ตอนที่ 240 เรียกคนมาเก็บศพ
เมื่อครู่เจียงมู่เฉินยังอวดดีมาก แต่ตอนนี้หวาดกลัวลงในทันใด เขาเห็นสีหน้าซือเหยี่ยนที่ดำจนทมิฬแล้วมุมปากกระตุกขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยต่อ “ถ้าฉันบอกว่าเมื่อกี้ฉันแค่จูบไปเล่นๆ นายจะเชื่อไหม”
ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “คุณคิดว่าผมควรจะเชื่อไหมล่ะ”
ไป๋จิ่งเล่นตามน้ำ เอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อย “นายจูบไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ทั้งกอดทั้งจูบ”
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่ไป๋จิ่งทันที แกมันผู้ชายกากเดน แทงข้างหลังเขาก็ช่างเถอะ ตอนนี้อยู่ต่อหน้าเขายังจะมาทำตัวเป็นบ่างช่างยุอีก
“อะไรกัน เมื่อกี้นายยังกอดมั่วไป๋ของฉันแล้วยังจูบไปจูบมาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่มีฉันขวางเอาไว้ ไม่แน่ว่านายคงถอดเสื้อผ้ามั่วไป๋ออกแล้ว”
“…” เจียงมู่เฉินรู้สึกว่า เจ้าผู้ชายกากเดนนี่วันนี้มาขุดหลุมฝังศพเขาสินะ
“มือฉันเป็นตะคริว นายเชื่อไหม”
ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ เดินเข้าไปช้อนอุ้มร่างเจียงมู่เฉินขึ้นมา หมุนตัวมุ่งหน้าจะเดินออกไปข้างนอก
เจียงมู่เฉินจับบานประตูเอาไว้ “ไป๋ไป๋ ถ้านายยังไม่มาช่วยฉันอีก ฉันคงจะไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้วนะ”
มั่วไป๋เลิกคิ้ว “ถ้าฉันไปช่วยนาย แม้แต่พระอาทิตย์ตกในวันนี้ นายก็จะไม่เห็นเลยนะ” เขากวาดสายตามองเจียงมู่เฉินด้วยท่าทีเรียบเฉย “ดังนั้น…นายยังอยากให้ฉันช่วยนายอยู่อีกเหรอ”
เจียงมู่เฉินเงยหน้ามองใบหน้าของซือเหยี่ยน มือไม้ก็อ่อนลงเฉียบพลันแล้วก็โดนอุ้มออกไปทั้งอย่างนี้ เขาขดตัวอยู่ในอ้อมอกของซือเหยี่ยน เอ่ยถามเสียงอ่อน “นายทำใจตีฉันให้ตายไม่ลงหรอกใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะ “เฉินเฉิน คุณว่าไงล่ะ”
ในใจเจียงมู่เฉินเอ่ยอย่างไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่น้อย “นายควรจะทำใจไม่ลงใช่ไหม”
เสียงพูดเขาเพิ่งจะหยุดลง ตัวคนก็โดนจับยัดเข้าไปในรถ แล้วปิดประตู เขาฟุบลงไปกับประตูคิดอย่างอ่อนแรง รู้สึกว่าครั้งนี้เกรงว่าตัวเองจะเป็นอิสระไม่ได้ง่ายๆ เสียแล้ว
เขาส่งข้อความหามั่วไป๋ ซือเหยี่ยนที่เข้ามาในรถก็ดันเห็นเข้าพอดีพลางเอ่ยถามเสียงต่ำ “หาคนฟ้องเหรอ”
เจียงมู่เฉินสีหน้าเศร้าสลด “ฉันหาคนมาช่วยฉันเก็บศพต่างหากเล่า”
ซือเหยี่ยน “…”
……
