บทที่ 410 นอกปราสาทใต้ดิน

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 410 นอกปราสาทใต้ดิน
ชานเมืองอันห่างไกล นครแอนทิฟเฟอร์ บอลแสงสีทึบผุดขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ก่อนที่จะขยายกว้างเป็นประตูแสนลึกลับ

ประตูนั้นถูกผลักเปิดอย่างรุนแรง แล้วลูเซียนก็เดินออกมา

จากนั้นทุกอย่างก็กลับสู่ความปกติ

ลูเซียนแผ่พลังจิตออกไปเพื่อตรวจสอบบริเวณรอบๆ อย่างระแวดระวัง

บริเวณนี้เป็นป่าที่มีเนินเขาเล็กๆ แต่นอกเหนือจากสัตว์ที่ทนความหนาวได้หลายๆ ตัวที่ตกใจหนีไป บริเวณนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว

ในที่สุดลูเซียนก็ลดความระแวงลง ก่อนจะเก็บม้วนคาถา ‘เวทกระโดดข้ามข้ามอวกาศ’ ลงในกระเป๋าเวทมนตร์

เวทมนตร์ระดับเจ็ด ‘เทเลพอร์ตวายป่วง’ ที่ผนึกไว้บนอุปกรณ์เวทมนตร์สามารถส่งผู้ร่ายไปยังสถานที่อื่นโดยการสุ่ม ลูเซียนอาจลงเอยที่การไปปรากฎตัวใน ‘พระราชวังเมเปิลขาว’ แห่งนครแอนทิฟเฟอร์ ในอาสมวิหาร หรือกลางถนนที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ก็ได้

แต่ลูเซียนโชคดีในครานี้ อาจเป็นเพราะพลังของปราสาทใต้ดิน หรืออาจเป็นเพราะความสัมพันธ์พิเศษที่ลูเซียนสร้างขึ้นด้วยการแปลงกายเป็นบูว์ลัค ลูเซียนจึงถูกส่งมายังสถานที่ที่ใกล้กับคฤหาสน์ที่ซ่อนบูว์ลัคเอาไว้

เขาร่าย ‘เวทล่องหน’ ให้กับตัวเอง ก่อนจะรีบพุ่งตัวไปทางคฤหาสน์

ลูเซียนตัดสินใจทิ้งบางอย่างไว้ให้บูว์ลัค

ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ลูเซียนจึงไม่อาจเสี่ยงอยู่ในนครแอนทิฟเฟอร์ต่อเพื่อพัฒนาพลังโลหิตให้กับบูว์ลัค

แต่ทว่า ลูเซียนเป็นคนรักษาคำพูดจนเขาไม่อยากจะทำผิดสัญญา ไม่ว่าบูว์ลัคจะเต็มใจหรือไม่ เขาก็ช่วยลูเซียนเอาไว้มาก ดังนั้นลูเซียนจึงควรตอบแทนเขา

ภายในคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลกอร์ส ความเงียบงันโรยตัวกดทับลงมา ในขณะที่เหล่าขุนนางต่างดูเศร้าหมองอย่างยิ่ง บางคนก็ตกอยู่ในความโศกาอาลัย ด้วยบุตรแสนรักของพวกเขาเพิ่งเสียชีวิตในการแข่งขัน แม้ว่าความจริงแล้วคนตระกูลกอร์สจะอวดอ้างว่าการแข่งขันนี้ปลอดภัยมากก็ตาม

“…นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น…” อุลริช ดยุกแห่งกอร์ส กล่าวด้วยความเสียใจลึกล้ำ “นักเวทปริศนาระดับสูงผู้หนึ่งหลอกเราด้วยเวทปลอมแปลงกายบางอย่างที่เราไม่รู้จักและลงไปยังปราสาทใต้ดิน ภายในนั้น เขาได้อัญเชิญปีศาจแห่งบรรพกาลมาและควบคุมเซอร์เมทาทรอน ทำการสังหารผู้คนในนั้น และขโมย ‘คทาแห่งตะวัน’ ขุมทรัพย์ของเราไป ในตอนที่ความช่วยเหลือสามารถฝ่าเข้าไปได้ เซอร์เมทาทรอนก็ได้เสียสละตนเอง ดังนั้นเจ้าชายเบเยอร์ เจ้าหญิงโซเฟีย และคนหนุ่มผู้โชคดีบางคนจึงรอดมาได้”

“ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกท่าน” อุลริชกล่าวต่อ “เพราะครอบครัวเราก็สูญเสียอาร์เธน เรล์ฟ และเซอร์เมทาทรอนไปเช่นกัน ตระกูลกอร์สจะพยายามชดใช้ให้ได้ตามที่พวกท่านต้องการสุดความสามารถ”

นี่คือ ‘ความจริง’ ที่ผ่านการหารือตกลงกันระหว่างดยุกและเจ้าหญิง พวกเขาจะโทษว่าเป็นความผิดของนักเวทปริศนา และก่อนที่จะมีคนฝ่าเข้าไปในปราสาทใต้ดินได้ พวกเขาก็ตัดสินใจสังหารเรล์ฟเพื่อให้แน่ใจว่าความจริงของเรื่องนี้จะไม่ถูกเปิดเผย

ขุนนางหนุ่มสาวที่เหลือซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันต่างมีส่วนเกี่ยวข้องในแผนการสอบสังหารเจ้าชาย และพวกเขาก็จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับภายในตระกูลของพวกเขา นอกจากนี้ พวกเขายังถูกลูเซียนทำให้หลับใหล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซอร์เมทาทรอน

เคานต์พอร์ติผู้มีใบหน้าคล้ายกับดูด้า เอ่ยเสียงแข็ง “ความต้องการงั้นรึ ข้ามีเพียงความต้องการเดียวเท่านั้น นั่นคือตามหานักเวทต่ำช้านั่นให้พบ! ข้าจะสับมันเป็นชิ้นๆ เอง!”

ดูด้าคือบุตรที่เขารักที่สุด

ตัวแทนจากตระกูลอื่นๆ ต่างเห็นด้วย พวกเขาไม่คิดเป็นศัตรูกับตระกูลกอร์ส เพราะทุกตระกูลที่สามารถส่งบุตรหลานเข้าร่วมการแข่งขันได้นั้นต่างมีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลกอร์ส

ไม่มีความจำเป็นใดที่จะกลายเป็นศัตรูกันเพราะโศกนาฏกรรมที่เหนือความคาดหมาย อีกอย่างคือ ความสูญเสียของตระกูลกอร์สนั้นหนักหนากว่าพวกเขานัก

ดังนั้น เหล่าขุนนางจึงแสดงความเข้าอกเข้าใจ

“พวกท่านเชื่อใจข้าได้” อุลริชกล่าวอย่างมุ่งมั่น “และตระกูลกอร์สก็จะไม่มีทางยอมแพ้เช่นกัน เราจะต้องตามหานักเวทชั่วร้ายให้เจอและเผาเขาให้เหลือเพียงเถ้าถ่านอยู่ภายในปราสาทใต้ดิน เราได้ส่งเคานต์นูเรมเบิร์กไปหาพระคาร์ดินัลหลวง เซอร์อินมาน และพระคาร์ดินัลหลวงก็ได้เดินทางมาถึงแล้ว เซอร์อินมานจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปราสาทใต้ดินเพื่อหาเบาแสเกี่ยวกับนักเวทผู้นี้

เคานต์เมคเคล็นพยักหน้าด้วยสีหน้าหมองหม่น แม้ว่าเคานต์เมคเคล็น จะไม่ชอบบุตรชายของตนนัก แต่เดนิซก็ยังเป็นสายเลือดของเขา

สิบนาทีต่อมา พระคาร์ดินัลหลวงอินมาน ผู้ดูเหมือนชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาในปราสาทใต้ดิน และตามมาด้วยเหล่าขุนนาง

ทว่า ผลลัพธ์กลับทำให้พวกเขาอย่างยิ่ง

“นักเวทผู้นี้ระวังตัวอย่างมาก การต่อสู้ระหว่างนักเวทกับเซอร์เมทาทรอนทำให้เกิดความเสียหายมากมายภายในนี้ และเบาแสหลายอย่างก็ถูกลบไปแล้ว” อินมานกล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมเมตตา

ลมหายใจของเคานต์พอร์ติเริ่มหอบหนักและเส้นเลือดสีน้ำเงินบนมือทั้งสองข้างก็เริ่มโป่งขึ้น “เซอร์อินมานขอรับ ยังมีวิธีการอื่นในการระบุตัวหานักเวทผู้นี้หรือไม่ เราจะปล่อยให้เหล่าขุนนางหนุ่มสาวต้องตายไปโดยสูญเปล่าเช่นนี้หรือขอรับ นักเวทต่ำช้านั่นสมควรถูกลงทัณฑ์โทษตายจากพระเจ้า!”

มิมีผู้ใดในที่นั้นจะยอมรับผลลัพธ์นี้ได้

อินมานนิ่งเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะสวดภาวนากับพระเจ้าเพื่อให้ได้รับคำชี้แนะ”

เวทศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า ‘ภาวนา!’

พอร์ติพลันอารมณ์ดีขึ้น “ขอบคุณ… ขอบพระคุณขอรับ เซอร์อินมาน!”

ภายใต้สายตาของเหล่าขุนนาง อินมานค่อยๆ คุกเข่าลงไป ขณะที่ในมือถือเหรียญตรานักบุญความจริงเอาไว้

เหล่าขุนนางต่างทำตามเขา

กลุ่มแสงอันบริสุทธิ์มารวมตัวรายล้อมอินมาน และภายในอ้อมกอดของแสงนั้น อินมานก็เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว

“พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดเผยให้เห็นว่าผู้ใดคือนักเวทที่ลงมายังปราสาทใต้ดินแห่งนี้ด้วยเถิด”

เสียงไร้อารมณ์ดังมาจากด้านบนแต่ไม่อาจทราบทิศทางชัดเจน “ระดับหก จากสภาเวทมนตร์ เขามีอุปกรณ์เวทมนตร์มากมายเกินกว่าที่นักเวทระดับสูงผู้หนึ่งมักจะมีในครอบครอง”

เห็นได้ชัดว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นไม่เพียงพอเพื่อให้อินมานระบุตัวตนของนักเวทได้ ลูกศิษย์ของผู้วิเศษระดับตำนานคนใดก็สามารถครอบครองอุปกรณ์เวทมนตร์มากกว่านักเวทระดับสูงทั่วไป

แต่เสียงนั้นกลับเงียบไป และไม่เอ่ยอะไรอีกเลย

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อินมานก็ยืนขึ้นและหันมาพูดกับเหล่าขุนนาง “เขาคือลูกศิษย์ของผู้วิเศษระดับตำนาน ผู้วิเศษคนนั้นแทรกแซงพลังของข้า ดังนั้นข้อมูลที่เปิดเผยจึงมีจำกัด ข้าก็ได้แต่หวังว่ามันจะมีประโยชน์”

เมื่อได้ยินคำพูดของอินมาน อุลริชก็ขบฟันด้วยความโกรธเกรี้ยว “สภาเวทมนตร์มีนักเวทระดับหกเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ข้าจะค้นหาไปทีละคนๆ… เพื่อตามหาเจ้า!”

ภายในพระราชวังเมเปิลขาว นครแอนทิฟเฟอร์

โซเฟียกล่าวกับชายวัยกลางคนผู้เปี่ยมด้วยรัศมีสูงส่ง “เสด็จพ่อทรงทราบหรือว่าเขาคือใครน่ะเพคะ”

ภายในปราสาทใต้ดิน โซเฟียได้เห็นวิธีการที่รูดอล์ฟที่สอง บิดาของนาง ทำลายเบาะแสที่หลงเหลืออยู่ในห้องโถง และวิธีการที่เขาแทรกแซงการสวดภาวนาของอินมานเมื่อครู่นี้ โซเฟียจึงเข้าใจว่าบิดาของนางทราบคำตอบแล้ว

รูดอล์ฟที่สองตอบอย่างไร้อารมณ์ “ยามที่เขาใช้เวทปลอมแปลง โชคชะตาของเขาใกล้เคียงกับบูว์ลัคมาก หากว่าข้าไม่ได้อยู่ที่นั่น ข้าคงแยกความแตกต่างไม่ออกแน่ ที่ข้าแทรกแซงการสวดภาวนาของอินมานก็เพราะข้าไม่อยากให้เขารู้ว่าข้าลงไปยังปราสาทใต้ดินเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา…”

“เป็นเช่นนี้…” โซเฟียถอนหายใจด้วยความผิดหวัง

“เขาเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของอุปกรณ์เวทมนตร์ที่เขาสวม ดังนั้นเราคงจะต้องใช้เวลานานพอสมควรในการย้อนตามหาจากวิธีการใช้งานของพวกมัน” รูดอล์ฟที่สองกล่าว ความจริงแล้ว เขาหาได้สนใจว่านักเวทระดับหกผู้นี้คือใคร

ก่อนที่โซเฟียจะได้ตอบอะไร รูดอล์ฟที่สองก็พูดต่อ “ครานี้เจ้าทำได้ไม่เลว เจ้าจะได้รับตำแหน่งดัสเชสแห่งอัลมานเป็นรางวัล

