ตอนที่ 94 เจ้างดงามมาก เราไม่ได้ตาบอด

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ชั่วขณะนั้น พระวรกายของจีเฉวียนเย็นจัดเสมือนน้ำแข็งไปทั้งพระองค์ แม้แต่ตัวตู๋กูซิงหลันยังรู้สึกได้ถึงกระแสความเย็นที่ไหลออกมาจากร่างของเขา 

 

 

พระองค์สาดพระเนตรเย็นราวเกล็ดน้ำแข็งไปยังเต๋อเฟย แล้วก็หันพระพักตร์กลับมามองตู๋กูซิงหลัน 

 

 

เรื่องชอบพอผูกพันกันแต่เยาว์วัยนั้นเขารู้ 

 

 

แต่ว่าเรื่องความรักที่ยังคงอยู่ไม่มีจางหายของพวกเขา?  

 

 

แม้จะรู้อยู่แต่แรกว่านางกับอี้อ๋องเคยมีความผูกพันกันมาก่อน แต่เมื่อถูกผู้อื่นชักนำเรื่องนี้ออกมากล่าว หัวใจของเขาก็พลันโหวงเหวงอย่างไร้ที่มา ทั้งยังรู้สึกเหมือนมีหินก้อนหนึ่งกำลังกดทับอยู่ จนรู้สึกอึดอัดไปทั้งร่าง 

 

 

สตรีที่น่าตายผู้นี้ นางได้ทำอะไรกับเขากันแน่?  

 

 

“ฝ่าบาท……นี่จะต้องเรียกอี้อ๋องเข้าวังมาหรือไม่พะยะค่ะ? ” หลี่กงกงเสี่ยงอันตรายที่หัวจะหลุดจากบ่าถามออกไปอย่างระมัดระวัง 

 

 

เรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ก็ไม่เกี่ยวกับไทเฮาสักหน่อย 

 

 

หากว่าไทเฮาทรงมีสิ่งใดอยู่ในพระทัยละก็ มีหรือจะยอมแบกฝ่าบาทออกมาจากสุสานของเย่วฮูหยิน?  

 

 

มีหวังต้องฝังพระองค์ทั้งเป็นไปตั้งแต่แรกแล้ว! ไหนเลยจะต้องเก็บไว้ให้มากความอีก 

 

 

จีเฉวียนทรงนิ่งไปอยู่ครู่ใหญ่ ถึงได้หันไปถามสตรีตัวน้อยที่อยู่ด้านข้าง “ไทเฮา ท่านว่า สมควรเรียกมาหรือไม่ต้องเรียกมา? “ 

 

 

ยามนี้สีหน้าของตู๋กูซิงหลันกลับขาวซีด ตอนที่เต๋อเฟยกล่าววาจาเหล่านั้น หัวใจของนางพลันเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง 

 

 

หลอกลวง ทรยศ ไม่อาจเชื่อถือ ทุกอารมณ์และความรู้สึกที่ระเบิดขึ้นพร้อมกันตรงหน้า กดทับจนนางแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว 

 

 

นี่คือความรู้สึกทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิม 

 

 

ช่างน่าตายนัก…..ไทเฮาน้อยกลับมีรักที่ลึกล้ำให้กับจีเย่ว์ถึงเพียงนี้?  

 

 

นางกดลงไปที่บริเวณหัวใจของตน แม้จะใช้พละกำลังทั้งหมดแล้ว ยังไม่อาจสงบอารมณ์นั้นลงได้ 

 

 

รับสั่งของเจ้าฮ่องเต้สุนัขนั้นนางไม่ทันได้ฟังให้ชัดเจน ได้แต่ยกนิ้วโป้งขึ้นมากดลงไปที่จุดเหรินจงใต้จมูก 

 

 

จีเฉวียน “………” 

 

 

“ฮ่อง…..ลูก เจ้ารอเดี๋ยว ขอข้าพักสักครู่” นางไม่ลืมที่จะกล่าวกับเขา 

 

 

ตอนนี้นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง หากไม่กดจุดเหรินจงเอาไว้นางคงจะต้องหมดสติไปเสียเดี๋ยวนี้แน่ๆ  

 

 

ผ่านไปชั่วครู่ ลมหายใจหนักๆ เหล่านั้นค่อยๆ ถูกนางคลายออกไปช้าๆ  

 

 

“หากว่าเจ้าปวดใจจนยากจะทนไหว เราจะเรียกหมอหลวงซุนมาฝังเข็มให้สักหน่อย ” เห็นนางพยายามควบคุมตัวเองอยู่นาน ฮ่องเต้ก็ทรวรู้สึกยากจะทนทานขึ้นมา สตรีนางนี้เล่นละครอยู่ชัดๆ  

 

 

“ไม่ต้องๆๆ อย่าได้สิ้นเปลืองทรัพยากรของชาติบ้านเมืองเลย” ตู๋กูซิงหลันกดจุดเหรินจงใต้จมูกจนผิวแดงเป็นปื้นขึ้นมา ในที่สุดก็สามารถหายใจได้สะดวกขึ้น 

 

 

นางแกล้งทำเป็นไม่เห็นสายพระเนตรเหยี่ยวของเจ้าลูกชาย แต่มองตรงไปยังร่างของเต๋อเฟยแทน “ย่าห์ เราคงจะดูถูกความงามของตนเองเกินไปเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่าในสายตาของพวกเจ้าเราจะงดงามจนน่าตื่นตะลึงถึงเพียงนี้…..” 

 

 

คนพวกนี้ช่างยุ่งยากเสียจริงๆ ทำอะไรสักอย่างเป็นต้องอ้อมค้อมวุ่นวาย มาบอกว่าเจ้าของร่างเดิมนี้ยอมแต่งกับอดีตฮ่องเต้เพื่อจีเย่ว์ หากว่ามีความรักความผูกพันลึกซึ้งถึงเพียงนั้น ขอเพียงจีเย่ว์ออกปาก มีหรือที่นางจะไม่ช่วยเขาล่องลวงจีเฉวียน ควบคุมจีเฉวียนเอาไว้ในมือ 

 

 

ไม่เห็นจำเป็นจะต้องใส่ยาให้กินเพื่อปีนเตียงอะไรให้มากความ 

 

 

เต๋อเฟย “? ” นางคิดไม่ถึงเลย ว่าทำไมนังแพศยานี้ถึงได้มีท่าทีตอบสนองเช่นนี้?  

 

 

ไม่คิดจะรักษาหน้าตาก็แล้วไปเถอะ แต่ว่านางยังสามารถไร้ยางอายได้ถึงระดับนี้เลยหรือ?  

 

 

นางรักอี้อ๋องลึกซึ้งเสียขนาดนั้น เมื่อรู้ว่าตนเองถูกคนรักวางแผนหลอกลวง ไม่ใช่ว่าสมควรที่จะโกรธเกลียดด้วยความชอกช้ำหรอกหรือ?  

 

 

แต่พอเห็นว่าใบหน้าของนางซีดขาว เต๋อเฟยก็คาดเดาได้ว่านางคงจะกำลังเสแสร้งอยู่เป็นแน่ 

 

 

” งดงามจนน่าตื่นตะลึงแล้วมีประโยชน์เช่นไร? ในเมื่อลูกชายข้า เขาตาบอด! ” ตู๋กูซิงหลันพูดอย่างจริงจัง “เจ้าดูให้ดีสิ ฮ่องเต้แห่งต้าโจวของพวกเรา ใช่ว่าเป็นคนที่ถูกความงามล่อลวงเอาง่ายๆ หรอกหรือ? ทำไมพวกเจ้าถึงได้ประเมินฝ่าบาทต่ำไปถึงเพียงนี้? “ 

 

 

เจ้าหนุ่มนี่ไม่เพียงตาบอด แต่ยังเป็นบุรุษเหนือบุรุษ เป็นเพชฆาตที่ทำร้ายเหล่าสตรีเยาว์วัยโดยเฉพาะ 

 

 

“เจ้าไม่รู้หรือว่า ในสายตาของฝ่าบาทแล้ว เราอัปลักษณ์ถึงขนาดไม่ควรชายตาแลด้วยซ้ำ? “ 

 

 

ว่าแล้ว นางก็ไม่ลืมหันไปดึงชายฉลองพระองค์ของจีเฉวียน ทูลถามอย่างจริงจังว่า “ลูก ….ฮ่องเต้ เจ้าว่าจริงหรือไม่? “ 

 

 

สตรีผู้นี้ ความสามารถในการพูดจาเหลวไหลจนคล้ายเป็นจริงเป็นจัง ยิ่งทียิ่งทำได้ลื่นไหลหมดจด นางใช้ดวงตาข้างไหนมามองดูว่าเขาตาบอดกัน?  

 

 

ดูดวงตาของเขาให้ดีๆ ใต้หล้านี้จะมีบุรุษสักกี่คนที่มีดวงตาสุกใส เป็นประกายงดงามกว่าเขาได้อีก?  

 

 

คนที่กล้าพูดว่า เขาซึ่งเปี่ยมล้นด้วยพระอัจฉริยภาพแห่งกษัตริย์นี้ตาบอด ก็พึ่งจะมีนางเป็นคนแรก 

 

 

ผ่านไปนานพักใหญ่ ถึงได้เห็นว่าฮ่องเต้ทรงกลืนความโกรธกริ้วนั้นลงไป หันมายิ้มให้นางอย่างน่าสะพรึง “เจ้างดงามมาก เราไม่ได้ตาบอด” 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “……..” เชี่ยย เจ้าหนุ่มนี่ทำไมไม่ทำตามทฤษฎีเล่า!  

 

 

ก่อนหน้านี้ไม่ใช้เอาแต่ตั้งแง่รังเกียจนางหรอกหรือ?  

 

 

ทำไมจะต้องมาขัดขากันต่อหน้าเต๋อเฟยด้วย จะสร้างความเกลียจชังไปถึงไหน?  

 

 

เต๋อเฟยรู้สึกหน้าชาไปอย่างบอกไม่ถูก ประเด็นสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรจะรีบเรียกตัวอี้อ๋องมาสอบถามหรอกหรือ?  

 

 

“ไทเฮา ขออย่างได้คิดเบี่ยงเบนหัวข้อ คำถามของเราเมื่อครู่ เจ้ายังไม่ได้ตอบตามตรง ” จีเฉวียนปล่อยให้นางกุมชายแขนฉลองพระองค์ไว้ สองเนตรเพ่งมองนาง “อี้อ๋อง จะเรียกมาหรือไม่? “ 

 

 

สตรีผู้นี้ คิดจะเสแสร้งแกล้งทำเป็นโง่เขลาให้ผ่านด่านไป 

 

 

“แล้วแต่พระองค์รับสั่งเถอะเพคะ พระองค์ทรงเป็นผู้ครองแคว้น เรียกหรือไม่เรียกมาก็ตามแต่พระประสงค์ สำหรับหม่อมฉันแล้วเรื่องนี้ไม่สำคัญอีกต่อไป ขอเพียงฝ่าบาททรงเห็นว่าหม่อมฉันบริสุทธิ์ หม่อมฉันก็พอใจแล้ว 

 

 

จีเฉวียนยกยิ้มมุมปาก มองดูจุดเหรินจงที่นางกดจนแดง สตรีผู้นี้ทั้งที่ตนเองต้องเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก แต่ยังจะคิดปกป้องจีเย่ว์อยู่อีก 

 

 

นางกล่าวแล้วก็ ถวายบังคมต่อเขาครั้งหนึ่ง “หากว่าไม่มีเรื่องอื่นอีก หม่อมฉันขอทูลลาแล้ว” 

 

 

อาการเจ็บหัวใจจากเจ้าของร่างเดิมยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ หากรีรอต่อไปคงไม่ดี นางควรรีบกลับไปจัดการดูแลตนเองเสียหน่อย 

 

 

บางทีนี่อาจเป็นเพราะว่าในร่างยังมีดวงจิตของร่างเดิมหลงเหลืออยู่ ถึงได้ทำให้นางรู้สึกทรมานถึงเพียงนี้ 

 

 

อย่างไรวันนี้ก็ได้พิสูจน์ความบริสุทธฺ์ต่อหน้าฮ่องเต้แล้ว ก็ถือว่าที่มาวันนี้ไม่ได้เสียเปล่า 

 

 

ส่วนเรื่องที่เหลือ เจ้าฮ่องเต้สุนัขคงจะไปไล่สืบให้ชัดเจน ในเมื่อนางไม่ได้ชอบจีเย่ว์ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล 

 

 

พอนางพึ่งจะหมุนตัว ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกจากประตูใหญ่ตำหนักเย็น ก็เห็นจีเย่ว์ที่งดงามดุจจันทร์กระจ่างซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ๆ มาจากที่ใดกันยืนอยู่ที่นั่น 

 

 

ใต้แสงจันทร์สกาว สายลมโชยโบกโบยชายเสื้อ เส้นผมยาวสลวยของเขาก็พลิ้วอยู่ในสายลม ภาพลักษณ์ประดุจเทพเซียน งดงามจนทำให้ผู้คนวิญญาณหลุดลอย 

 

 

ดูท่าทางของเขาคงจะรีบรุดมาดุจลมหอบหนึ่ง ตามไรผมชื้นไปด้วยเหงื่อบางๆ ชั้นหนึ่ง ทันทีที่ได้เห็นตู๋กูซิงหลัน ในทันใดนั้น ใบหน้าหมดจดดุจดวงจันทร์ก็คลี่ยิ้มออกมา 

 

 

แต่รอยยิ้มนั้น ทันทีที่เห็นดวงหน้าซีดขาวของตู๋กูซิงหลันก็พลันแข็งค้างเสียแล้ว 

 

 

เดิมที่ตู๋กูซิงหลันพยายามกดอาการเจ็บหัวใจของเจ้าของร่างเดิมไว้ แต่พอได้เห็นหน้าอี้อ๋องเข้าเท่านั้น ความเจ็บปวดที่พยายามข่มไว้ก็ปะทุออกมา 

 

 

ในทรวงอกของนางเจ็บปวดทรมาน ลำคอหวานวูบ นางก็กระอักโลหิตออกมาคำโตโดยทันที 

 

 

เสียงกระอักอวกด้วยความเจ็บปวดมากมายดังยาวนาน 

 

 

ดวงหน้าที่ซีดขาว แดงฉานไปด้วยรอยเลือด 

 

 

ย่าห์ เจ้าของร่างเดิมหัวใจสลายจริงๆ ด้วย! เรื่องอื่นใดก็ไม่กระทบกระเทือนนางได้ มีแต่เรื่องของจีเย่ว์ที่พอแตะถูกก็แตกสลาย 

 

 

ช่างเป็นพวกไม่ใช้สมองจริงๆ เต๋อเฟยพูดอะไรออกมาก็เชื่อถือหมดเลยหรือไง?  

 

 

ตู๋กูซิงหลัน “…..” หมอหลวงซุนละ ข้ายังพอจะไหวอยู่ใช่ไหม รีบๆ มาฝังเข็มให้ข้าสักสองจึกด่วน!  

 

 

” หลัน…..ไทเฮา! ” สีหน้าจีเย่ว์เปลี่ยนเป็นซีดขาว ใช้ขาข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บ รีบวิ่งเข้ามาพยุงนาง 

 

 

ฝ่ามือใหญ่นั้นกอบกุมข้อมือของนางเอาไว้แน่น สีหน้าทั้งกังวลและเจ็บปวด เลือดของนางไหลอาบบนหลังมือของเขา สีแดงที่อุ่นร้อนนั่นทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน 

 

 

“ท่านเป็นอะไรไป? อย่ากลัวนะ……ข้าอยู่นี่” จีเย่ว์กอดนางไว้ เตรียมจะพานางไปสำนักแพทย์หลวง