ตอนที่ 472 ตกปลา

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 472 ตกปลา

เส้นสีดำนั้นพุ่งออกไปไกลถึง 3 จ้าง

ในขณะที่ซูม่อกำลังจะดึงเส้นสีดำนั้นกลับคืน รอกกลับขยับขึ้นมาอีกครา เส้นไหมสีดำก็ได้พุ่งออกไปเอง

คาดว่าคงจะปักไปถูกตัวปลาเข้า ปลาจึงได้ดึงเส้นไหมออกไปทำให้รอกหมุน

ฟู่เสี่ยวกวนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ช่างโชคดีเสียจริง ข้านั่งตกมาตั้งนานแล้วยังตกมิได้สักตัว แต่มู่โต่วนี้กลับหาปลาได้อย่างง่ายดาย

“ฮ่า ๆ ๆ ดึงขึ้นมาเร็วเข้า คืนนี้พวกเราจะนำมันมาเผากินกัน”

เกาเสี่ยนที่อยู่ใต้น้ำนั้นพยายามว่ายหนีอย่างสุดความสามารถ แต่อยู่ ๆ เขาก็ได้หยุดลง แล้วคิดได้ว่าต้องแกะเจ้าสิ่งนี้ออกไปเสียก่อน

แต่เมื่อเขาใช้มือดึงเพียงเบา ๆ เท่านั้นก็ได้รู้สึกเจ็บเสียจนต้องกัดฟันกรอด ให้ตายสิ ด้านในเจ้าสิ่งนี้มีแง่งมีดอยู่ด้านใน !

เขาชักดาบที่แขวนอยู่ตรงเอวออกมา แล้วตัดเส้นไหมที่เจาะอยู่ตรงหน้าท้องของเขา แต่มันก็มิขาด !

เขาจับไหมเส้นนั้นเอาไว้แล้วออกแรงใช้ดาบฟันมันอยู่สักพัก พระเจ้า ! นี่มันคือสิ่งใดกัน ? ข้าฟันมาตั้งนานแม้แต่รอยก็ยังมิมี

ซูเจวี๋ยที่ยืนอยู่ด้านบนเมื่อพบว่ารอกไม่ขยับแล้ว จึงได้กระตุกคันเบ็ดแล้วดึง เกาเสี่ยนเกร็งตัวจนท้องเเข็ง แม่เจ้า…เกาเสี่ยนเจ็บปวดเสียจนน้ำตาไหล

เขาจึงรีบคว้าไหมเส้นนี้เอาไว้แล้วดึงรั้งอย่างสุดแรง

ซูเจวี๋ยมีสีหน้าดีใจมากยิ่งนัก “ปลาตัวนี้คาดว่าจะตัวใหญ่มากยิ่งนัก ! ”

“เยี่ยงนั้นก็ต้องระวังไห้ดีอย่าให้หลุดไปได้เล่า”

“มิหลุดอย่างแน่นอน ประเดี๋ยวข้าจะลากมันขึ้นมาเอง”

เป็นเยี่ยงนี้ เกาเสี่ยนพยายามดึงเส้นไหมสวรรค์ฟอกอยู่ใต้น้ำ ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ก็ได้ปล่อยให้เส้นไหมถูกลากยาวออกไป

มองดูเส้นไหมที่ยาว 10 จ้างนี้ใกล้จะถูกดึงไปจนสุดปลายแล้ว แต่ปลาที่อยู่ใต้น้ำนั้นยังมิมีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อนเลยแม้แต่น้อย ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่เริ่มเดือดดาลขึ้นมา จะเป็นปลาแบบไหนกัน ?

จากประสบการณ์การตกปลาที่สำนักเต๋า นี่คงจะเป็นปลาที่ตัวใหญ่เป็นอย่างมาก

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ลอยตัวอยู่เหนือทะเลสาบซวนอู่แล้วปล่อยให้ปลาตัวนี้ว่ายไปตามอำเภอใจของมัน

ปรากฏว่าปลานี้ได้ว่ายไปทางตลิ่ง

เจ้าปลาโง่เง่า เหตุใดถึงมิว่ายไปบริเวณน้ำลึกเล่า รนหาที่ตายหรือเยี่ยงไรกัน ?

บังเอิญที่โจวถงถงเดินทางมายังทะเลสาบซวนอู่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง จึงได้พบกับหมวกสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ลอยอยู่ท่ามกลางหิมะขาวที่กำลังโปรยปรายลงมา นั่นซูเจวี๋ย ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเต๋ามิใช่หรือ ? เขากำลังทำอันใดอยู่กัน ?

