ตอนที่ 242 นี่คืออยากทำให้เขาตายสินะ / ตอนที่ 243 สลัดนายทิ้งไปนานแล้ว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 242 นี่คืออยากทำให้เขาตายสินะ 

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “ตอนนั้นเป็นคุณที่โหยหาต้องการจะลูบให้ได้ อย่างผมนี้เรียกว่าตอบสนองด้วยมารยาทที่ดีต่างหาก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเงยหน้าโต้ตอบอย่างหนักแน่น “ใช่สิ ฉันลูบนายไปสิบห้าครั้ง อย่างมากก็แค่ให้นายลูบกลับคืนก็ได้แล้ว” 

 

 

           “อ้อ ถ้าลูบกลับคืนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้” ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ “เพียงแต่ว่าตอนนั้นที่คุณลูบคือกล้ามท้องของผม บนตัวคุณมีสิ่งนี้หรือเปล่าล่ะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉิน “…” 

 

 

           ‘นี่เขาถูกหยามกันแล้วใช่ไหม ไม่มีกล้ามท้องแล้วจะทำไม เขาก็เป็นสไตล์หนุ่มรูปงามหน้าหล่อ ผิวขาวเนียน สูงยาวเข่าดีไงล่ะ’ 

 

 

           “เฉินเฉิน คุณอย่าดิ้นรนอีกเลย” ซือเหยี่ยนยื่นมือไปเกลี่ยผมเขา “บวกกับที่คุณจูบมั่วไป๋ไปสองครั้ง ผมเองก็คิดคุณไม่เยอะหรอก รวมเป็นยี่สิบครั้งถ้วน เสร็จเมื่อไหร่ ผมก็จะปล่อยคุณเมื่อนั้น” 

 

 

           “…” เจียงมู่เฉินล้มลงบนโซฟา 

 

 

           ‘ยี่สิบครั้ง?’ 

 

 

           ‘ซือเหยี่ยนอยากจะทำให้เขาตายจริงๆ สินะ ยี่สิบครั้งเขายังจะมีทางรอดอยู่ไหม’ 

 

 

           “ผมช่วยคุณคำนวณดูแล้วก็วันละเจ็ดครั้ง มากสุดสามวันคุณก็ออกข้างนอกได้แล้ว” สีหน้าท่าทางอ่อนโยน “แน่นอน ถ้าคุณรู้สึกว่าอ่อนแรงจนรับไม่ไหว พวกเราก็ทำวันละห้าครั้งได้ ขอแค่สี่วันพอ…เฉินเฉิน สามสี่วันผ่านไปไวมากนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ รู้สึกว่าให้ซือเหยี่ยนเด็ดหัวเขาออกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยยังจะดีกว่า 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาดูสิ้นหวัง ไม่มีท่าทางขัดขืนอะไรก็พยักหน้าอย่างพอใจ ช้อนร่างอุ้มเขาขึ้นมา “งั้นพวกเราก็ประหยัดเวลากันหน่อยดีกว่า เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน จะได้เสร็จไวขึ้นถูกไหม” 

 

 

           ขณะที่เจียงมู่เฉินโดนอุ้มเข้าในห้องนอน ก็อดจะขบกรามไม่ได้ ไป๋จิ่งเจ้าคนระยำนั่น ถ้าวันหนึ่งมีจุดอ่อนอะไรในมือเขา เขาจะต้องค่อยๆ คิดบัญชีกับไป๋จิ่งทีละนิดๆ แน่นอน 

 

 

           รับประกันว่าจะร้ายแรงกว่าที่ขุดหลุมฝังศพเขารอบนี้อีก 

 

 

           ยามโดนซือเหยี่ยนจับกดวาดลวดลายลีลา เจียงมู่เฉินใกล้จะร้องไห้จริงๆ แล้ว ยี่สิบครั้งเลยนะ เยอะขนาดนี้เขาจะคืนยังไง เขาจะโดนซือเหยี่ยนทำจนตายเลยไหม 

 

 

           ‘เขายังไม่ได้แก้แค้นไป๋จิ่งเลย จะตายไม่ได้เด็ดขาด’ 

 

 

           …… 

 

 

           สามวันครึ่งติดต่อกัน สามวันครึ่งเต็มๆ เลยนะ แม้แต่ประตูคอนโดมิเนียมก็ยังไม่ได้ออกไป นอกจากกินข้าวก็โดนซือเหยี่ยนจับกดอยู่อย่างนี้ 

 

 

           แม้แต่ห้องครัวกับห้องรับแขกก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน… 

 

 

           เจียงมู่เฉินราวกับปลาตายที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาขาวโพลน ยังดีที่เมื่อก่อนไม่ได้รับปากตกลงเรื่องที่ไม่เท่าเทียมกันกับซือเหยี่ยนมากเกินไป 

 

 

           ‘ไม่อย่างนั้นตอนนี้จะชดใช้คืนต้องถึงชีวิตจริงๆ แล้ว’ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวา สวมใส่ชุดสูทกิริยาท่าทางเหมือนคน สัญชาตญาณดิบของสัตว์เมื่อไม่กี่วันมานี้ดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อย 

 

 

           เจียงมู่เฉินขบกราม เหนื่อยกันมาสามวันครึ่งชัดๆ ทำไมซือเหยี่ยนถึงดูสดชื่นมีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้ 

 

 

           ส่วนเขาก็เหมือนกับปลาตายดีๆ นี่เอง 

 

 

           ซือเหยี่ยนที่สวมเสื้อเสร็จเรียบร้อยจึงโน้มใบหน้าลงมาจูบเขา “เด็กดี นอนชดเชยดีๆ ตอนเที่ยงผมจะกลับมาป้อนคุณจนอิ่มเลย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมือไม้อ่อนคว้าหมอนใกล้ตัวโยนใส่เขา “ป้อนกับน้องสาวนายจนอิ่มสิ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนลูบจมูกซื่อๆ “ทำอาหารให้คุณกินไง ตอนเที่ยงคุณไม่กิน ไม่หิวเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหจนคร้านจะสนใจเขา ใช้มือดึงผ้าห่มมาปิดคลุมตัวเองไว้ ไม่อยากจะเห็นเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนขำจนยกยิ้มมุมปากขึ้น ก้มหัวโน้มตัวลงมาแนบชิดกับผ้าห่ม แล้วกกกอดไว้ในอ้อมอก จากนั้นออกแรงจูบลงไปหนักๆ 

 

 

           หลังจากนั้นสักครู่หนึ่งถึงได้ออกจากคอนโดมิเนียมอย่างสุขใจ 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเสียงปิดประตูก็ดึงผ้าห่มลง มองดูฝ้าเพดาน เขาตัดสินใจแล้วเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ‘การสลับเป็นรุก’ ยังต้องสลับเป็นรุก ต้องสลับเป็นรุกให้ได้! 

 

 

           ‘จะโดนเขาจับกดไปเรื่อยๆ แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด’ 

 

 

           สีหน้าเจียงมู่เฉินเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะต้องสลับเป็นรุกให้สำเร็จ ทำให้ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่ได้ลิ้มรสผลข้างเคียงจากอาการเอวเคล็ด หลังยอก ขาเป็นตะคริวให้ได้ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 243 สลัดนายทิ้งไปนานแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนไปบริษัทอย่างสดชื่นมีชีวิตชีวา ทั่วทั้งใบหน้าที่ได้เติมเต็มความต้องการแผ่ซ่านความสบายออกใจมาอย่างสงบนิ่ง 

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นสีหน้าท่าทางแบบนั้นของเขา ทั้งยังคิดถึงว่าสามวันมานี้ซือเหยี่ยนไม่ได้มาปรากฏตัวที่บริษัทเลย จึงอดจะเข้าไปถามไม่ได้ “สามวันมานี้นายกับคุณชายน้อยเจียงทำอะไรกัน” 

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ทำเรื่องที่ควรจะทำ” 

 

 

           ไป๋จิ่งมองเขาด้วยสายตาหยอกล้อ “หลังจากวันนั้นที่นายพาคุณชายเจียงของนายกลับไป ลงโทษเขายังไงกัน ลงโทษทีก็ลงโทษสามวันเชียว” 

 

 

           “นายตามเมียนายกลับมาแล้วหรือยัง” 

 

 

           ไป๋จิ่งชะงักงัน ซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินขึ้นเตียงกันสามวันแล้ว ส่วนเขาความคืบหน้าสักนิดก็ไม่มี แม้กระทั่งหน้ามั่วไป๋ก็ยังไม่ได้เจอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเลื่อนขั้นเป็นตัวจริง 

 

 

           เมื่อเปรียบเทียบกันขนาดนี้ก็ช่างน่าเวทนาจริงๆ 

 

 

           ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ รู้สึกปลงอนิจจังโลกใบนี้ช่างไม่ยุติธรรมกับเขาเสียเลย 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นใบหน้าขมขื่นของเขา ก็เข้าใจได้ในทันที เขามองไป๋จิ่งด้วยสายตาเย็นชา “เมียตัวเองก็จัดการไม่ได้ ยังมานินทาฉันในใจอีก ถ้าฉันเป็นมั่วไป๋ ฉันสลัดนายทิ้งไปนานแล้ว” 

 

 

           หัวใจของไป๋จิ่งโดนโจมตีในชั่วพริบตา นี่…คำพูดนี้ถึงจะพูดกันขนาดนี้ แต่ก็จะทำร้ายกันขนาดนี้ไม่ได้หรือเปล่า 

 

 

           ‘ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ไว้หน้าอะไรกันบ้างสักหน่อยก็ได้’ 

 

 

           “ยังไม่ไปอีกเหรอ” ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “ชีวิตด้านความรักไม่รุ่ง ตอนนี้การงานก็ไม่อยากจะทำแล้วใช่ไหม” 

 

 

           ไป๋จิ่งน้ำตาตกใน ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่สุขกายสบายใจตั้งสามวัน คิดไม่ถึงว่าจะยังมาระบายอารมณ์ลงที่เขาอีก 

 

 

           “นายนี่มันทำคุณบูชาโทษ ฉันหวังดีบอกนาย นายดันกลับมาเหน็บแนมเย้ยหยันฉัน ทั้งโลกก็มีแค่นายที่คิดไม่ซื่อที่สุดแล้ว” 

 

 

           พูดถึงตรงนี้ ซือเหยี่ยนก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “นายยังไม่กระดากใจมาขอความดีความชอบจากฉันอีก เมียตัวเองก็คุมไม่อยู่ โดนคนอื่นจูบต่อหน้านาย นายยังจนปัญญา มิน่าล่ะจนถึงตอนนี้แล้วถึงจีบใครไม่ติดสักที” 

 

 

           ‘เชี่ย…แม่ง…’ 

 

 

           ไป๋จิ่งขบกราม เมื่อก่อนซือเหยี่ยนก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ ทำไมพอคบกับเจียงมู่เฉินแล้ว ปากถึงอาบยาพิษได้ถึงเพียงนี้ 

 

 

           ต้องเป็นเพราะเจียงมู่เฉินแน่นอน ต้องเป็นเขาที่พาซือเหยี่ยนเสียคนแน่นอน 

 

 

           ‘เลิก’ ต้องรีบทำให้พวกเขาเลิกกัน ไม่อย่างนั้นซือเหยี่ยนจะเรียนรู้ซึมซับกับเจียงมู่เฉินมากเกินไป ถึงเวลานั้นก็ไม่มียาใดจะรักษาได้แล้ว 

 

 

           ไป๋จิ่งเดินฟึดฟัดฮึดฮัดจากไป ขืนอยู่กับซือเหยี่ยนที่นี่ต่อไป เกรงว่าเขาจะโดนซือเหยี่ยนเหน็บแนมเย้ยหยันจนไม่เหลือแม้แต่หน้าแล้ว 

 

 

           หลังจากไป๋จิ่งออกไป ซือเหยี่ยนกุมขมับ สามวันไม่มาปรากฏตัว ไม่รู้ว่าซูเตอร์ทางนั้น สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง 

 

 

           เขาเปิดอีเมลดูคร่าวๆ ในสามวันนี้นอกจากเมลเรื่องงาน เมลส่วนตัวน้อยมาก และในนั้นก็มีเมลจากไมเคิลสองฉบับ 

 

 

           เขาเปิดอ่านดูคร่าวๆ อย่างรวดเร็ว ซือเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ไม่กี่นาทีก็วิดีโอคอลหาไมเคิล 

 

 

           ไมเคิลทางนั้นกำลังเป็นช่วงกลางคืน เหมือนว่าเขาเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จออกมานั่งหน้าโต๊ะหนังสือ 

 

 

           “เห็นเมลแล้วใช่ไหม” 

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “เพิ่งจะเห็น” 

 

 

           “เพราะว่าแก๊งมังกรครามกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านตำแหน่ง ดังนั้นตอนนี้ภายในค่อนข้างยุ่งเหยิง อีกอย่างซูเตอร์เจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ในแก๊งตอนนี้ที่นี่ มีคนอยู่ไม่น้อยที่อยากจะฉวยโอกาสก่อนที่ซูเตอร์จะกลับมา ก่อการเปลี่ยนผู้นำ… ฉันทำตามที่นายต้องการ เข้าใกล้ซูเวลล์น้องชายของซูแวน เหมือนกับที่นายบอก เขามีความคิดอยากจะแย่งชิงตำแหน่งจริงๆ อีกอย่างหลายปีมานี้เขาเองก็แอบกระทำการลับแม้จะไม่ใหญ่ แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพียงแต่ว่าตอนนี้ติดที่ซูแวนยังไม่สละตำแหน่ง ยังไม่มีคลื่นใหญ่อะไรซัดมา” 

 

 

           “ซูแวนทางนั้นสองวันมานี้มีท่าทีตอบสนองอะไรไหม” ซือเหยี่ยนหยุดสักพัก “หรือว่าคนในสังกัดแต่เดิมของซูเตอร์มีความเคลื่อนไหวอะไรไหม” 

 

 

           ไมเคิลขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่นิดเดียว ซูเตอร์อยู่ถานโจวไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องเฝ้าระวังทิศทางความเคลื่อนไหวของเขาด้วย” 

 

 

           “ถานโจวทางนี้เกิดเรื่องนิดหน่อย ฉันคิดว่าซูเตอร์จะติดต่อแก๊งมังกรครามเรียกคนของเขาเข้ามา” 

 

 

           “ไม่มี ไม่กี่วันนี้ฉันติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่พบความผิดปกติอะไร”