ตอนที่ 412 ข้าชินแล้ว
หลิงอวี้จื้อหยิบไข่สองฟองออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้เซียวเหยี่ยนราวกับถวายสมบัติ จากนั้นก็หัวเราะคิกคักพูดว่า
“ข้าจะปอกเปลือกไข่ให้ท่าน”
มั่วชิงจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว หลิงอวี้จื้อบีบเปลือกไข่เปิดออก ปรากฏว่าเธออึ้งไปเลย นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไข่ดิบ พอจะจินตนาการความรู้สึกของการบีบไข่แตกต่อหน้าคนรักออกไหมเล่า
มือเธอมีแต่ไข่เหลวสีเหลือง หยดย้อยตามร่องนิ้วไม่หยุด ทั้งท้อใจทั้งกระอักกระอ่วนใจ ท่านเทวดาชอบแกล้งเธอนัก ทุกครั้งที่เธออยากอวดอะไรดีๆ ต้องมีปัญหาทุกที
เธอวิ่งมาตั้งไกลเพื่อเอาไข่มาให้เซียวเหยี่ยน นึกไม่ถึงว่าจะมาบีบไข่ดิบให้เซียวเหยี่ยนดู ความกระอักกระอ่วนนั้นจินตนาการดูก็รู้ ยังดีที่เธอไม่เคยมีภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าเซียวเหยี่ยนเลย เรื่องแบบนี้ไม่เป็นไร
มั่วชิงยังรู้สึกว่าน่าขำ รีบก้มหน้า เซียวเหยี่ยนเห็นหลิงอวี้จื้ออับอายเช่นนี้ รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าจากอกเสื้อออกมาเช็ดมือหลิงอวี้จื้อ
“ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นไข่ดิบ”
หลิงอวี้จื้ออธิบายตะกุกตะกัก เธอเห็นเปลือกไข่ถูกย้อมเป็นสีแดงก็นึกว่าต้มสุกแล้ว ไม่นึกว่าท่านป้าผู้อารีจะส่งไข่ดิบมาให้
“อืม”
เซียวเหยี่ยนตอบรับ ก้มหน้าเช็ดมือให้หลิงอวี้จื้ออย่างเอาใจใส่
“เล่นละครตลกให้ท่านดูอีกแล้ว”
หลิงอวี้จื้อทำปากบุ้ย ท่านเทวดาไม่เข้าข้างเธอจริงๆ เธอไม่เคยเป็นนางฟ้าต่อหน้าเซียวเหยี่ยนเลย ทุกครั้งที่อยากอวดอะไรดีๆ ก็ต้องทำเรื่องขายหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่ร่ำไป
“ข้าชินแล้ว”
เซียวเหยี่ยนท่าทีใจเย็น ตั้งแต่เป็นพยานรู้เห็นการปีนต้นไม้ของเธอเป็นต้นมา เซียวเหยี่ยนก็รู้สึกว่าไม่ว่าหลิงอวี้จื้อจะทำอะไร เขาก็ไม่ตกใจแล้ว เธอเป็นลูกสาวขุนนางที่ไม่ได้เดินบนเส้นทางปกติมาแต่ไหนแต่ไร
“อาเหยี่ยน ท่านให้จางผิงไปจัดการเรื่องนี้หรือ”
หลิงอวี้จื้อเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เรื่องขายหน้าให้มันจบตรงนี้ ไม่สามารถพูดต่อไปได้อีกแล้ว
เห็นจางผิงพาคนสองสามร้อยคนเข้าไปในตำบลเล็กๆ นี้ เธอก็รู้ว่าเซียวเหยี่ยนต้องมอบเรื่องนี้ให้จางผิงทำแน่ คนเจ็บเยอะเกินไป หากให้พวกนางไปตรวจดู เกรงว่าสามสี่วันก็ยังตรวจดูไม่หมด ให้จางผิงไปจัดการเรื่องนี้ดีกว่าจริงๆ
เซียวเหยี่ยนพยักหน้า จูงมือหลิงอวี้จื้อเดินหน้าต่อไป
“อวี้จื้อ เรื่องนี้มอบหมายให้จางผิงทำ เจ้าไม่ต้องยื่นมือมาแล้ว ข้าไม่อยากให้เจ้าลำบากใจ”
