นที่เจือปนรอยยิ้มดังมาจากปากของกงจวิ้นฉือ ถ้าหากเธอเต็มใจะล่ะก็ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะไปรับเธอทุกวันเลยแม้แต่น้อย 

 

 

 “เอาเถอะ ฉันรู้ว่าคุณดีกับฉันที่สุด แต่ว่าถ้าคุณอยากให้ฉันพึ่งคุณตลอดเวลา ฉันจะแข็งแกร่งได้ยังไงล่ะ” ความอบอุ่นแผ่ซ่านภายในใจของฉู่เจียเสวียน เขาคอยอยู่ข้างกายเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร  

 

 

“ผมรู้ว่าคุณแข็งแกร่ง” กงจวิ้นฉือรู้ดีว่าฉู่เจียเสวียนเป็นคนอย่างไร และรู้ว่าเธอมีความสามารถมาก แต่ว่าบางทีเขาก็ปวดใจมากที่เห็นฉู่เจียเสวียนเป็นแบบนี้ 

 

 

“ขอบคุณนะจวิ้นฉือ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ เขาก็อยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา คอยปกป้องเธอ ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเธอ ก็เป็นเขาที่อยู่เคียงข้างเธอ ถ้าหากไม่มีเขาก็ไม่มีฉู่เจียเสวียนในวันนี้ 

 

 

“ถ้าคราวหน้าผมได้ยินคำว่าขอบคุณอีก ผมจะไม่สนใจคุณแล้ว” เสียงที่อบอุ่นของฉู่เจียเสวียนลอยเข้าหูของฉู่เจียเสวียน 

 

 

ในใจกลับรู้สึกผิดหวัง ทุกครั้งที่ฉู่เจียเสวียนกล่าวขอบคุณ มันเป็นเรื่องน่าเสียใจสำหรับเขา เพราะเธอยังคิดว่าเขาเป็นคนอื่น 

 

 

เพื่อนแท้ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ แต่ว่าตอนนี้เขาเป็นแฟนกับฉู่เจียเสวียนแล้ว ทุกครั้งที่ได้ยินเธอกล่าวขอบคุณ เขาก็รู้สึกว่าเธอไม่เห็นเขาเป็นแฟน 

 

 

สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่คำขอบคุณจากเธอ แต่เป็นหัวใจของเธอ หัวใจทั้งดวงของเธอ  

 

 

ทั้งสองคนรู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อยในการพูดคุยเรื่องนี้ตั้งแต่เช้าจึงได้เปลี่ยนหัวข้อ หลังจากพวกเขาคุยกันสักพัก ก็วางสายแล้ว 

 

 

หลังจากวางสาย ฉู่เจียเสวียนก็ลงมาทานอาหารเช้าข้างล่าง 

 

 

“แม่คะ ถังถังยังไม่ได้กินข้าวเช้าก็ไปซะแล้ว” ฉู่เจียเสวียนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร มองซูซานพร้อมพูด 

 

 

“นั่นสิ เขาน่ะเหมือนกับลมเลย ลงมาข้างล่างทักแม่แค่คำเดียวก็ไปแล้ว” ซูซานพูดกับฉู่เจียเสวียน ดวงตาเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม