ตอนที่ 93 ตัวร้ายในตำหนักเย็น

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ลองคิดๆ ดู ตู๋กูซิงหลันทุ่มเทจิตใจไปมากมายเพื่อล่อลวงฝ่าบาท หากได้รู้ว่า คนที่อยากให้นางต้องตายชนิดไร้ที่กลบฝังกลับเป็นฝ่าบาทเอง ใจของนางจะรู้สึกเช่นไร 

 

 

นังคนเลวนี้ทำร้ายนางถึงเพียงไหน ตัวนางโหยวหนิงมีหรือจะปล่อยมันให้อยู่ดีมีสุขได้? 

 

 

จิตใจของตู๋กูซิงหลันกลับเรียบเรื่อยไร้ระรอกใดๆ ที่จริงนางยังอยากได้เม็ดแตงมาแทะเล่นจะได้ฟังเพลินๆ ด้วยซ้ำ 

 

 

ด้วยนิสัยชั่วๆ ของฮ่องเต้สุนัขนั้น จะทำเรื่องเช่นนี้ก็ไม่ถือว่านอกเหนือความคาดหมาย นางย่อมไม่ประหลาดใจ แต่ว่าการที่เต๋อเฟยสารภาพออกมาว่ามีส่วนร่วมด้วยตนเอง นำให้นางรู้สึกว่าน่าสนใจไม่น้อย 

 

 

คำพูดของเต๋อเฟย เชื่อได้อย่างมากก็แค่ครึ่งเดียว 

 

 

เต๋อเฟยมองดูตู๋กูซิงหลันอย่างเย็นชา พอนางกำลังจะพูดอะไรอีก ก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นเฉียบของบุรุษผู้หนึ่งดังมาจากภายนอก “เราไม่เคยรู้ว่า เคยใช้ให้เจ้าทำเรื่องเช่นนี้มาก่อนด้วย? “ 

 

 

นางหน้าถอดสี รีบหันไปทางประตูทันที ก็ได้เห็นฮ่องเต้ในฉลองพระองค์มังกรสีทองกำลังจดจ้องมองนางด้วยพระพักตร์เย็นชาอย่างที่สุด 

 

 

สายพระเนตรนั้นราวกลับจะสามารถสาปสิ่งใดก็ตามให้เป็นน้ำแข็งไป ทำให้นางหนาวสะท้านแทบจะตัวแข็งทั้งเป็น ได้แต่อาศัยกิริยาที่เคยชินคุกเข่าลงไป “หม่อมฉันไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จมา จึงไม่ได้ไปต้อนรับแต่เนิ่นๆ “ 

 

 

นางพึ่งจะย้ายมาอยู่ตำหนักเย็น ฝ่าบาทก็เสด็จมาเยี่ยมนางแล้ว นี่ชัดเจนเลยว่าในพระทัยของฝ่าบาท ยังคงคำนึงถึงนางอยู่ใช่ไหม? 

 

 

จีเฉวียนไพล่พระหัตถ์ข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง เสด็จเข้ามาใกล้ ประทับอยู่ข้างๆ ตู๋กูซิงหลัน สายพระเนตรที่เหลือบมองเต๋อเฟยนั้นเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง “หม่อมฉัน? เจ้าถูกถอดยศกลายเป็นบ่าว จองจำในตำหนักเย็น ต่อหน่าเรายังจะมีสิทธ์ใดพูดจาแทนตัวเองอีก? “ 

 

 

เต๋อเฟย “……..” ฝ่าบาทมายังตำหนักเย็น ไม่ใช่เพราะจะมาหานางหรอกหรือ? 

 

 

ตู๋กูซิงหลันหันไปเหลือบมองฮ่องเต้ที่อยู่ข้างตัว สามวันก่อนยังพึ่งกระดูกหักจะเป็นจะตายอยู่แท้ๆ ทำไมถึงได้ออกมากระโดดโลดเต้นได้ไวปานนี้? 

 

 

แถมยังทำตัวราวกับผีสาง เดินมาก็ไม่ให้สุ่มให้เสียง 

 

 

หากรู้ตั้งแต่แรกว่าร่างกายของเขาทนทานได้เช่นนี้ ตอนที่อยู่ในสุสาน นางสมควรจะหักกระดูกเขาอีกสักหลายๆ ท่อน 

 

 

โดยเฉพาะหักขาเสีย! 

 

 

“ฝ่าบาท ข้ารู้ว่าครั้งนี้พระองค์ทรงพิโรธจริงๆ แต่ว่าพระองค์ยังทรงคิดถึงข้าใช่หรือไม่? ไม่เช่นนั้นทำไมถึงได้ซ่อมแซมตำหนักเย็นให้ข้าละ….” เต๋อเฟยไม่ยอมแพ้ นางกุมมือไว้ที่อก กล่าวเสียงเบาๆ ต่อให้ตีนางตายก็จะไม่ยอมเรียกตนเองเป็นบ่าวเด็ดขาด 

 

 

จีเฉวียนขมวดคิ้วเย็นชา “เจ้ากลับคิดไปเองถึงเพียงนี้” 

 

 

“โหยวหนิงเอ๋ย ที่ตำหนักเย็นนี้ได้รับการบูรณะ ทั้งหมดล้วนเพื่อไทเฮา เดิมที่ฝ่าบาทมีพระประสงค์จะให้ไทเฮาได้ทรงประทับอย่างสุขสบายขึ้นบ้างต่างหาก~” หลี่กงกงที่พึ่งไล่ตามมาถึง กลับบอกกล่าวอย่างชัดเจน “แต่ว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ไทเฮาทรงประทับอยู่ในพระตำหนักเฟิ่งหมิง ไหนเลยจะต้องกลับมายังสถานที่แบบนี้อีก” 

 

 

เขาไม่สนใจนางหรอก ตอนนี้เขากลายเป็นสาวกรุ่นที่หนึ่งของไทเฮาแล้ว! คนเยี่ยงเต๋อเฟยไหนจะเอามาเปรียบเทียบกับไทเฮาของพวกเขาได้กัน? 

 

 

เต๋อเฟยตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง นางรู้สึกราวกับว่า ถูกคนตบหน้าอย่างแรง เจ็บแสบไปทั้งใบหน้า 

 

 

ตำหนักเย็นนี้….ถูกซ่อมแซมใหม่เพื่อนังสารเลวตู๋กูซิงหลันหรอกหรือ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? 

 

 

แถมฝ่าบาทยังทรงประทานพระตำหนักเฟิ่งหมิงนั่นให้มันครอบครองด้วย? 

 

 

นางยังไม่ทันได้สติกลับมา ก็เห็นฮ่องเต้สีพระพักตร์เย็นชาเป็นน้ำแข็ง พระพิโรธของโอรสสวรรค์รุนแรงประหนึ่งพายุหิมะ กดทับนางจนแทบจะหายใจไม่ออก 

 

 

“เจ้าลองว่ามาสิ เราสั่งให้เจ้าชักนำไทเฮาไปปีนเตียงมังกรยังไง? “ 

 

 

เต๋อเฟยคุกเข่าอยู่บนพื้น นางรู้สึกว่าตนเองกำลังสั่นไปทั้งร่าง 

 

 

นางเงยหน้าขึ้นมองตู๋กูซิงหลันอย่างเคียดแค้น จะต้องเป็นนางสารเลวนี้ชักนำฝ่าบาทมาแน่ ถึงได้มาลวงให้นางพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาให้ฝ่าบาทได้ยิน ทำไมนางถึงได้โง่เขลาเช่นนี้ หลงกลนังสารเลวเอาง่ายๆ 

 

 

“เราถามเจ้า เจ้าทำอะไรกับนาง? ” พระสุระเสียงของจีเฉวียนยิ่งทียิ่งเย็นเฉียบ ” ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ในพระราชวังต้าโจวของเรา ถึงกับมีบ่าวไพร่ตำหนักเย็นที่กล้าล่วงเกินไทเฮาแล้ว? “ 

 

 

บ่าวไพร่ตำหนักเย็น! 

 

 

สี่คำนี้ แหลมคมดุจดาบที่แทงทะลุหัวใจนางเล่มหนึ่ง นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฝ่าบาทจะทรงกลายเป็นผู้ที่ไร้น้ำใจเช่นนี้ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเคยชินกับสันดานแบบนี้ของฮ่องเต้สุนัขแล้ว ใครหนอที่เคยเรียกขานผู้อื่นว่าสนมรัก ช่างเรียกได้คล่องปากนัก พริบตาเดียวก็กลายเป็นบ่าวไพร่ตำหนักเย็นไปเสียแล้ว 

 

 

ตอนนั้นที่นางยังอยู่ในตำหนักเย็น ลับหลังนาง เจ้าฮ่องเต้สุนัขนี่คงจะเรียกนางเป็นตัวร้ายในตำหนักเย็นอยู่เหมือนกัน 

 

 

คิดถึงตรงนี้ นางก็ค่อยๆ ถอยห่างจากจีเฉวียนออกมาเงียบๆ ก้าวหนึ่ง แต่ก้าวเดียวนี้กลับถูกจีชวนขยับเข้าไปหาจนเหมือนเดิม 

 

 

คนทั้งสองแทบจะตัวแนบติดกัน จนตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจของจีเฉวียนที่เป่าผ่านศีรษะของนาง จนนางรู้สึกจักกะจี้ 

 

 

พอนางเงยหน้ามองก็เห็นพระเนตรหงส์ที่งดงามคู่นั้นกำลังจับจ้องนางอยู่ ที่จริงแล้วแววตาของเขาแบบนี้นางก็ไม่ค่อยได้เห็นอยู่บ่อยนัก “ไทเฮามิใช่บอกอยู่เสมอว่าต้องการให้เราคืนความบริสุทธิ์ให้หรอกหรือ? วันนี้เราจะสอบสวนบ่าวโหยวหนิงด้วยตนเอง จะต้องให้ความยุติธรรมแก่เจ้าแน่นอน” 

 

 

พระองค์มิได้ทรงรอคอนให้นางกล่าววาจาตอบ ก็กวาดพระเนตรเย็นชาไปยังเต๋อเฟย “ความอดทนของเรามีจำกัด หากเจ้าไม่คิดจะเป็นศพไม่สมบูรณ์ ทั้งตระกูลดับสูญ ก็รีบๆ สารภาพออกมา” 

 

 

เพียงแค่รับสั่งประโยคเดียวก็ทำให้เต๋อเฟยตัวอ่อนปวกเปียกไปหมด นางรู้ดีกว่าฮ่องเต้ไม่ได้ทรงตรัสเพื่อข่มขู่นาง 

 

 

หากทรงรับสั่งว่าจะประหารพวกนางทั้งตระกูล นั่นก็หมายความเช่นนั้นจริง 

 

 

ดวงตาของนางที่งดงามประหนึ่งลูกแก้วทั้งสองนั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา และเมื่อเหลือบเห็นพระหัตถ์ข้างที่พันผ้าพันแผลไว้ หัวใจของนางก็เหมือนถูกแช่แข็งไปครึ่งหนึ่ง…….. 

 

 

นางลืมไปได้อย่างไร ว่าเขาก็คือฮ่องเต้ที่ไร้หัวใจที่สุดในต้าโจว แต่ว่าฮ่องเต้ที่เป็นเช่นนี้กลับยินยอมรับบาดเจ็บแทนสตรีผู้หนึ่ง…….. 

 

 

เพื่อสตรีผู้นั้น พระองค์จะประหารพวกนางทั้งตระกูล! 

 

 

นางปิดตาลง ปล่อยให้น้ำตาไหลรินร่วงหล่น “อี้อ๋อง! เป็นอี้อ๋องรับสั่งให้ข้าทำ! “ 

 

 

สิ้นประโยคนี้ออกไป พระขนงของฮ่องเต้ก็ขมวดแน่นขึ้น แม้แต่สายพระเนตรที่มองดูตู๋กูซิงหลันก็เปลี่ยนไป 

 

 

หลี่กงกงนั้นตกกระใจจนขวัญบินออกจากร่างไปแล้ว 

 

 

“ฝ่าบาท พระองค์ก็ไม่ใช่จะไม่ทรงทราบ ไทเฮาที่อยู่ข้างพระวรกายนั้น ก่อนจะเข้าวังมาเคยเป็นคู่รักแต่เยาว์วัยกับอี้อ๋องที่แม้แต่เทพเซียนยังต้องอิจฉา ใช่ไหม? ” เต๋อเฟยหัวเราะเสียงเย็น “แต่ว่าน่าเสียดายนัก โชคชะตาทำร้ายผู้คน นางกลับกลายเป็นไทเฮาไปซะ” 

 

 

“ความงดงามเลิศล้ำเช่นนี้ ย่อมมีไว้เพื่อยั่วยวนบุรุษผู้นำทั้งหลาย สร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองอยู่แล้ว” 

 

 

เต๋อเฟยยังตอกย้ำต่อไป “ยาถ้วยนั้น ก็เพื่อกระตุ้นให้นางไปปีนเตียงมังกรของพระองค์ หากว่าเรื่องสำเร็จ อาศัยความรักต่ออี้อ๋องที่ชั่วชีวิตก็ไม่มีเสื่อมคลายนี้ มีหรือนางจะไม่กลายเป็นตัวหมากที่ดีที่สุดของอี้อ๋องในการจะล่อลวงควบคุมพระองค์” 

 

 

“หากว่าเรื่องราวล้มเหลว สถานการณ์เบื้องหน้าก็ทำให้ฝ่าบาทและตระกูลตู๋กูต้องฉีกหน้าเป็นคู่แค้นกัน ยิ่งฝ่าบาทและตระกูลตู๋กูห่างกันเท่าไร เช่นนั้นอี้อ๋องและตระกูลตู๋กูก็จะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้นเท่านั้น เขาก็จะยิ่งเข้าใกล้การก่อกบฎชิงบัลลังก์ได้อีกก้าวหนึ่ง ไม่ว่าสำเร็จหรือว่าล้มเหลว ผู้ที่ได้รับผลลัพธ์มากที่สุดก็คือตัวเขาอี้อ๋อง” 

 

 

เต๋อเฟยพูดทั้งหมดออกมาในอึดใจเดียว ทั้งยังไม่ลืมกล่าวอีกว่า “หากว่าฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อ ก็สามารถเรียกตัวอี้อ๋องมาโต้แย้งกับข้าได้! “ 

 

 

ท่าทางที่เชื่อมั่นขึงขังของนาง ดูไปไม่คล้ายว่าหลอกลวง 

 

 

อี้อ๋อง บุรุษที่งดงามดุจเทพเซียนผู้นั้น บุรุษที่ทำให้นางหลงใหลตั้งแต่แรกเห็น เพื่อเขาแล้ว นางปฎิเสธการสู่ขอทั้งหมด 

 

 

เพื่อเขาแล้ว นางยินยอมเข้าวังมา คิดจะสนับสนุนเขาอีกแรงหนึ่ง 

 

 

แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนจบนี้ กลับมีแต่นางที่ยินยอมทุ่มเทจิตใจอยู่เพียงข้างเดียว 

 

 

อีกทั้งเข้าวังมาได้ไม่เท่าไหร่นางก็พบว่า ฮ่องเต้เองก็ทรงโดดเด่นงดงามเกินใครเปรียบ 

 

 

นางคิดจะลืมเลือนอี้อ๋อง กลายเป็นสตรีของฝ่าบาทอย่างเต็มตัว 

 

 

แต่ว่าเพราะอะไร…..แม้แต่ฝ่าบาทเองก็ทรงมองแต่ตู๋กูซิงหลัน? 

 

 

นังแพศยานี่ยึดครองอี้อ๋องไว้แล้วยังไม่พอ แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่ปล่อย! กินอยู่ในชามแท้ๆ ตายังมองไปที่ในหม้ออีก ยื้อเอาไว้ทั้งสองด้านไม่ยอมปล่อย 

 

 

ทั้งๆ ที่นางยอมยกอี้อ๋องให้มันไปแล้วแท้ๆ ………..