บนตึก หลังจากที่ไป๋จิ่งเห็นเจียงมู่เฉินถูกจับยัดในรถแล้วออกไปก็อดจะยักคิ้วด้วยความลำพองใจไม่ได้ เขาสู้ไม่ชนะเจียงมู่เฉิน แล้วยังจะหาคนมาจัดการแทนไม่ได้เชียวเหรอ
‘ดูสิ นี่แก้ปัญหาไปได้สบายๆ เลยไม่ใช่เหรอ’
เขาหันกลับมา มั่วไป๋ก็ไม่อยู่แล้ว ไป๋จิ่งสะดุ้งตกใจคิดว่ามั่วไป๋พุ่งตัวไปช่วยเจียงมู่เฉินแล้ว แต่คิดดูแล้วคงไม่หรอก เมื่อกี้ไม่ลงมือ ตอนนี้จะลงมือเหรอ
เขาหมุนตัวเดินไปยังห้องนอน ก็เห็นมั่วไป๋กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ เขามองแผ่นหลังขาวผ่องแล้วกลืนน้ำลายลงคอ “กลางวันแสกๆ คุณจะถอดเสื้อผ้าทำไม”
“เสื้อผ้าถูกพวกนายดึงไปดึงมาจนยับแล้ว ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะไปเจอหน้าคนยังไง”
ไป๋จิ่งลูบปลายจมูกด้วยความรู้สึกผิดแก่ใจ เหมือนว่าเมื่อกี้ที่เขากอดมั่วไป๋…จะออกแรงเยอะไปหน่อยแฮะ
รอจนมั่วไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ไป๋จิ่งก็เริ่มจ้องมองเขาอีก “คุณเตรียมตัวจะไปไหน ผมส่งคุณไหม”
มั่วไป๋กวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “นายไม่ต้องกลับบริษัทเหรอ ซือเหยี่ยนคงไม่มีอารมณ์กลับบริษัทหรอก”
ไป๋จิ่งรีบพูด “ส่งคุณสำคัญกว่า ช่างบริษัทสิ”
มั่วไป๋กุมขมับแล้ว “นายปากหวานวันนี้ก็ยังเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงไม่ได้หรอก”
ไป๋จิ่งผู้สิ้นหวังในการเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงอีกครั้งถอนหายใจอย่างเงียบๆ เขาดึงชายเสื้อของมั่วไป๋ “ตรวจงานมาตั้งกี่วันแล้ว ยังเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงไม่ได้เหรอ”
มั่วไป๋มองเขาแล้วยิ้มหัวเราะเบาๆ “รออีกหนึ่งสัปดาห์ค่อยว่ากันเถอะ”
…ไป๋จิ่งอยากร้องไห้ รู้สึกว่าหนทางการเลื่อนขั้นเป็นตัวจริงยังอีกยาวไกลพอควร เขายังคิดว่าในเร็วๆ นี้จะได้เลื่อนขั้นเป็นตัวจริง จะขอรางวัลปูนบำเหน็จกับมั่วไป๋อย่างเปิดเผยสักหน่อย มีหรือจะเหมือนตอนนี้ที่เขาทำได้แค่กอดๆ จูบๆ ไม่กล้าทำเรื่องอย่างอื่น
……
ซือเหยี่ยนขับรถกลับไปที่คอนโดมิเนียม เจียงมู่เฉินนั่งเป็นอัมพาตอยู่บนที่นั่งในรถ ยอมแพ้ไม่ดิ้นสู้แล้ว คิดเสมอว่าวันนี้เขาคงจะไม่มีชีวิตอยู่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว
ซือเหยี่ยนจอดรถเข้าที่เรียบร้อยแล้ว กวาดสายตามองเจียงมู่เฉินผู้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดทั้งสิ้น “ยังไง อยากอยู่บนรถเหรอ”
เจียงมู่เฉินรีบตะเกียกตะกายขึ้นมา “อย่าๆๆ ฉันไม่อยาก”
ตายในรถไม่สมฐานะอันมีเกียรติสูงส่งของเขา ต่อให้คลานก็ต้องคลานให้ถึงข้างในคอนโดมิเนียม ถึงจะตายได้
ซือเหยี่ยนพาตัวเจียงมู่เฉินเข้าลิฟต์ไป ออกมาจากลิฟต์อีกที จนมายืนอยู่หน้าประตูคอนโดมิเนียม เจียงมู่เฉินถอนหายใจเล็กน้อย ดูท่าว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ที่พึ่งพาของเขาในวันข้างหน้านี้แล้ว
เขามองดูซือเหยี่ยนที่เปิดประตูอยู่ข้างๆ ก่อนเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ในวันข้างหน้า นายต้องดูบ้านหลังนี้ให้ดีนะ”
ซือเหยี่ยนมุมปากกระตุก ใช้มือดึงลากคนเข้าไปข้างในทันที
ตอนที่ 241 สิบห้าครั้งที่ติดหนี้ไว้
เจียงมู่เฉินมองประตูที่ถูกปิดลงทั้งแบบนี้ด้วยสีหน้าอนาถใจตัวเอง เขาจับประตูไว้อยากร้องไห้ ซือเหยี่ยนเองก็ไม่สนใจ เพียงมองเขาอยู่แบบนั้น
เจียงมู่เฉินยืนสงบนิ่งไว้อาลัยอยู่ตั้งนานกว่าจะหันกลับมาก็เห็นซือเหยี่ยนยืนกอดอกอยู่ข้างๆ เขา สีหน้าดำทมิฬ
เขากำชายเสื้อไว้ด้วยท่าทางอ่อนแอดูน่าสงสารจับใจ
“เล่นละครพอหรือยัง” ซือเหยี่ยนเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่รู้ว่าช่วงนี้เจียงมู่เฉินไปเรียนจากใครมา แสดงเก่งตัวพ่อขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่เห็นจะรู้สึกเลย
เจียงมู่เฉินมองซือเหยี่ยนตัดสินใจจะขุดหลุมฝังศพให้ไป๋จิ่ง ใครใช้ให้เมื่อกี้พลิกกลับมาแทงข้างหลังเขา
“ฉันเล่นละครก็เรียนมาจากไป๋จิ่งทั้งนั้น เขาน่ะไม่ปกติ ต่อไปนายต้องเจอเขาให้น้อยลงนะ” เจียงมู่เฉินเอ่ยอย่างหนักแน่นจากใจจริง “ฉันก็รู้ว่าคืนนี้ฉันคงจะหลบไม่พ้น ต่อไปกับไป๋จิ่งก็ไม่มีอะไรจะยุ่งเกี่ยวกันแล้ว…พอเป็นนาย ฉันไม่วางใจเลย ถ้าเขาทำให้นายกลายเป็นแบบนี้ ฉันจะทำยังไงล่ะ”
ซือเหยี่ยนกุมขมับ หิ้วปีกเจียงมู่เฉินมานั่งลงโซฟาดีๆ “คุณอย่าเพิ่งเป็นกังวลขนาดนั้นไปก่อน คุณคิดก่อนว่าจะอธิบายกับผมยังไง เรื่องที่คุณจูบมั่วไป๋”
เจียงมู่เฉินหัวใจบีบแน่น ลังเลอยู่สักพักถึงได้เอ่ยปากขึ้น “ฉันกับมั่วไป๋เป็นเพื่อนกันไง จูบสักหน่อยก็ไม่เป็นไรมั้ง”
ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “ตามที่คุณพูดมาขนาดนี้ ผมก็จะไปจูบซูเตอร์ ถึงยังไงผมกับเขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ก็ไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม”
เจียงมู่เฉินเด้งตัวขึ้นในทันใด “ไม่ได้ นายอย่าเอะอะอะไรก็เอาซูเตอร์มาขู่ฉันนะ”
ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง เจียงมู่เฉินหวาดกลัวขึ้นเฉียบพลัน รีบกลับไปนั่ง ท่านั่งราวกับเด็กประถมเป็นระเบียบเรียบร้อยเหลือเกิน
ซือเหยี่ยนพยักหน้าด้วยความพอใจ “ได้ คุณคิดดูอีกทีอย่างละเอียดๆ คุณจูบมั่วไป๋ไปกี่ครั้ง”
เจียงมู่เฉินหวนคิดย้อนกลับไปครู่หนึ่ง “ก็ที่นายเพิ่งจะเข้ามาครั้งนั้นครั้งเดียว”
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “คิดอย่างจริงจังหน่อย”
เจียงมู่เฉินผู้น่าสงสารมองซือเหยี่ยน จินตนาการภาพซือเหยี่ยนถือแส้หนังยืนต่อหน้าเขายิ้มเยาะไปด้วย พลางโบกมือไปมาด้วย นึกแล้วก็อดจะหนาวสั่นสะท้านไม่ได้
“สอง สองครั้ง”
ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น “สองครั้งจริงๆ เหรอ”
“ฉันสาบาน แค่สองครั้ง”
ซือเหยี่ยนเงียบสักพัก สายตาจับจ้องมาที่เจียงมู่เฉิน พินิจมองอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาไม่พูดจาอะไรสักคำ
เจียงมู่เฉินเห็นแบบนี้ หัวใจดวงน้อยกำลังสั่นเทา ซือเหยี่ยนนี่หมายความว่ายังไงกันแน่ ไม่พูดไม่จาเอาแต่มองเขาแบบนี้ ทำให้ตกใจกลัวมากเลยนะ
“นายอย่าเงียบสิ จะตีจะด่าจะฆ่าจะแทง นายก็บอกฉันมาตรงๆ สิ”
ซือเหยี่ยนยิ้มเยาะ “เจียงมู่เฉิน”
‘เขาไม่เรียกว่าเฉินเฉินแล้ว จบแล้ว เขาจะคิดบัญชีกับตัวเองจริงๆ แล้ว’
“คุณยังจำได้หรือเปล่า ที่อเมริกาคุณยังติดหนี้ผมสิบห้าครั้ง”
เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “สิบห้าครั้งอะไร ทำไมเป็นสิบห้าครั้งแล้วล่ะ” เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะติดหนี้ซือเหยี่ยนสิบห้าครั้งได้
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะอย่างอ่อนโยน “จำไม่ได้แล้วเหรอ ไม่เป็นไร ผมจะค่อยๆ ทบทวนความจำให้คุณเอง”
“ตอนนั้นมีคนโหยหากล้ามท้องของผม แต่ติดหนี้สิบห้าครั้งไว้ ตอนนั้นผมยังไม่ได้ทวงคืน ฝากเก็บไว้ที่คุณมาตลอด ตอนนี้ผมนึกขึ้นมาได้กะทันหัน โอกาสทวงคืนมาถึงแล้ว”
สมองเจียงมู่เฉินแล่นด้วยความเร็วสูง เขาลงนามในสัญญาที่ไม่เท่าเทียมแบบนี้ไปได้ยังไงนะ เขาลูบกล้ามท้องซือเหยี่ยนไปสิบห้าครั้ง ตอนนี้พลิกกลับมาจะโดนซือเหยี่ยนจับกดสิบห้าครั้ง นี่มันไม่เท่าเทียมกันเกินไปไหม
“ไม่ทำๆ ฉันไม่เห็นด้วยเด็ดขาด”
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “ถ้างั้นตอนนี้คุณคิดอยากจะเปลี่ยนใจใช่ไหม”
เจียงมู่เฉินมองเขาแวบเดียวก็หวาดกลัวทันที “ไม่ใช่เปลี่ยนใจ ก็สัญญาฉบับนี้ของนายไม่เท่าเทียมกันขนาดนี้ ฉันก็ต้องทวงสิทธิ์แทนตัวเองสักหน่อยสิ”