โจวถงถงมิเข้าใจอย่างแท้จริง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้ามายังริมตลิ่งเพื่อดูว่าซูเจวี๋ยกำลังจะทำสิ่งใดกันแน่

ซูเจวี๋ยตามปลาตัวนั้นไปอย่างมิรีบร้อน ฟู่เสี่ยวกวนมองดูซูเจวี๋ยที่ยิ่งลอยยิ่งไกลออกไป เขาจึงได้ตัดสินใจใช้วิชาลอยตัวที่มีอยู่อันน้อยนิดพุ่งไปทางริมตลิ่งนั่น

ซึ่งอยู่ห่างจากตรงนี้ราว 30 จ้าง แต่ฟู่เสี่ยวกวนน่าสงสารอย่างแท้จริง เขาลอยตัวได้เพียง 10 จ้างเท่านั้น ร่างของเขากำลังจะร่วงหล่นลงสู่กลางอากาศ จึงได้ตะโกนเสียงดังว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ รับข้าด้วย ! ”

ศิษย์พี่ใหญ่ตกใจเป็นอย่างมาก เขาจึงใช้ปลายเท้าสัมผัสกับผิวน้ำ แล้วดึงมู่โต่วขว้างไปทางฟู่เสี่ยวกวน

แน่นอนว่าแรงนั้นมหาศาล ทำให้เกาเสี่ยนที่อยู่ใต้น้ำได้ร้องส่งเสียงอู้อี้ออกมา เขาโซซัดโซเซไปตามแรงดึง แล้วปล่อยร่างไปตามแรงของเส้นไหมนั้นที่ใต้น้ำ

ซูเจวี๋ยรับฟู่เสี่ยวกวนไว้ได้ทันเวลาก่อนที่เขาจะตกลงสู่พื้นน้ำ จากนั้นจึงโยนฟู่เสี่ยวกวนไปทางริมฝั่ง ฟู่เสี่ยวกวนลอยตัวออกไปตกอยู่บนพื้นดินที่ริมตลิ่ง มาทันได้เห็นโจวถงถงที่กำลังทำท่าทางตกตะลึงอยู่พอดี

เมื่อเส้นไหมในมือของซูเจวี๋ยคลายลง เกาเสี่ยนจึงได้หันหลังพุ่งตัวไปยังริมตลิ่ง

ซูเจวี๋ยตามทิศทางของเส้นไหมนั้นไป กระทั่งถึงริมฝั่ง

“เจ้าตัวนี้เจ้าหนีข้ามิพ้นอย่างแน่นอน อย่างน้อยต้องหนักกว่าร้อยชั่งเป็นแน่ ! ”

“เอ่อ นี่พวกเจ้า… ? ”

“อ่า ศิษย์พี่ใหญ่ตกปลาตัวใหญ่ได้ คืนนี้มากินด้วยกันเถอะ ดื่มฉลองกันเสียหน่อย”

โจวถงถงยิ้มกว้างออกมา “รอให้ข้าจับเกาเสี่ยนให้ได้เสียก่อนแล้วจะมาร่วมดื่มกับพวกเจ้า”

กล่าวจบเขาก็ทำท่าจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นดวงตาเขาก็ต้องเบิกกว้าง

“ฟู่… ! ” เสียงหนึ่งดังขึ้น

ปรากฏร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาจากในทะเลสาบ !

เขาผู้นั้นเดินขึ้นมายังริมฝั่งด้วยร่างที่เปียกโชก กระบี่ยาวในมือยังคงเป็นประกายเจิดจ้า จากนั้นจึงหันไปฟันเส้นไหมสีดำหวังจะให้ขาด

ไอหยา ศิษย์พี่ใหญ่ตกปลาใหญ่ได้มิใช่หรือ ?

แต่เหตุใดถึงเป็นคนไปได้เล่า !

อากาศหนาวเหน็บถึงเพียงนี้ เขาลงไปในทะเลสาบเพื่อทำอันใดกัน ?

จากนั้น ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ยินเสียงโจวถงถงตะโกนออกมาว่า “เกาเสี่ยน ! ”

เกาเสี่ยนปัดผมที่เปียกปอนไปด้านหลัง เขาใช้แรงจนสุดแรง แต่ก็ยังมิสามารถตัดเส้นไหมนั้นให้ขาดได้

ศิษย์พี่ใหญ่เองก็ตกตะลึงเช่นกัน เกาเสี่ยนเยี่ยงนั้นหรือ ?

เกาเสี่ยน ขันทีใหญ่แห่งราชวงศ์อู๋เยี่ยงนั้นหรือ ?

ฟู่เสี่ยวกวนยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกเข้าไปใหญ่ มันมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้ด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ?

แต่เมื่อเขามองดูอีกที หากมิใช่เกาเสี่ยนจะเป็นผู้ใดไปได้อีก

ดังนั้นเขาจึงได้หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง แล้วชี้ไปยังเกาเสี่ยนพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้านั้นมันช่างเหมาะสมกับคำที่ว่า สวรรค์มีหนทางเจ้ามิไป กลับรนหานรกที่ไร้ทางเข้า ! ”

สภาพเช่นนี้จะไปสู้กันได้เยี่ยงไร

โจวถงถงใกล้จะเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว ส่วนซูเจวี๋ยได้บรรลุขั้นปรมาจารย์แล้ว แต่เกาเสี่ยนเป็นเพียงผู้มีฝีมือระดับสูงเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือบัดนี้เส้นไหมยังคงปักอยู่ที่ท้องของเขา แม้แต่โอกาสที่จะวิ่งหนีก็ยังมิมี

