ตอนที่ 473 จำใส่ใจเอาไว้

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 473 จำใส่ใจเอาไว้

การที่สามารถจับเกาเสี่ยนได้คือเรื่องบังเอิญ

ฟู่เสี่ยวกวนได้หลงลืมเรื่องของเกาเสี่ยนไปเนิ่นนานแล้ว เพราะเขาเชื่อว่าหลังจากที่โจวถงถงได้ไต่สวนเกาเสี่ยนแล้ว ย่อมมีคำตอบให้เขาอย่างแน่นอน

เขาและซูเจวี๋ยสนทนากันอยู่หนึ่งวัน จึงตระหนักขึ้นมาได้ว่ายังติด ‘ตำราหลี่เสวีย’ ของฉินปิ่งจงเล่มนั้นเอาไว้ ดังนั้นจึงอาศัยเวลานี้เขียนขึ้นมา

จนกระทั่งถึงยามเย็น ต่งชูหลาน หยูเวิ่นหวิน และซูซูก็ได้ที่กลับมาที่จวน ถุงใบเล็กใบใหญ่ที่เหล่าบ่าวรับใช้ถือเข้ามากันนั้นมีเป็นจำนวนมาก

เพียงมินานเยี่ยนเสี่ยวโหลวและซูโหรวก็ได้กลับมาเช่นกัน ซูโหรวมองผู้คนที่นั่งตัวตรงอยู่ใจกลางศาลาเถาหรานอยู่เนิ่นนาน

ฟู่เสี่ยวกวนเก็บพู่กันหมึกและกระดาษลงไป พรุ่งนี้ค่อยเขียนเพิ่มอีกหน่อยก็จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว วันนี้คงมิเขียนต่อแล้ว ซูเจวี๋ยกลับมาแล้ว ต่งชูหลานเองก็กลับมาแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะเฉลิมฉลอง

ซูเจวี๋ยอ่านสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนเขียนขึ้นมาจนหมด ถึงได้สังเกตเห็นว่าซูโหรวและซูซูรวมไปถึงภรรยาทั้งสามของฟู่เสี่ยวกวนในยามนี้ได้นั่งอยู่ในศาลาเถาหรานแล้ว

เขายกยิ้มขึ้นอย่างขัดเขิน ชี้ไปยังกองกระดาษบนโต๊ะ “ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่ศิษย์น้องเล็กเขียนขึ้นมานี้ สามารถกระตุ้นความคิดของผู้คนได้ จึงเคลิบเคลิ้มไปกับมัน เจ้าโปรดอภัยให้ข้าด้วย”

ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวยิ้ม ๆ “นี่มิใช่งานต้นฉบับของข้า นี่คือสิ่งที่นักปราชญ์เหวินสิงโจวแห่งราชวงศ์อู๋เป็นผู้เขียนขึ้นมา ข้าแค่เพียงขัดเกลาถ้อยคำเพียงเล็กน้อยก็เท่านั้น”

ต่งชูหลานหยิบขึ้นมาอ่าน พลิกไปสองสามหน้า และได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “เจ้าวางแผนจะผลักดันของสิ่งนี้ในราชวงศ์หยูเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ข้าได้ติดอาจารย์ฉินเอาไว้ แต่ข้าเองก็มีความคิดเยี่ยงนี้อยู่จริง ๆ เพียงแค่ในยามนี้ยังใช้มิได้ ต้องรอไปก่อน”

ฟู่เสี่ยวกวนมองไปทางต่งชูหลาน ภรรยาคนนี้ผ่ายผอมลงไปเล็กน้อย แต่กลับมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

“หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว ข้าได้ติดต่อกับลูกชายทั้งสามของหลี่จินโต้วไว้แล้ว คาดว่าคงจะได้พบหน้ากันในอีกสองวันนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าลองคิดดูเองก็แล้วกันว่าจะวางแผนเยี่ยงไร พวกเขาต่างก็เป็นบุคคลที่โดดเด่นด้านนี้โดยเฉพาะ สามารถใช้งานพวกเขาได้อย่างสบายใจและไร้กังวล”

“อือ” ต่งชูหลานพยักหน้า และกล่าวว่า “วันนี้ข้าและเวิ่นหวินได้ไปซื้อของขวัญที่จำเป็นสำหรับเทศกาลปีใหม่มาเล็กน้อย พรุ่งนี้จะส่งไปยังจวนฟู่ที่หลินเจียง เจ้าบอกว่าบัดนี้ได้มีน้องชายเพิ่มมา 3 คนและน้องสาวเพิ่มมา 2 คน เจ้าลองดูก่อนเถิดว่ามีอันใดที่ต้องซื้อเพิ่มอีกหรือไม่ ? ”

“เด็กตัวเล็กแค่นั้น… มอบกุญแจอายุยืนให้เด็กผู้ชาย 1 ชิ้น และมอบกำไล 1 คู่ให้กับเด็กผู้หญิง”

“ง่ายดายถึงเพียงนี้เลยหรือ ? ”

“มิเช่นนั้นจะยังเป็นแบบใดได้อีกเล่า ? เยี่ยงไรเสียข้าก็คิดมิออกแล้วว่าจะส่งอันใดไปให้ อ่า… ไม่ก็มอบอั่งเปาให้อีกคนละถุง เอาเช่นนี้แหละ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนเงยหน้าเรียกให้เสียวฉีไปยังหอซื่อฟางเพื่อสั่งอาหารสำหรับหนึ่งโต๊ะ จากนั้นจึงได้พบว่าบัดนี้แม้แต่เสียวฉีก็ได้ถูกต่งชูหลานส่งไปที่ผิงหลิงแล้ว คนยังมิพออีกเยี่ยงนั้นหรือ ?

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหันไปมองทางซูซู ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

“เหอะ ! ” ซูซูแค่นเสียงขึ้นมา พร้อมกับจ้องเขาตาเขม็ง ยามที่ต้องวิ่งเต้นก็เพิ่งจะมาสนใจว่ายังมีข้าอยู่ !

“ระหว่างนั้นก็ไปซื้อขนมกุ้ยฮวาที่ร้านอู่เว่ยจายด้วยสิ เหมือนข้าจะเห็นว่าเจ้าทานขนมกุ้ยฮวาหมดแล้วนี่”

ซูซูเบะปาก “ยังจะขนมกุ้ยฮวาอยู่อีก เสี่ยวหยูเอ๋อร์ผู้นั้นได้ซื้อหุ้นเจ้า 1,000 หุ้น หลังจากที่กลับบ้านไปสองสามีภรรยาก็ได้ทะเลาะกันใหญ่โต กล่าวกันว่า… กล่าวกันว่าสามีของนางได้หย่ากับนางแล้ว”

ซูซูทิ้งคำเอ่ยไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงเสียจนต้องชะงัก จากนั้นจึงแสยะยิ้มขึ้นและส่ายหน้า “สามีผู้นั้นคงตาบอด เขาได้สูญเสียภรรยาที่ดีไปแล้ว ทั้งยังสูญเสียเงินก้อนใหญ่ไปอีกด้วย นี่ต่างหากจึงจะเรียกได้ว่าช่องว่างของคนรวยอย่างแท้จริง”

ซูเจวี๋ยได้ยินของสิ่งนั้นที่ฟู่เสี่ยวกวนทำขึ้นมาหลังจากกลับมาที่จินหลิงอีกครา จึงได้เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “สิ่งที่เรียกว่าหุ้น สามารถทำเงินได้จริงเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดอยู่สามอึดใจ และได้กล่าวว่า “ในยามนี้ หุ้นที่ขายนั้นมีเพียงอุตสาหกรรมซีซานแห่งเดียว ข้ามั่นใจในสินค้าของตนเอง พวกมันย่อมสามารถทำให้เหล่าผู้ถึงหุ้นมีรายได้อย่างแน่นอน แต่ปีหน้า หากมีอุตสาหกรรมอื่นต้องการจดทะเบียนขึ้นตลาดกับธนาคารซื่อทงอีก นี่ก็มิใช่เรื่องที่ง่ายอีกต่อไปแล้ว”

ซูเจวี๋ยครุ่นคิด แต่ก็ยังคงมิเข้าใจ ทำได้เพียงคิดไปว่าอาจารย์ชราผู้นั้นช่างเป็นผู้ที่มองการณ์ไกลอย่างแท้จริง จึงได้เก็บลูกศิษย์ก้นกุฏิที่มีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไปเยี่ยงนี้มา

ท้องนภามืดลงเรื่อย ๆ หิมะเริ่มตกหนักขึ้น ฟู่เสี่ยวกวนหันไปมองสีหน้าของหยูเวิ่นหวิน จากนั้นจึงได้พากลุ่มคนตรงไปยังหลีเฉินซวน และได้เอ่ยถามต่งชูหลานเกี่ยวกับเรื่องการบูรณะภูเขาหนานซาน

“กระโจมที่พักนั้นเล็กเกินไป แออัดเป็นอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงให้พวกเขาปรับหน้าดินผืนที่อยู่เชิงเขาเสียก่อน หลังจากผ่านปีใหม่ไปแล้วก็ให้สร้างบ้านขึ้นมาก่อน”

“สามารถสร้างได้เพียงบ้านกำแพงดินเท่านั้น ยังดีที่สามารถหาพวกไม้ได้จากใต้ภูเขา มิมีกระเบื้องมุงหลังคา ข้าจึงได้ไปหาท่านพ่อ คงจะต้องทำเสื่อขึ้นมาเพื่อรับมือกับฤดูหนาวนี้ไปก่อน”

“นี่เป็น็การทำธุรกิจที่ขาดทุน ในภายหลังเรือนเหล่านี้ทำได้เพียงรื้อถอนเท่านั้น คำนวณเพียงแรงงาน 40,000 คน ค่าแรงอยู่ที่ 50 อีแปะ เพียง 1 วันสูญเสียค่าแรงไปถึง 2,000 ตำลึง”

ต่งชูหลานจ้องมองฟู่เสี่ยวกวน นางคิดว่าเดิมทีเงินลงทุนก้อนนี้จะใช้หลังปีใหม่ รอให้ปูนซีเมนต์และกระเบื้องจากซีซานมาถึงก่อนแล้วค่อยลงมือ เยี่ยงนั้นก็จะมิเกิดการสูญเสียโดยใช่เหตุนี้

ฟู่เสี่ยวกวนยกยิ้มขึ้นมา “อย่าได้กังวลกับเงินเล็กน้อยนั้นเลย มีเพียงหนึ่งเรื่องที่เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี… ยามที่เตรียมของขวัญเทศกาลปีใหม่ให้เตรียมถวายให้กับองค์หญิงใหญ่ด้วย ทางที่ดีที่สุดพวกเจ้าสามคนไปพร้อมกันเลยยิ่งดี”

ภรรยาทั้งสามต่างชะงัก และหันไปมองทางฟู่เสี่ยวกวนด้วยความสงสัย

ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยอธิบาย “ประการแรกคือเพื่อไปเยี่ยมเยียนองค์หญิงใหญ่เท่านั้น ประการที่สอง…คือจำเป็นต้องทราบว่าบ้านในเขตเมืองเก่านั้นมีคนพักอยู่เท่าใด บ้านที่มิมีผู้อาศัยอยู่มีจำนวนเท่าใด หากราชสำนักได้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในสถานที่แห่งนั้น พวกเจ้าก็ลองสอบถามองค์หญิงใหญ่ดู หากราคาถูก ก็ซื้อไว้เสีย”

“ซื้อบ้านตรงสถานที่แห่งนั้นเพื่อทำอันใดกัน ? ” หยูเวิ่นหวินไม่เข้าใจ นางมิเคยไปสลัมมาก่อน เพียงแค่ได้ยินชื่อเท่านั้น เกรงว่าสถานที่แห่งนั้นจะยากจนเป็นอย่างมาก สามีของนางยังอยากจะไปทำกิจการที่สลัมนั้นอยู่อีกหรือ ?

“รอฟังข่าวดีจากพวกเจ้าแล้วค่อยสนทนาเรื่องนี้กันอีกครา มิจำเป็นต้องเร่งด่วนจนเกินไปกับเรื่องนี้ แค่จำไว้และอย่างลืมก็พอ”

ฟู่เสี่ยวกวนเคยไปเห็นสถานที่แห่งนั้นมาก่อน มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองจินหลิง หากจะกล่าวถึงตำแหน่งก็ค่อนข้างจะห่างไกลออกไป และมิได้ต่างไปจากการเชื่อมเมืองและชนบทในชีวิตก่อนสักเท่าใดนัก

แต่หากมองการณ์ไกลในระยะยาว หลังจากที่การค้าของราชวงศ์หยูรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว จะต้องมีผู้คนจำนวนมากย้ายมาที่จินหลิงเป็นแน่ เพราะที่นี่ต่างหากที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของราชวงศ์หยูที่แท้จริง มีคุณสมบัติเหมือนกับเมืองหลวงในชีวิตก่อนของเขา

เยี่ยงนั้นราคาค่าบ้านเรือนในจินหลิงย่อมสูงขึ้นเป็นแน่ ดังนั้น… เขาจึงคิดว่าหลังจากที่จัดวางอุตสาหกรรมซีซานเสร็จ จะทำกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์

ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่ามิได้รีบร้อน เพราะนโยบายใหม่ของราชวงศ์หยูในวันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนนำไปใช้

ทั้งหมด ต้องรอดูปีหน้า !

ซูซูได้พาพนักงานหอซื่อฟางกลับมาแล้ว ในมือกอดขนมกุ้ยฮวาเอาไว้หนึ่งถุง

ฟู่เสี่ยวกวนมองอย่างแปลกใจ “เสี่ยวหยูเอ๋อร์กลับมาเปิดร้านแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“อือ…” ซูซูพยักหน้า “เสี่ยวหยูเอ๋อร์กล่าวว่า… นางพบว่าการหย่ากับชายผู้นั้น ชีวิตของนางดีขึ้นกว่าเดิมนัก”

ฟู่เสี่ยวกวนลูบจมูกไปมา เชิญทุกคนร่วมโต๊ะ โต๊ะนั้นประกอบไปด้วยมือกระบี่จากป่ากระบี่สองคนที่คอยคุ้มกันหยูเวิ่นหวิน ฟู่เสี่ยวกวนได้รินสุราให้พวกเขาด้วยตนเอง ในตอนที่จะกล่าวขอบคุณสักเล็กน้อย ผู้เฝ้าประตูหลี่เจิ้งก็ได้วิ่งตึงตังเข้ามา

“เรียนคุณชาย ด้านนอกมีคนผู้หนึ่งนามว่าเยียนเหลียงเจ๋อมาขอเข้าพบขอรับ”