“จะ-จริงหรือเพคะ” โซเฟียประหลาดใจอย่างยิ่ง แม้ว่าคฤหาสน์พร้อมที่ดินของดัสเชสแห่งอัลมานจะไม่ได้ใหญ่โต แต่มันก็มีสายแร่อยู่เยอะมาก นับเป็นหนึ่งในห้าที่ดินที่มั่งคั่งที่สุดแห่งจักรวรรดิ มันไม่ด้อยไปกว่าสเตนเบิร์กของเบเยอร์เลย

รูดอล์ฟที่สองพยักหน้าเล็กน้อย “ข้ากล่าวแล้วไม่คืนคำ เจ้ากับเบเยอร์ควรจะพยายามให้มาก บางที… ข้าอาจจะไม่นั่งอยู่บนบัลลังก์นานนัก”

“เพคะ เสด็จพ่อ” โซเฟียมีกำลังใจเปี่ยมล้น

นางตื่นเต้นจนกระทั่งกลับมายังวังของตนเอง การจัดห้องในแบบที่คุ้นเคยทำให้นางคิดถึงวันเวลาแสนสุขที่นางมีร่วมกับเดนิซ

เป็นอีกครั้งที่นางสาบานว่านางจะตามหานักเวทต่ำช้าผู้นั้นให้ได้!

บูว์ลัคค่อยๆ ตื่นขึ้นท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้า เขารู้สึกอ่อนเพลียไม่น้อยจขณะนึกถึงฝันอันไร้ที่สิ้นสุดของเขา ในความฝันนั้น บูว์ลัคได้กลายเป็นอัศวินขั้นที่สอง และเขาก็เป็นผู้ชนะตำแหน่งเคานต์แห่งทิลลิสหลังจากเอาชนะอาร์เธน

บูว์ลัคพลันกลับมาสู่ความจริงเมื่อตระหนักว่าเขาอยู่ในห้องนอนของตนเอง ความทรงจำทั้งหมดย้อนกลับมา เขาจำได้ว่าเขาอยู่ในห้องทำงาน อัญเชิญปีศาจความโลภออกมา และเขาก็ใช้เวลาชีวิตสิบปีแลกกับพลังอัศวิน

เขารู้สึกตื่นเต้น เพราะเขารู้ดีว่านั่นหาใช่ภาพมายาแต่เป็นบางอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ ในที่สุด เขาก็จะสามารถยืนหยัดเพื่อต่อกรกับอาร์เธน และตอนนี้เขาก็ยังเข้าร่วมการแข่งขันที่ปราสาทใต้ดินได้อีกด้วย!

ทว่า หลังจากที่บูว์ลัคขยับแขนข้างหนึ่ง รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าเขาก็พลันแข็งทื่อ เขาตะลึงงันเพื่อพบว่าตัวเองยังเป็นเพียงอัศวินฝึกหัด

เขานึกว่าตัวเขาได้ลงนามในสัญญาแล้วเสียอีก!

เขานึกว่ามันหาใช่ความฝัน…

ในตอนที่บูว์ลัคกำลังเศร้าซึมอยู่นั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขารีบนำมันออกมา และก็พบว่ามันคือกระดาษหลายแผ่นและหลอดแก้วที่มีของเหลวสีแดงเข้ม ของเหลวสีแดงเข้มนั้นเปล่งประกายเล็กน้อย และดูคล้ายกับจะดึงดูดดวงวิญญาณของคนผู้หนึ่งได้

เมื่อคลี่แผ่นกระดาษออก บูว์ลัคก็เห็นแผนภาพกระบวนการที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เหนือแผนภาพนั้น มีข้อความอยู่หลายบรรทัด

‘เพื่อที่จะเลื่อนระดับพลังขึ้นเป็นอัศวินขั้นที่สองและรักษาความเป็นไปที่จะเป็นมหาอัศวินในอนาคต กรุณาทำตามขั้นตอนต่อไปนี้’

‘ข้อหนึ่ง จงตามหานักเวทหรือผู้ร่ายเวท’

‘ข้อสองถึงข้อเก้า จงทำการถ่ายทอดพลังตามขั้นตอนทั้งแปดในแผนภาพ แล้วปล่อยให้เลือดแวมไพร์กลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเจ้า’

‘ข้อสิบ จงใช้พลังให้สนุก มันไม่มีผลข้างเคียงแม้แต่น้อย’

‘ปล. หากเจ้าคิดว่าวิธีนี้อันตรายเกินไป ก็ยังมีอีกหนทางหนึ่ง ข้อแรก จงไปหาแวมไพร์ระดับสูง และข้อสอง ให้มันกัดเจ้า’

ข้างล่างแผนภาพคือรูปวาดใบหน้าปีศาจกำลังหัวเราะอย่างหนัก

‘บ้าจริง!’

