ตอนที่ 1588

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,588 : วิกฤตของลี่เฟย

 

อาวุโสผู้เฒ่าพยากรณ์!

 

จากที่ต้วนหรูเฟิงกล่าว อาวุโสผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากผู้เฒ่าพยากรณ์ที่มีพลังอำนาจหยั่งรู้ฟ้าดิน!

 

บางทีแม้แต่ผู้ฝึกตนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าส่วนใหญ่ ก็ทำได้แค่รับทราบนามและพลังสามารถของผู้เฒ่าพยากรณ์มาจากคำบอกเล่าเท่านั้น น้อยคนนักที่จะเคยได้พบพานกับผู้เฒ่าพยากรณ์ตัวเป็นๆ เช่นนั้นแล้วด้วยภาพลักษณ์ชายชราที่มาในชุดมอซอปานขอทานเฒ่า คงยากที่พวกมันจะเชื่อมโยงกับผู้เฒ่าพยากรณ์อันสูงส่งในจินตนาการได้!

 

เกรงว่าต่อให้ผู้เฒ่าพยากรณ์ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าและบอกว่า ‘ข้าคือผู้เฒ่าพยากรณ์’ ก็อาจจะไม่มีผู้ใดเชื่อ!

 

อย่างไรก็ตามชายชราในชุดมอซอปานขอทานนี้ เป็นคนเดียวกับที่ต้วนหรูเฟิงพบเจอมาแล้ว 2 ครั้ง! ย่อมเป็นผู้เฒ่าพยากรณ์ตัวจริง!!

 

“เจ้าคงกำลังแปลกใจที่ไฉนข้ารั้งเจ้าไว้มิให้เข้าไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน แล้วรับตัวลูกสะใภ้ของเจ้าออกมาเองใช่หรือไม่?”

 

มองไปที่ต้วนหรูเฟิงที่คล้ายยังคงสับสน เฒ่าพยากรณ์พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

ตอนแรกต้วนหรูเฟิงก็คิดเข้าไปคฤหาสน์คลื่นขจี และรับตัวลูกสะใภ้อย่างลี่เฟิงออกมาด้วยตัวเองจริงๆ

 

ทว่าด้วยเสียงที่ส่งมาของผู้เฒ่าพยากรณ์เมื่อครู่ จึงทำให้มันหยุดลงทันที

 

เป็นสาเหตุให้กู่มี่สงสัยว่าทำไมต้วนหรูเฟิงถึงไม่เข้าไปด้วย…

 

สุดท้ายนี่กลับเป็นความตั้งใจของผู้เฒ่าพยากรณ์ ไม่ใช่ของต้วนหรูเฟิง

 

“หากท่านอาวุโสให้ข้ากระทำเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าท่านผู้อาวุโสมีเหตุผลบางประการ”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าว

 

“อืม ที่จริงแล้วเจตนาของข้าก็ล้วนเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ข้ามิให้เจ้าพาลูกชายเจ้าออกจากทวีปเมฆาล่องมาด้วย…ตอนนี้เจ้าคงคิดเผยตัวบอกสหายของลูกเจ้าทั้งรับคู่หมั้นของเขากลับไป กระทั่งยังคิดตามหาลูกชายเจ้า เพื่อพากลับไปบ่มเพาะที่ตำหนักเมฆาครามแล้วใช่หรือไม่? แต่ข้าขอบอกไว้…ว่าอย่าได้ทำเช่นนั้นเด็ดขาด เพราะนั่นมิเหมาะสม! เป็นการดีที่สุดที่เจ้าจะปล่อยให้เขาเติบโตได้เอง เช่นนั้นแล้วความสำเร็จของเขาจักมิได้หยุดอยู่แค่ภูมิภาคเบื้องล่าง!”

 

เฒ่าพยากรณ์กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม

 

“ความสำเร็จ…มิได้หยุดแค่ภูมิภาคเบื้องล่าง?”

 

ต้วนหรูเฟิงตื่นตระหนกไปไม่น้อย มันย่อมรู้ความหมายในวาจาของผู้เฒ่พยากรณ์ดี แน่นอนว่านั่นหมายความว่าหากปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนเดินตามหนทางของตัวเอง ขีดจำกัดของความสำเร็จย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้!

 

“กล่าวไปลูกชายเจ้ากับข้ามีสัมพันธ์อันชิดใกล้กันนัก…ข้าจึงมิอยากเห็นเขาเดินไปในทางที่ผิด…เจ้าเพียงเข้าใจเถอะว่าการปล่อยให้เขาเดินตามทางนั้นประเสริฐกว่าไปอยู่ที่ตำหนักเมฆาคราม ถึงแม้ตำหนักเมฆาครามจักเป็นบ้านของเขาก็ตาม…แต่แน่นอนว่าข้ามิได้ห้ามมิให้เขากลับบ้านและพบกับครอบครัวที่ตำหนักเมฆาคราม ข้าเพียงหวังว่าเจ้าจักปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมัน ให้เขาเป็นฝ่ายเจอพวกเจ้าเอง…ที่ได้พบสักวันย่อมได้พบ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

 

ชายชรากล่าวออกมาอีกครั้ง

 

“อา”

 

ต้วนหรูเฟิงพยักหน้ารับอย่างอื้ออึง มันตกใจไม่น้อยด้วยไม่คิดเลยว่าพรสวรรค์ของบุตรชายตัวเองจะยอดเยี่ยมถึงขั้นผู้เฒ่าพยากรณ์ยังพยายามถึงขนาดนี้

 

“ท่านผู้อาวุโส ที่ท่านกล่าวว่าท่านกับบุตรข้ากล่าวไปมีสัมพันธ์ชิดใกล้ มิทราบข้าขอถามท่านได้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอะไร?”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าวถาม

 

“เขาคือหมอกพิรุณ ข้าคือความลับสวรรค์”

 

เผชิญคำถามของต้วนหรูเฟิง ผู้เฒ่าพยากรณ์เพียงตอบออกมาสั้นๆเพียง 8 คำเท่านั้น

 

และเมื่อเสียงชายชราดังจบคำร่างคนก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาต้วนหรูเฟิง ราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

“เขาคือหมอกพิรุณ ข้าคือความลับสวรรค์? แล้วนี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”

 

ต้วนหรูเฟิงคุ้นเคยกับผู้เฒ่าพยากรณ์มาบ้างแล้ว จึงไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย

 

“ดูเหมือนว่าวาสนาของเทียนเอ๋อจักยิ่งใหญ่เหนือข้าในอดีตนัก…กระทั่งท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ที่ยากพบพาน ยังเป็นฝ่ายมาหาข้าเองเพื่อเขาเช่นนี้”

 

ต้วนหรูเฟิงถอนหายใจ

 

ถึงแม้ตอนแรกมันจะคิดว่าโชคดีได้พบพานกับผู้เฒ่าพยากรณ์ แต่ไปๆมาๆ กลับเข้าใจแล้วว่าที่แท้ผู้เฒ่าพยากรณ์มาพบตัวมันเพื่อบุตรชายนี่เอง หาไม่แล้วเกรงว่ามันคงไม่มีวาสนาได้พบผู้เฒ่าพยากรณ์แต่แรก

 

นอกจากนี้แม้จะพบพานกับผู้เฒ่าพยากรณ์ หากอีกฝ่ายไม่เต็มใจ ก็อย่าได้หวังว่าจะได้รับคำทำนายอะไร

 

ยิ่งมาต้วนหรูเฟิงยิ่งมั่นใจหนักข้อ ว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผู้เฒ่าพยากรณ์มีจุดประสงค์เพื่อลูกชายของมันเท่านั้น

 

ถึงแม้มันจะไม่ทราบว่าลูกชายของมันเกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าพยากรณ์อย่างไรก็ตาม

 

หากต้วนหลิงเทียนมาได้ยินวาจาเมื่อครู่ของผู้เฒ่าพยากรณ์ เกรงว่าคงมีตกอกตกใจกันบ้าง

 

นั่นเพราะตอนที่เขาได้รับสืบทอด ยอดใจกระบี่ เซียนกระบี่ฟงชิงหยางก็ได้กล่าวบอกไว้ ว่าเขาคือผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของหมอกพิรุณ

 

และเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ก็คือหมอกพิรุณ เช่นกัน!

 

แน่นอนว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางคือหมอกพิรุณรุ่นก่อน

 

กล่าวไปตอนนี้ในใจต้วนหลิงเทียนก็ได้ยึดถือเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเป็นอาจารย์ไปแล้ว ถึงแม้จะไม่เคยพบหน้าค่าตาอีกฝ่ายมาก่อนก็ตาม

 

ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นซื่อหม่าฉางฟงจากทวีปเมฆาล่อง หรือฟางฮุ่ยจากจวนเจ้าเมืองชงซัน ต้วนหลิงเทียนเพียงยอมรับทั้งหมดเป็นครูเท่านั้นไม่ใช่อาจารย์

 

ครูกับอาจารย์แม้ฟังแล้วไม่ต่างกันเท่าใด หากแต่ความหมายกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

หมอกพิรุณ ความลับสวรรค์

 

หากใครรู้จัก 7 ทวาราเที่ยงแท้ ที่เคยโด่งดังในกาลก่อน 2 นามนี้คงทำให้พวกมันสะท้านสะเทือนอยู่บ้าง!

 

ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ

ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์

(เหมือนตอนแรกจะแปลว่าพยากรณ์ไปมั้ง เอาเป็นความลับสวรรค์แทนนะ)

 

กล่าวได้ว่าหมอกพิรุณและความลับสวรรค์ ก็คือทวาราเที่ยงแท้ 2 ลำดับแรก ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้

 

หากทายาทหมอกพิรุณคือตัวแทนแห่งความแข็งแกร่งในการต่อู้ เช่นนั้นทายาทความลับสวรรค์ก็คือตัวแทนแห่งภูมิปัญญาของ 7 ทวาราเที่ยงแท้

 

ด้วยมีหมอกพิรุณ ความลับสวรรค์ และอีก 5 ทวาราเที่ยงแท้ที่เหลือรวมกัน ยังผลให้ 7 ทวาราเที่ยงแท้กลายเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่น่าพพรั่นพรึง! ยังยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า 3 ลัทธิที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเสียอีก!!

 

แน่นอนว่าในยุคสมัยนั้น ที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ยิ่งใหญ่คับฟ้า ล้วนเป็นเพราะทายาทหมอกพิรุณ

 

ยามนั้นทายาทของหมอกพิรุณก็คือ เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง!

 

ในยุคสมัยนั้นเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเป็นยอดคนอย่างแท้จริง อาจมีคนที่ไม่รู้จัก 7 ทวาราเที่ยงแท้ แต่ไม่มีใครไม่รู้จักเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง

 

ทว่าด้วยความที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้ได้เร้นกายหายไปจากประวัติศาสตร์มาเนิ่นนาน ตำหนักเมฆาครามจึงไม่มีบันทึกเรื่องราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อยู่เลย

 

ดังนั้นต้วนหรูเฟิงจึงไม่ทราบถึงการดำรงอยู่ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ เลยไม่รู้ว่าหมอกพิรุณ คือเที่ยงแท้ลำดับ 1 ส่วน ความลับสวรรค์คือเที่ยงแท้ลำดับ 2

 

หากมันรู้ล่ะก็ มันต้องเข้าใจวาจาของผู้เฒ่าพยากรณ์ไปแล้ว

 

คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน

 

ภายในห้องหับอันมีแสงไฟสว่างไสว บรรยากาศภายในห้องสงบเงียบ ปรากฏร่างสตรีเลอโฉมนางหนึ่งกำลังไกวเปลน้อยเบาๆ แววตาที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำจับจ้องมองร่างน้อยๆที่กำลังนอนอยู่ในเปลด้วยใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม

 

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ในใจสตรีดังกล่าวปรากฏร่างในชุดสีม่วงขึ้นมา พาลให้สองตาเหม่อลอยด้วยคำนึง

 

“ตัวเลวร้ายพวกเรามีลูกน้อยแล้ว…ลูกชายของพวกเราคลอดแล้วเจ้ารู้หรือไม่?”