อย่างไรเซียวเหยี่ยนก็ยังเข้าใจหลิงอวี้จื้อดีมาก ถึงแม้ปากเธอจะบอกว่าเผชิญหน้าเรื่องนี้ได้ แต่หากทำขึ้นมาจริงๆ เธอจะต้องทำใจไม่ได้แน่ ถึงแม้ว่าจะฝืนหักใจทำ แต่ภายในใจก็คงเสียใจมาก เขาไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อเสียใจ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเลี่ยงได้ แต่ไม่ได้รู้เห็นด้วยตาตนเอง อย่างไรก็ยังดีกว่าอยู่สักหน่อย
หลิงอวี้จื้อเข้าใจความหมายของเซียวเหยี่ยน นอนคิดพลิกตัวไปมาก็ยังคงเป็นเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นคนยุคปัจจุบัน เธอยังคงไม่มีทางสั่งการเรื่องนี้อย่างสงบใจได้ ชีวิตสองสามร้อยชีวิตนั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ แม้จะทำเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายที่มากกว่า แต่ด่านทดสอบจิตใจนี้ เธอก็ยังผ่านไปไม่ค่อยได้
ตอนนี้เซียวเหยี่ยนมอบเรื่องให้จางผิง เธอก็ไม่ได้ต่อต้าน พยักหน้ารับคำ
“อืม อาเหยี่ยน พวกเรากลับไปเถิด วันนี้เป็นวันสิ้นไป ข้าจะทำอาหารให้ทุกคนทานสักหน่อย”
เมื่อกลับเรือนไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็สาละวนอยู่ในครัว ในครัวยังมีผักสดอยู่หน่อย บวกกับไข่ไก่ที่ป้าข้างบ้านให้มา ยังเค้นทำกับข้าวออกมาได้สองสามอย่าง
เพียงแต่ฝีมือทำอาหารของเธอไม่ค่อยดี ทำออกมาไม่สามารถรับประกันรสชาติกับหน้าตาได้ ทำได้เพียงกินๆ พอเป็นพิธี
ตอนที่ 413 ไม่มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหาร
ไข่กวนจานหนึ่งเพิ่งออกมาจากกระทะ มู่หรงนี่อวิ๋นเดินทอดน่องเข้ามา หลิงอวี้จื้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก รีบทักทายมู่หรงนี่อวิ๋น
“นี่อวิ๋น เจ้ามาชิมฝีมือข้าหน่อยสิ”
มู่หรงนี่อวิ๋นเดินเข้ามาดู เห็นในมือหลิงอวี้จื้อยกจานไข่กระดำกระด่าง เขาก็กลืนน้ำลาย
“นี่คือไข่กวนของเจ้าหรือ”
“ใช่แล้ว ไฟแรงไปหน่อย ดังนั้นก็เลยไหม้ไปนิด แต่ว่ารสชาติน่าจะไม่เลว เจ้าลองชิมก่อน”
พูดจบก็ส่งตะเกียบคู่หนึ่งให้มู่หรงนี่อวิ๋น รอคอยคำวิจารณ์จากมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้สึกว่าอาหารจานนี้คงจะไม่ดีแค่หน้าตา รสชาติยังคงถนัดมือ
เห็นไข่กระดำกระด่างจานนี้แล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นมีความอยากอาหารเสียที่ไหน แต่เขาไม่อยากให้หลิงอวี้จื้อผิดหวัง กัดฟันกินไปหนึ่งชิ้น หลิงอวี้จื้อถามด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย
“รสชาติดีมากใช่หรือไม่”
สีหน้าของมู่หรงนี่อวิ๋นประหลาดมาก ฝืนกลืนไข่ในปากลงไป
“นี่เป็นรสชาติที่เจ้าทำออกมาจริงๆ หรือ”
“กินยากขนาดนั้นเลยหรือ”
หลิงอวี้จื้อไม่ยอม หยิบตะเกียบในมือมู่หรงนี่อวิ๋นมา คีบเข้าปากหนึ่งชิ้น เพิ่งกัดไปได้หนึ่งคำก็ถุยออกมา บ้าจริง รสชาติแย่กว่าหน้าตาอีก ดูท่าแล้วพรสวรรค์ด้านการทำอาหารของตัวเองไม่มีเลยสักนิด กับข้าวแบบนี้เอาไปให้เซียวเหยี่ยนกินได้เสียที่ไหน เผื่อกินแล้วท้องเสียขึ้นมา
คิดถึงตรงนี้ หลิงอวี้จื้อก็ท้อใจมาก ต่อไปจะทำอย่างไร ตำบลเถาหยวนแย่กันไปหมด พวกนางไม่กี่คนก็ทำกับข้าวไม่เป็น คืนวันส่งท้ายปีเก่าแม้แต่ของกินยังไม่มี นี่เป็นคืนวันส่งท้ายปีเก่าที่ย่ำแย่เหลือเกิน
มู่หรงนี่อวิ๋นมองหลิงอวี้จื้ออย่างงงๆ เพียงแต่ประเด็นของเขาไม่เหมือนกับหลิงอวี้จื้อ ตะเกียบนั่นเขาใช้กินอาหารไปแล้ว เหตุใดหลิงอวี้จื้อถึงเอาไปแล้วใช้กินเลย ไม่เลี่ยงเลยสักนิด ดังนั้นเขาเพิ่งจะใช้ตะเกียบคู่เดียวกันกับหลิงอวี้จื้อหรือ
เช่นนี้หมายความว่า เขาก็มีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในใจหลิงอวี้จื้อ ใช่หรือไม่
“ทำอย่างไรดี กับข้าวทำออกมาเช่นนี้ จะให้อาเหยี่ยนกินได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้อทำหน้าทุกข์ใจ พูดกับตนเอง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“มีไข่ไก่แล้ว ก็ต้มน้ำเอาสักสองสามใบก็พอแล้วไม่ใช่หรือ อาหารอื่นเจ้าไม่ต้องทำแล้ว จะได้ไม่เสียของ”
หลิงอวี้จื้อไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของมู่หรงนี่อวิ๋น ความคิดทั้งหมดจดจ่ออยู่กับอาหาร ไม่มีวิธีใดแล้วจริงๆ ทำได้เพียงไปหาป้าข้างบ้านมาช่วยแล้ว
ตอนนี้เองมั่วชิงเข้ามา ข้างหลังตามมาด้วยป้าโจวที่ส่งไข่มาให้นางตอนเช้า
ในมือป้าโจวถือเนื้อไก่มาด้วยหนึ่งจาน เห็นไข่ดำๆ ในมือของหลิงอวี้จื้อ ป้าโจวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ้มพูดว่า
“แม่นาง พวกเราฆ่าไก่ไปตัวหนึ่ง ข้าก็เลยเอามาให้พวกเจ้าจานหนึ่ง”
“ป้าโจว ท่านป้าเกรงใจเกินไปแล้ว เนื้อไก่นี้พวกป้าเก็บเอาไว้กินเองเถิดเจ้าค่ะ”
หลิงอวี้จื้อได้กลิ่นหอมยวนใจ อดกลืนน้ำลายมิได้ นานมากแล้วที่ไม่ได้กินอาหารที่หอมกรุ่นเช่นนี้ เพียงได้กลิ่นท้องก็รู้สึกหิว เพียงแต่เธอรู้ว่าพวกนางใช้ชีวิตไม่ง่าย และเป็นเพราะเทศกาลฉลองปีใหม่ ถึงได้เสียสละเนื้อไก่มากินได้ เธอย่อมกระดากใจที่จะรับกับข้าวจานนี้
ป้าโจววางเนื้อไก่ลงบนโต๊ะวางเตาทำอาหาร ตอบกลับอย่างเป็นมิตรว่า
“บ้านข้ายังมี ครั้งนี้ต้องขอบคุณที่เจ้าช่วยตำบลเถาหยวนไว้ เจ้าสมควรได้รับ พวกเจ้าเอาไปกิน แม่นางเป็นคุณหนูบ้านคนใหญ่คนโต ไม่เคยทำอาหารแน่ ข้าช่วยพวกเจ้าทำ”
“เช่นนั้นขอบคุณมากเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าช่วยนะเจ้าคะท่านป้า”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง เจ้าล้างเรียบร้อยหมดแล้ว ข้าคนเดียวก็ทำเสร็จ”