ในใจของเกาเสี่ยนบัดนี้ได้สิ้นหวังยิ่ง ข้าเดินทางมาไกลถึงสามพันลี้ ระหว่างทางมีหน่วยสอดแนมเสียชีวิตไป 30 คน จึงได้หลบหนีจากการจับกุมของโจวถงถงได้

เดิมทีตั้งใจจะหลบอยู่ใต้ทะเลสาบซวนอู่นี้ ต่อให้โจวถงถงเก่งกาจถึงเพียงใดก็คงหามิพบ คาดมิถึงว่าศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักเต๋าจะเก่งกาจเพียงนี้

เกาเสี่ยนคิดว่าวิชากัศยปแสร้งตายของตนนั้นถูกซูเจวี๋ยจับได้ มิเช่นนั้นจะมีเรื่องบังเอิญเยี่ยงนี้อยู่จริงหรือ ?

ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซูเจวี๋ย เขาจึงมิอาจขัดขืนได้ อีกทั้งยังมีโจวถงถงอยู่ด้วย

ศิษย์พี่ใหญ่ดีใจเป็นอย่างมาก เดิมทีคิดว่าตนตกได้ปลาตัวใหญ่ แต่นี่โชคดียิ่งกว่าการได้ปลาตัวใหญ่เสียอีก !

เกาเสี่ยนตั้งใจจะมาฆ่าศิษย์น้องเล็ก หากมิใช่เพราะเขาปล่อยเส้นไหมสวรรค์ฟอกไปติดได้โดยบังเอิญ อาจจะทำให้เขาซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำแล้วหาโอกาสขึ้นมาฆ่าน้องเล็กได้ ช่างน่ากลัวเสียจริง

หรือบางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตา ศิษย์น้องเล็กช่างโชคดีเสียจริง !

โจวถงถงยื่นมือออกไปแตะตรงจุดตันเถียนของเกาเสี่ยน เกาเสี่ยนส่งเสียงร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด ร่างกายของเขาสิ้นฤทธิ์ลงทันที

โจวถงถงยื่นนิ้วออกมาอีกสามนิ้ว แล้วปิดไปยังเส้นลมปราณ เกาเสี่ยนมิมีแม้แต่โอกาสที่จะปลิดชีพฆ่าตัวตาย

ทั้งสามคนกุมตัวเกาเสี่ยนกลับไปยังจวนฟู่ โจวถงถงจับเกาเสี่ยนมัดคอจนถึงขา แต่กลับมิได้ไต่สวนใด ๆ

เขาทำการคารวะศิษย์พี่ใหญ่แล้วกล่าวว่า “ข้า โจวถงถง แห่งหอเทียนจีแห่งราชวงศ์อู๋ ติดค้างหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงของศิษย์พี่ใหญ่”

ซูเจวี๋ยขยับหมวกของเขา จากนั้นก็ได้ทำการคารวะกลับ “ท่านโจวเกรงใจกันเกินไปแล้ว นี่มัน…เป็นเพียงเรื่องบังเอิญก็เท่านั้น”

“ขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่ใหญ่ด้วยที่ได้บรรลุขั้นปรมาจารย์”

“ท่านโจวเองก็อีกมิไกลแล้วนี่ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปทางซูเจวี๋ยด้วยความตกตะลึง เขาบรรลุขั้นปรมาจารย์แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

ความเจ็บปวดที่ได้รับจากดาบนั้นช่างคุ้มค่าเสียจริง !

โจวถงถงเองก็ใกล้จะเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?

บัดนี้มีปรมาจารย์มากขึ้นทุกที แต่ทว่าตนยังคงเป็นผู้มีฝีมือระดับสามเท่านั้น… เขาเข้าใจสิ่งสำคัญผิดไปหรือไม่ เขาน่าจะยกให้การฝึกยุทธ์อยู่อันดับแรกสินะ ?

โจวถงถงมองดูฟู่เสี่ยวกวนแล้วโค้งคารวะ “ฝ่าบาท…ท่าน ขออภัยที่กระหม่อมต้องกล่าวออกมาตรง ๆ ท่านมิใช่ผู้เหมาะสมที่จะฝึกยุทธ์”

ฟู่เสี่ยวกวนถูกทำร้ายด้วยวาจาอีกครา แต่ก็ได้ยินโจวถงถงกล่าวออกมาอีกว่า “แต่ฝ่าบาททรงมีความสามารถทุกเรื่องในใต้หล้า บัดนี้กระหม่อมจับตัวเกาเสี่ยนได้แล้ว คงต้องขอลาไปก่อน หวังว่าจะได้พบกับฝ่าบาทอีกคราที่เมืองกวนหยุน”

โจวถงถงพาเกาเสี่ยนจากไป ศิษย์พี่ใหญ่นำมู่โต่ววางไว้ในมือของฟู่เสี่ยวกวนแล้วกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างจริงจังว่า “สิ่งที่ท่านโจวกล่าวมานั้น เป็นจริงดังที่เขาเอ่ย ! ”