 

สตรีนางนั้นกล่าวรำพัน

 

ฟังจากวาจาที่กล่าวรำพันกับตัว สตรีเลอโฉมที่กำลังไกวเปลเบาๆนี้ ที่แท้เป็น 1 ใน 2 คู่หมั้นของต้วนหลิงเทียน ลี่เฟย

 

“เค่อเอ๋อ…ป่านนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หากเจ้าปลอดภัยตอนนี้ลูกเจ้าใช่คลอดแล้วหรือไม่?”

 

เมื่อคิดถึงเค่อเอ๋อขึ้นมา สองตาของลี่เฟยก็เผยความเศร้าอีกครั้ง

 

นางกับเค่อเอ๋อนั้นสนิทสนมกลมเกลียวยิ่งกว่าพี่น้อง เพราะคราวเคราะห์จำต้องพรัดพราก ไม่มีสักวันที่นางจะไม่หวงกังวลในความปลอดภัยของเค่อเอ๋อ

 

ถึงแม้ทารกน้อยในเปลหลังเล็กไม่ทราบจะแลคล้ายผู้ใดกันแน่ หากแต่หว่างคิ้วกับดวงตาที่ห้าวหาญนั้น ละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง

 

นี่เพราะยังแบเบาะนัก

 

หากโตขึ้นต้องเหมือนต้วนหลิงเทียนไม่มีผิดเพี้ยน!

 

ทารกน้อยคนนี้คือลูกชายของต้วนหลิงเทียนที่ลี่เฟยคลอดออกมา

 

ลี่เฟยมองลูกน้อยในเปล จับจ้องมองหว่างคิ้วดวงตากลมใส

 

หากให้กล่าวนางก็บอกได้ว่าไม่คล้ายนาง แต่กลับคล้ายต้วนหลิงเทียนมากกว่า

 

ลี่เฟยไม่ได้รู้ตัวเลย ว่าภัยคุกคามครั้งใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้นางเต็มที…

 

“นายน้อยท่านคิดกระทำเรื่องนี้จริงๆหรือ? ถึงแม้คุณหนูใหญ่เฉวี่ยไน่กับ เจ้า 3 ตัวเล็กนั่นจะไม่อยู่ แต่ท่านชิงหนูยังอยู่ที่นี่ ข้ากลัวว่านางจะพบท่านก่อนที่จะทันได้เข้าใกล้ห้องของสตรีนางนั้น…”

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งเผยแววตาลังเล กล่าวกับชายหนุ่มในชุดหรูหราข้างกายด้วยความหวั่นหวาด

 

ชายหนุ่มในชุดหรูหราคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนมันคือหานจิ้นเหนียน ที่พบพานกับลี่เฟยครั้งมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานวันแรก และเป็นหลานชายคนเดียวของอาวุโสสูงสุดตระกูลหาน

 

“เฮอะ! เจ้าคิดว่าข้าจะโง่งมเหมือนเจ้ารึไร?”

 

เมื่อหานจิ้นเหนียนได้ยินคำของสุนัขรับใช้ มันก็กล่าวดูถูกออกมาเสียงเย็น “ก่อนที่พวกเราจะมาข้าขอให้ลุงเป่ยเรียกชิงหนูไปที่อื่นแล้ว ในเมื่อชิงหนูมิอยู่ แม่นางผู้นั้นก็เหมือนปลาบนเขียงรอให้ข้าไปแล่สับหรือทำอันใดก็ได้! น่าเสียดายนักที่นางกลับคลอดเสียแล้ว ไม่งั้นตอนนี้ข้าคงได้ลองลิ้มรสชาติของสตรีมีครรภ์สักครา!”

 

“เหอะ! กล่าวไปแล้วล้วนเป็นความผิดของเฉวี่ยไน่ที่ดูแลนางดีเกินไปจนข้ามิอาจหาโอกาสได้เลย…คราวนี้นางกลับพาเจ้าตัวเล็กบัดซบทั้ง 3 นั่นจากไปเอง นับว่าช่วยข้าได้มาก!”

 

ขณะที่กล่าว หานจิ้นเหนียนก็พาสุนัขรับใช้มาถึงหน้าห้องลี่เฟยในที่สุด

 

“เอาล่ะ เจ้าไปเฝ้าอยู่ด้านนอกแล้วคอยดูต้นทางเอาไว้ให้ดี!”

 

หานจิ้นเหนียนกำชับสุนัขรับใช้ ก่อนที่จะเดินไปหยุดหน้าประตูห้องของลี่เฟย

 

เมื่อสุนัขรับใช้จากไปดูต้นทางด้านนอก หานจิ้นเหนียนก็แทบรอเปิดประตูห้องของลี่ไหวไม่ไหว!

 

แม้ประตูห้องของลี่เฟยจะลงกลอนทั้งลั่นดาลไว้แน่นหนา แต่ด้วยพลังของหานจิ้นเหนียนก็นับว่าไร้ประโยชน์!

 

แอ๊ด….

 

ประตูถูกเปิดออก และแม้เสียงมันจะแผ่วเบาเพียงใด หากแต่ยังดังพอที่จะปลุกลี่เฟยจากภวังค์ ทำให้นางตื่นตัวทันที

 

“เป็นเจ้า!”

 

หลังจากเห็นหานจิ้นเหนียนเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง สีหน้าลี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นมีโทสะไม่น้อย “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

 

“แม่นางน้อยแสนงาม พี่มาทำอันใด…เจ้ามิรู้จริงๆหรือ?”

 

หานจิ้นเหนียนค่อยๆปิดประตูลั่นดาล แล้วหันกลับมากล่าวกับลี่เฟยด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม

 

“ไสหัวไป!”

 

ลี่เฟยตะคอกไล่ “หากเจ้าไม่ไปข้าจะเรียกหาอาวุโสชิงหนู!”

 

“ชิงหนู? ข้ากลัวว่าชิงหนูคงกลับมาที่นี่มิได้อีกพักใหญ่…อย่าได้คิดพึ่งนางเลย”

 

หานจิ้นเหนียนหัวเราะออกมา ก่อนที่จะค่อยๆก้าวเดินมาหาลี่เฟยช้าๆ

 

ลี่เฟยย่อมรู้ดีมาโดยตลอดว่าในหัวของหานจิ้นเหนียนมันคิดเรื่องอุบาทว์อะไร สีหน้าจึงซีดลง…หากแต่นางเตรียมใจไว้แล้ว ว่าต่อให้นางต้องตายนางก็ไม่มีวันยอมปล่อยให้เดียรัจฉานผู้นี้ก่อการสำเร็จ!

 

อย่างไรก็ตามพอคิดถึงลูกน้อย ในใจก็อดไม่ได้ที่จะปวดแปลบขึ้นมา

 

“ลูกแม่ หากแม่มิอยู่ดูแลเจ้าเติบโต ขอเจ้าอย่าได้ตำหนิแม่…”

 

ในหัวลี่เฟยคิดถึงเรื่องฆ่าตัวตายขึ้นมา เพราะต่อให้นางตายนางก็ไม่มีวันยอมให้หานจิ้นเหนียนสมหวัง

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้เองพลันมีเสียงหนึ่งดังเข้าหูลี่เฟย “แม่นาง ท่านคือลี่เฟยคู่หมั้นของต้วนหลิงเทียนใช่หรือไม่?”

 

เสียงที่ส่งตรงถึงหูนี้เห็นได้ชัดว่ามาจากร่างชายชราที่อยู่ๆ ก็ผุดโผล่ขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่าในห้อง ยังอยู่ด้านหลังของหานจิ้นเหนียนโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย!

 

ชายชรามาในชุดคลุมสีเทา ร่างกายผ่ายผอมนัก ในมือข้างหนึ่งถือไว้ด้วยไม้เท้าประหลาด…