บูว์ลัคพลันตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลือดแล่นขึ้นมากองบนใบหน้าเขา ก่อนที่เขาจะฉีกกระดาษจนเป็นเศษเล็กเศษน้อยแล้วเขวี้ยงลงพื้น

เขาถูกหลอก!

“เจ้าคนต่ำช้า!” บูว์ลัคสบถ “หากว่าข้าทำตามที่เจ้าบอก ข้าก็คงจะเป็นคนโง่เขลาที่สุดเท่าที่เคยมีมา!”

ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็มาเคาะประตู

บูว์ลัคลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ เดินไปเปิดประตู และก็พบว่าเป็นท่านลุงนูเรมเบิร์กของเขา

นูเรมเบิร์กขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางสิ้นหวังของบูว์ลัค ในตอนที่บูว์ลัคเริ่มรู้สึกประหม่า นูเรมเบิร์กก็เริ่มพูดในที่สุด

“อย่างไรก็ต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย บูว์ลัค เจ้าได้เป็นเคานต์แห่งทิลลิสคนใหม่แล้ว”

“…?” บูว์ลัคอ้าปากค้าง แต่ไม่อาจส่งเสียงอะไรออกมาได้ ราวกับว่าเขากำลังฝันอยู่ในตอนนี้

นูเรมเบิร์กอธิบาย “เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น และเราก็พิสูจน์จนแน่ใจแล้วว่าเจ้าไม่มีส่วนข้องเกี่ยวใดๆ สรุปสั้นๆ ก็คือ เจ้าได้กลายเป็นเคานต์คนใหม่แล้ว”

ทั้งอาร์เธนและเรล์ฟต่างเสียชีวิต ส่วนแคลร์ เพราะความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่มีกับเบเยอร์ นางจึงไม่ใช่ผู้สืบทอดตำแหน่งที่เหมาะสมอีกต่อไป

ข่าวชิ้นนี้น่าประหลาดใจเกินกว่าที่บูว์ลัคจะทำความเข้าใจได้ภายในไม่กี่วินาที หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ร้องตะโกนออกมา “ข้ามันคนโง่เขลาที่สุดจริงๆ ด้วย!”

เขาปิดประตูลง แม้ว่านูเรมเบิร์กจะยังไม่จากไปก็ตาม เขากระโจนตัวแนบพื้น เริ่มเก็บเศษกระดาษทั้งหมดที่เขาเพิ่งเขวี้ยงทิ้งอย่างลนลาน!

บูว์ลัคหวังว่าเขาจะยังหาเศษกระดาษได้ครบทุกชิ้น!

มหาสมุทรสีครามเข้มเชื่อมกับท้องนภาที่มีสีสันอ่อนกว่า และตอนนี้ลูเซียนก็กำลังบินผ่านหมู่เมฆไป

หลังจากใช้ความพยายามอยู่หลายวัน ลูเซียนก็สามารถปลดผนึกบนคทาเวทมนตร์ได้สำเร็จในท้ายที่สุด

ขณะนี้ เขากำลังประทับสัญลักษณ์แห่งจิตของเขาลงไป

‘“คทาแห่งตะวัน” อุปกรณ์เวทมนตร์ระดับเก้าขั้นสูง ผู้ครอบครองคทาคือราชาแห่งดวงดาวทั้งมวล เมื่อผู้ครอบครองร่ายเวทโหราศาสตร์บทใดก็ตามที่ต่ำกว่าระดับเก้า พลังของบทเวทจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ’

‘พลังเวทมนตร์ลึกลับทที่ซ่อนอยู่ในคทาจักทำให้ผู้ครอบครองสามารถร่ายเวทมนตร์ระดับแปด “เขาวงกต” ได้สามครั้งต่อวัน ร่ายเวทมนตร์ระดับเก้า “เขาวงกตธานอส” ได้สองครั้งต่อวัน และ “เวทจำคุก” ได้หนึ่งครั้งต่อวัน’

‘ศัตรูลึกลับใดๆ จักถูกกุมขังไว้ในคุก จาก ธานอส’

เมื่อได้ทราบถึงพลังของคทา ลูเซียนก็เปี่ยมล้นด้วยพลังใจ แท่นบูชาของเผ่าคัวโทนคงเป็นสถานที่ที่ท้าทายและอันตรายน้อยที่สุดในภารกิจทั้งหมดนี้ และเมื่อเขามี ‘คทาแห่งตะวัน’ ทุกอย่างก็คงจะกลายเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย