ตอนที่ 652 ซูฉิงรังแกหนู

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 652 ซูฉิงรังแกหนู
“เหอะ “ซูฉิงหัวเราะเย็นชาแล้วมองเฉินเจียวตั้งแต่หัวจรดเท้า:”โชคดีที่คนที่เขาชอบคือฉัน ถ้าหากชอบเธอ เกรงว่าน่าจะเสียใจจนมาถึงตอนนี้เลย”

พนักงานที่อยู่รอบๆ ต่างก็มองหน้าสบตากัน คิดไม่ถึงว่าซูฉิงจะวิ่งมาที่บริษัทแล้วมาทะเลาะอย่างไม่อาย ซึ่งทั้งสองคนต่างก็เป็นคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย พวกเขาก็ไม่รู้จะห้ามยังไง

และภาพเหตุการณ์ทั้งหมดก็ถูกพวกพนักงานถ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็แชร์ไปบนโลกโซเชียล

เพราะเฉินเจียวเป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลเฉิน ถูกอบรมเลี้ยงดูมากอย่างดี เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้นจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแน่

และเพราะซูฉิงเป็นลูกสะใภ้ตระกูลฮ่อ เรื่องนี้ก็ได้รับการสนใจจากทุกคน

เพียงไม่นานเรื่องนี้ก็ไปถึงหูตระกูลเฉิน

เฉินเจียวที่เป็นคุณหนูของตระกูลเฉินผู้มั่งคั่ง คนภายในตระกูลต่างก็ต้องยอมให้กับเธอ พอเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เฉินมู่ลู่ก็แววตาแข็งกร้าวขึ้น

เขาเห็นซูฉิงที่กระทำต่อเฉินเจียวก็สบถออกมา

ทำให้เฉินมู่ลู่โกรธโมโหมาก ลูกสาวของเขาไม่ควรจะถูกคนอื่นนินทาอย่างนี้!

เขาเรียกเลขาเข้ามาให้ยกเลิกนักประชุดทั้งบ่ายนี้ แล้วไปที่บริษัทสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์

“พี่เสี่ยวฉิง”

เลขาเดินเข้ามาในห้องทำงาน ซูฉิงพึ่งทะเลาะกับเฉินเจียวเสร็จอารมณ์ยังไม่สงบดี

เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเลยขาสื่อว่าให้เธอพูดต่อ

“พนักงานประชาสัมพันธ์บอกว่า ประธานเฉินต้องการพบคุณค่ะ……….”

น้ำเสียงของเลขาที่พูดออกมาเบาลงด้วยเรื่อยๆ แม้แต่เธอก็มองออกว่า เฉินมู่ลู่มาหาถึงที่เรื่องจะต้องไม่จบง่ายๆ แน่

“โอเค”

ซูฉิงพยักหน้าเบาๆ แล้วจัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย:”เขาอยู่ที่ไหน”

“รอคุณอยู่ที่หน้าร้านกาแฟค่ะ’

ร้านกาแฟงั้นหรอ

ซูฉิงเหลือบก้มหน้าลงคิด ในเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ดูท่าเข้าน่าจะยั้งมืออยู่บ้าง

จากนั้นซูฉิงก็เดินลงไปที่ร้านกาแฟ พอเข้าไปก็เห็นเฉินมู่ลู่นั่งอยู่ตรงกลางของร้าน

คนในร้านกาแฟถูกเฉินออกไป ดูท่าแล้วเฉินมูลู่นังเตรียมการไว้แล้ว

“ประธานเฉิน”

ซูฉิงก้าวไปข้างหน้า ตรงหน้าเฉินมู่ลู่ แล้วนั่งลง

“ไม่รู้ว่าประธานเฉินมาหาฉันถึงที่มีธุระอะไรหรอคะ”

เฉินมู่ลู่เงยหน้าขึ้น มองผู้หญิงตรงหน้าที่ไม่ตื่นกลัวอะไรแม้แต่น้อย ถือไม่ธรรมดาจริงๆ

ดูท่าฮ่อหยุนเฉิงเลือกเธอก็ไม่ใช่จะไม่มีเหตุผล

และซูฉิงในเมื่อกล้าที่จะทะเลาะกับเฉินเจียวที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ป ก็คงจะไม่กลัวที่จะเกิดเรื่องขึ้นภายหลัง

“คลิปในโลกโซเชียล คิดว่าคุณซูน่าจะดูแล้ว”

เฉินมู่ลูเองก็เห็นรูปที่เฉินเจียวเข้าไปคลอเคลียกับฮ่อหยุนเฉิงแล้ว และเขาคิดว่าเฉินเจียวเขายังเด็ก เข้าไปยุ่งกับเรื่องความรักอย่างนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ

“ในเมื่อประธานฮ่อแต่งงานกับคุณแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอะไรของเจียวเจียวแล้ว เธอก็แค่ไปทำงานที่นั่น ทำไมคุณจะต้องด่าว่าเฉินเจียวด้วยคำพูดเหล่านั้นด้วย”

“ซูฉิงยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเบาๆ สมกับเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ แม้แต่เหตุผลก็ยังพูดจาถางถาง

“ลูกสาวของคุณก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ ไปยุ่งกับสามีคนอื่น คุณคิดว่าเหมาะสมแล้วหรอคะ”

ซูฉิงย้อนถาม ด้วยสีหน้าเค่งขรึม :”ประธานเฉิน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ไว้หน้าลูกสาวของคุณ แต่เรื่องเป็นอย่างนี้เป็นใคร ใครก็ไม่ยอมหรอกค่ะ”

แววตาซูฉิงนิ่งขรึม เฉินมู่ลู่ที่เจอแววตานิ่งขรึมของซูฉิงก็รู้สึกเดาความคิดของเธอไม่ออก

เฉินเจียวกับเธออายุพอๆ กัน แต่ไม่มีประสบการณ์และนิ่งขรึมเท่าเธอ

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นคุณก็ไม่ควรที่จะทำให้เธออับอายต่อหน้าคนอื่น พูดอย่างนั้นออกมา นี่ถือว่าไม่ให้เกียรติตระกูลเฉินของเราเลยหรอ”

แต่ที่เฉินมู่ลู่มาวันนี้ยังไม่ลืมจุดมุ่งหมายของตัวเอง ในเมื่อซูฉิงทำเรื่องอย่างนี้ จะต้องมีวิธีพูดแน่

“โอ๊ะ “ซูฉิงเลิกคิ้ว :”แล้วที่ลูกสาวของคุณวิ่งมาหาสามีของฉันที่บริษัทและยังมาฉุดดึงคลอเคลียเขา ทำอย่างนี้ถือว่าถูกต้องแล้วหรอคะ”

พอซูฉิงพูดอย่างนี้ออกไป ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวของเฉินมู่ลู่ดูน่าตกใจ

และซูฉิงก็ไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย เธอก็แค่ทำเรื่องที่เธอควรทำก็เท่านั้น

“เรื่องที่ลูกสาวของผมทำลงไปแน่นอนว่าผมจะต้องสั่งสอนเอง ไม่ต้องให้คุณมาพูดต่อว่าให้เธอ”

เฉินมู่ลู่โต้แย้งกลับไปตรงๆ ในเมื่อซูฉิงมีท่าทีแข็งกระด้างไม่ยอมอ่อนให้อย่างนี้ เขาก็ไม่ยอม:”ที่ผมมาวันนี้ เพื่อจะมาบอกกับคุณว่า ลูกสาวของผมถูกคนทำให้อับอาย ถูกคนกระชากชุด เธอที่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำไมถึงได้ถูกกระทำอย่างนี้”

เหอะ”ซูฉิงหัวเราะออกมาแล้วก็ยื่นคลิปให้กับเฉินมู่ลู่ :”ลูกสาวของคุณก็ผลักฉันไม่ใช่หรอ หรือว่ามีเพียงเธอที่ถูกรังแก คนอื่นต้องยอมให้งั้นหรอ”

ซูฉิงที่ยังคงหน้าเรียบนิ่ง ในเมื่อเฉินมู่ลู่ใช้อำนาจบาดรใหญ่ เธอก็ไม่เกรงกลัว

“ยัยหนูจะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้นะ”

เฉินมู่ลู่ที่แววตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม :”หล่อนผลักเธอ แน่นอนว่าจะต้องมีคนตระกูลเฉินอย่างฉันคอยสั่งสอนแน่ และไม่ใช่เธอที่จะมาสู้กลับแบบนี้”

“ฉันไม่รู้เลยจริงๆ นะคะว่า ทุกวันนี้ที่เมืองแห่งนี้มีใช้คุณธรรมกับกฎหมายตัดสินรึเปล่า หรือว่าเป็นตระกูลเฉินเป็นคนตัดสิน”

ซูฉิงยิ้มบางออกมา มองด้วยแววตาไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย:”คุณไม่พอใจ ก็ให้ลูกสาวของคุณมาหาฉัน ลูกสาวของคุณโตจนป่านนี้แล้ว เรื่องของตัวเองก็ควรจะการเองสิ”

“แข็งกร้าวขนาดนี้ ไม่มีผลดีแน่”

เฉินมู่ลู่หน้าเขียวด้วยความโกรธ แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ:”ที่ผมมาวันนี้เพื่อที่จะมาหารือกับคุณ ไม่จำเป็นต้องมาพูดอ้อมค้อม”

“ที่ฉันพูดยังไม่ชัดเจนอีกหรอคะ”

ซูฉิงเลิกคิ้ว ถ้าหากไม่ใช่เฉินมู่ลู่ เธอก็คงไม่มีท่าที่ดีอย่างนี้หรอก

เรื่องนี้ถือว่าเป็นเฉินเจียวที่พลาดเอง ตอนนี้ถ้าพวกเขายังดีอยู่ กลับบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำ

“เหอะ ดูท่าเธอ……….”

“เดี๋ยวก่อน!”

ตอนที่เฉินมู่ลู่กำลังจะลุกขึ้นนั้น ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูสองเสียงดังมาจากทางข้างหลัง

ทั้งสองหันไปทางประตู ก็เห็นเป็นเหลยข่ายกับกู้ชวนที่เดินเข้ามา

“อาจารย์”

ซูฉิงยิ้มอย่างได้ใจแล้วเดินเข้าไปหาทั้งสองคน

เหลยข่ายกับกู้ชวนได้ดูคลิปในอินเทอร์เน็ตแล้ว อำนาจของตระกูลเฉินมีมากแค่ไหน พวกเขาต่างก็รู้ดี เลยรีบมาที่นี่

“คุณกู้ คุณเหลย”

เฉินมู่ลู่เห็นอย่างนั้น ทั้งสองคนเป็นบุคคลระดับหนึ่งและสองของวงการ ก็เลยต้องลุกขึ้นทักทาย

“ไม่รู้ว่าลูกศิษย์ของผมทำอะไรให้ประธานเฉินไม่พอใจตรงไหนมั้ย”

กู้ชวนเอ่ยถามออกไปแล้วก็ดึงซูฉิงมายืนข้างหลัง

ความหมายก็คือซูฉิงเป็นลูกศิษย์ของเขา มีอะไรไม่พอใจก็ต้องไว้หน้าเขาด้วย

“วันนี้คุณซูได้ทำให้ลูกสาวของผมเสียหน้า ผมก็เลยมาหารือด้วย”

แต่เฉินมู่ลู่ก็พูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ สำหรับเขาแล้วเฉินเจียวถือเป็นของล้ำค่าที่อยู่ในมือที่ต้องปกป้องมากที่สุด จะปล่อยไปง่ายๆ ไม่ได้

“ลูกศิษย์ของผมนี่ซนมากจริงๆ ถ้าหากทำอะไรไม่ถูก ก็ขอให้ประธานเฉินอย่าถือสาเลย”

เหลยข่ายเอ่ยออกมาแค่ไม่กี่คำก็ทำให้ซูฉิงดูดีขึ้นมาทันที

เฉินมู่ลู่มองด้วยสายตาเย็นชา ความหมายของเหลยข่ายก็คือถ้าหากตนยังถือสา ก็จะถือว่าตนไม่ถูกงั้นหรอ?

“ตอนนี้ลูกสาวของผมคงเสียใจอยู่ที่บ้าน ถ้าหากวันนี้หารือไม่ได้ เกรงว่าเจียวเจียวจะต้องอาละวาดนานแน่”