ตอนที่ 282 เป้าหมายของเซียงซือ / ตอนที่ 283 ทำผิด

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 282 เป้าหมายของเซียงซือ 

 

 

เซียงฉือได้รับแจ้งจากคนที่ซูกงกงส่งมาว่าให้นางจัดการตำหนักเจิ้งหยาง ตอนนี้หรงจิงเลิกประชุมแล้ว แต่ได้รั้งเหลียนชินอ๋องไว้อยู่คุยกันประสาพี่น้อง ดังนั้นซูกงกงจึงให้คนมาส่งข่าวก่อน 

 

 

เซียงฉือมาถึงหน้าประตูก็เห็นเซียงซือจึงรีบเดินเข้าไปหา ต่างคารวะให้กันแล้ว เซียงฉือพูดขึ้นก่อนว่า 

 

 

“ฝ่าบาทใกล้จะเสด็จกลับแล้ว ท่านพี่ตามข้าเข้าไปรอที่เรือนหลังก่อน อีกสักครู่แล้วข้าจะไปพบ” 

 

 

เซียงฉือมองเห็นแถบสีเหลืองอร่ามกำลังเดินย่างมาทางประตูหน้าของตำหนักเจิ้งหยาง หากพวกนางไม่รีบหลบออกไปในตอนนี้ เกรงว่าคงต้องชนเข้ากับขบวนของฝ่าบาทแล้ว 

 

 

เซียงฉือจึงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนใจและคิดจะพาเซียงซือหลบออกไป นางดึงอยู่หลายครั้ง แต่เซียงซือยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย 

 

 

มองดูแววตานางเห็นความไม่เป็นมิตรทำให้เซียงฉือไม่เข้าใจ แต่เกรงว่าเซียงซือจะพูดอะไรที่น่าตกใจออกไปต่อหน้าฮ่องเต้จึงคิดเพียงจะพานางออกไป 

 

 

แต่เซียงซือกลับปัดมือเซียงฉือที่จับตนไว้แล้วยืนอยู่ตรงนั้น เหลือบตาดูเซียงฉือแล้วพูดว่า 

 

 

“น้องสาว ข้ายังไม่เคยเห็นฝ่าบาทมาก่อนเลย ขอแค่อยู่ทำความเคารพฝ่าบาทอย่างนอบน้อมสักครั้ง เหตุใดต้องให้รีบหลบไปด้วย” 

 

 

“และข้าก็มาเพื่อส่งของให้เจ้าด้วย รับไปซะ” 

 

 

เซียงซือโยนของในมือไปให้เซียงฉือแล้วจัดการเสื้อผ้าตนเอง สายตาเปี่ยมความรู้สึกลึกซึ้งนั้นมองไปยังหรงจิงที่กำลังเดินมา 

 

 

เซียงฉือถือกล่องอาหารไว้ในใจบังเกิดความหวาดหวั่น เมื่อเห็นสายตาของเซียงซือแล้วก็หนักใจ จุดประสงค์ของเซียงซือปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน 

 

 

หากจะมาส่งของให้ตนควรเข้าประตูด้านข้างแต่นี่ตั้งใจมาทางประตูหน้า อีกทั้งยังจงใจรอจนกระทั่งเวลาฝ่าบาทเสด็จกลับจึงได้มา เซียงฉือไม่กล้าคิดอีกต่อไปขันทีในตำหนักเจิ้งหยางได้ร้องขานเสียงสูงขึ้นแล้ว 

 

 

“ฝ่าบาทเสด็จกลับตำหนัก!” 

 

 

เซียงซือกับเซียงฉือที่ดูคล้ายกันยืนทำความเคารพฮ่องเต้ เซียงฉือวางกล่องข้าวในมือแล้วทำความเคารพเต็มรูปแบบอย่างเรียบร้อย 

 

 

ข้างเสาใหญ่สีแดงนอกจากขันทีชุดสีดำแล้วยังมีข้าราชสำนักสตรีชุดสีฟ้าครามสองคน หรงจิงสังเกตเห็นทันทีจากในหมู่คน 

 

 

ข้าราชสำนักสตรีงานอักษรเปลี่ยนจากหนึ่งเป็นสอง หรงจิงประหลาดใจ เมื่อเดินไปใกล้แล้วจึงหยุดเท้าลง 

 

 

“วันนี้เหตุใดจึงมีข้าราชสำนักสตรีถึงสองคน กองราชเลขาส่งมาอีกคนหรืออย่างไร” 

 

 

น้ำเสียงหรงจิงเจือความสงสัย แต่ไรมาข้างกายเขาจะมีข้าราชสำนักสตรีเพียงคนเดียว คนใหม่นี่มาจากไหน นี่เป็นการจัดการของเหอจิ่นเซ่อเช่นนั้นหรือ ขณะหรงจิงถามก็ผินหน้าไปทางซูกงกง ส่วนซูกงกงก็ไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น ตามเหตุผลแล้วควรเป็นเซียงฉือที่รู้เรื่องดีเป็นคนออกหน้ามาตอบ 

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าเซียงซือจะเดินเข้าไปเผยตัวชัดเจนย่อกายคำนับ ดูราวกับเป็นการทำความเคารพของคุณหนูคนหนึ่ง ซึ่งดูแปลกไปสำหรับนางซึ่งตอนนี้เป็นข้าราชสำนักสตรี 

 

 

เซียงฉือยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เซียงซือก็รีบพูดขึ้นก่อนว่า 

 

 

“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันอวิ๋นเซียงซือ เป็นข้าราชสำนักสตรีคนใหม่ของกองราชเลขาเพคะ” 

 

 

เซียงซือเงยหน้าน้อยๆ หน้านวลแดงเรื่อน่าชมอย่างยิ่ง แต่หรงจิงเป็นคนให้ความสำคัญกับระเบียบแบบแผน นอกจากคนที่เขาไว้วางใจแล้ว เขาไม่ชอบให้ใครอื่นมากำเริบอยู่ต่อหน้าเขา 

 

 

กับเซียงซือเขาไม่มีภาพในความทรงจำแม้แต่น้อย ถึงแม้นางจะดูนุ่มนวลประทับใจ สายตาพราวเสน่ห์ดึงดูดใจ หากเป็นชายอื่นเห็นเข้าย่อมตะลึงพรึงเพริดยินยอมสยบแทบเท้านาง 

 

 

แต่เซียงซือในเวลานี้ใช้ศิลปะการยั่วยวนที่นางเรียนรู้มาอย่างผิดที่ผิดเวลา อีกทั้งยังใช้ผิดคนอีกด้วย 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 283 ทำผิด 

 

 

หรงจิงมีท่าทีไม่พอใจ เซียงฉือเห็นเข้าก็รู้ว่าเขาไม่พอใจเซียงซือ และเมื่อเห็นเซียงซือกำลังจะพูดต่อจึงรีบชิงพูดขึ้นโดยไม่มีเวลาคำนึงสิ่งใด 

 

 

“ฝ่าบาททรงประทานอภัยด้วยเพคะ เซียงซือเป็นลูกพี่ลูกน้องผู้พี่ของหม่อมฉันที่ทำงานอยู่ในกองราชเลขาด้วยกัน วันนี้มาที่นี่เพื่อนำของใช้ประจำวันมาให้หม่อมฉัน แต่เพราะคุยกันจนล่วงเลยเวลา ทำให้ล่วงเกินฝ่าบาท ขอทรงลงโทษด้วยเพคะ” 

 

 

เซียงฉือรีบทำความเคารพหรงจิงและพูดขึ้นอย่างกังวล 

 

 

เห็นเซียงฉือทำเช่นนั้นเซียงซือก็หน้าเขียวไม่พอใจ นางคิดจะพูดอะไรอีกแต่กลับถูกเซียงฉือลอบดึงมือไว้ หรงจิงทันได้มองเห็นสายตาที่โกรธเคืองนั้น 

 

 

เขารู้เห็นสารพัดวิธีการของเหล่าสตรีวังหลังในการให้ท่าเขาจนชิน เหตุใดจะไม่รู้ทันความคิดของเซียงซือ 

 

 

ตอนนี้เขาไม่พอใจ มองดูสีหน้าประหลาดของเซียงฉือแล้วมองดูเซียงซือ พี่น้องคู่นี้นิสัยแตกต่างกันอย่างมาก หรงจิงไปประชุมราชสำนักกลับมาแล้วยังมีเรื่องต้องไปจัดการอีกมากจึงไม่คิดจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้ เมื่อพ่นลมออกจมูกแล้วจึงเดินผ่านไป 

 

 

เซียงฉือเพิ่งจะโล่งใจ เมื่อเห็นฝ่าบาทเดินเข้าด้านในไปแล้วจึงคลายมือที่จับเซียงซือไว้ 

 

 

แต่คิดไม่ถึงว่าพอนางคลายมือแล้วไปยกกล่องอาหารและคิดจะพานางจากไป เซียงซือที่โกรธอยู่ก็ผลักนางโดยแรง 

 

 

เซียงฉือเสียหลัก หน้าแข้งชนเข้ากับกล่องอาหาร ทำให้ฝากล่องหล่นลงพื้นเสียงดังกังวาน หรงจิงที่เดินไปช่วงหนึ่งแล้วได้ยินเสียงจึงรีบหันกายกลับมา ส่งเสียงดุดันอย่างทรงอำนาจ 

 

 

“บังอาจ! ใครกล้ามากำเริบต่อหน้าข้า” 

 

 

เซียงฉือคิ้วขมวดแน่นเริ่มหนักใจ นางคุกเข่าพรึบลงบนพื้น เซียงซือก็ถูกเสียงตวาดนี้ทำให้ตกใจจนคุกเข่าลงเช่นกัน ส่วนในใจยิ่งนึกโทษเซียงฉือ 

 

 

นางไม่ได้ใช้แรงมากสักหน่อย เซียงฉือก็ไม่ใช่กระดาษเหตุใดต้องแกล้งล้มด้วย เจตนาจะให้นางต้องเสียหน้าต่อหน้าฝ่าบาทชัดๆ 

 

 

นางไม่ได้รู้สึกเลยว่าตนเองทำความผิด รู้สึกแต่ว่าเซียงฉือมีเจตนาใส่ร้ายนางจึงได้ทำเช่นนี้ 

 

 

เซียงฉือได้แต่ลอบร้องทุกข์อยู่ในใจ ตนเองควรทนรออีกสักหน่อยก็จะไม่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ฝ่าบาทพิโรธหนักเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะลงโทษอย่างไรบ้าง 

 

 

คิดถึงผิงผิงที่ถูกลงโทษโบยตีไปเมื่อคืนก็เพราะความไม่สำรวมต่อหน้าพระพักตร์ ผู้หญิงพวกนี้ไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อกันหรืออย่างไร 

 

 

เซียงฉือลอบทุกข์ใจ แต่นางไม่รู้ว่าหรงจิงมักผ่อนปรนต่อสตรีในวังหลังเสมอมา หากเรื่องนี้ซูเฟยหรือกุ้ยเฟยเป็นคนทำ หรงจิงก็จะถือเป็นความบันเทิงแก้เบื่อ 

 

 

แต่นี่เป็นข้าราชสำนักสตรีที่ทำให้เขารังเกียจคนหนึ่ง ไม่รู้กาลเทศะ ไม่รู้สิ่งใดควรหรือไม่สมควร ทำยั่วยวนโปรยเสน่ห์ต่อหน้าเขาจนเขารำคาญ แล้วยังมาก่อเรื่องลับหลังเขาเช่นนี้อีก จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร 

 

 

ซูกงกงเป็นคนแสนรู้ เมื่อเห็นฝ่าบาทโกรธจึงรีบสะบัดมือให้จับตัวเซียงฉือกับเซียงซือไว้ 

 

 

“นำตัวเข้ามา ให้ฝ่าบาททรงไต่สวน!” 

 

 

ทั้งคู่ล้วนเป็นข้าราชสำนักสตรี แต่ซูกงกงเห็นว่าฝ่าบาทมีความชมชอบเซียงฉืออยู่จึงไม่กล้ารีบสั่งให้เอาตัวออกไปดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อจับความคิดหรงจิงแล้วจึงให้คนพามาเบื้องหน้าหรงจิง 

 

 

เซียงซือกับเซียงฉือถูกทหารองครักษ์จับแขนมาถึงเบื้องหน้าหรงจิง สีหน้าเซียงซือหวาดหวั่น รู้สึกว่านี่ไม่เหมือนกับที่หญิงสาวคนอื่นเคยพูดไว้ ทำให้นางลนลานอย่างยิ่ง 

 

 

แต่เซียงฉือคิดมากกว่านั้น เหตุใดเซียงซือจึงได้มาที่นี่ ทำอย่างไรฝ่าบาทจึงจะยอมปล่อยพวกนาง นางควรจะอธิบายด้วยเหตุผลหรือร้องขอความเมตตา 

 

 

เซียงฉือคิดคำนวณในใจอยู่นาน แต่ก็ก้มหน้าลงอย่างเชื่อฟัง 

 

 

ตอนนี้ไม่ว่านางจะตัดสินใจทำอะไร จำเป็นที่เซียงซือต้องรู้จักร่วมมือด้วยจึงจะใช้ได้ มิเช่นนั้นลำพังนางคนเดียวไม่อาจจะแสดงละครฉากใหญ่นี้ได้