ตอนที่ 267 คู่ปรับเก่าแก่ / ตอนที่ 268 สนุกสนานกันทุกฝ่าย

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 267 คู่ปรับเก่าแก่ 

 

 

เฉินเจวี้ยนขาพิการจึงไม่ค่อยได้เดินนัก ทุกครั้งเหยียนเค่อมักจะรังเกียจที่ต้องเดินกับเขา คนพิการก็ควรจะมีจิตสำนึกของคนพิการสิ ทำไมนั่งบนวีลแชร์แล้วถึงได้ดูเย่อหยิ่งเหมือนนั่งบนบัลลังก์มังกรเสียอย่างนั้น 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินทำได้เพียงปลอบใจเขา “นายต้องเข้าใจคนพิการหน่อย เฉินเจวี้ยนเองก็ลำบากมาเหมือนกันนะ” 

 

 

“เขาเนี่ยนะลำบาก? ตอนนั้นเขาเอาเงินฉันไปตั้งเยอะ ชีวิตฉันตอนที่ต้องกินแต่ผักแต่รำนี่ไม่ลำบากเลยงั้นสิ?” ตอนนั้นเงินก้อนแรกที่เหยียนเค่อหามาได้โดนเฉินเจวี้ยนฮุบเอาไปหมด ทำให้เขาเหลือเงินแค่พอจ่ายค่าภาษีเท่านั้น…ไอ้สารเลวนั่น! 

 

 

“ตอนหลังเขาก็คืนแล้วไม่ใช่หรือไง นายต้องเปิดใจให้กว้างหน่อย แล้วเขาก็มีเรื่องด่วนจริงๆ ด้วย” เสิ่นจิ้งเฉินต่อว่าในใจ ‘ใครใช้ให้นายทิ้งบัตรธนาคารซี้ซั้วล่ะ สมน้ำหน้า!’ 

 

 

เหยียนเค่อก็แค่ไม่อยากยอมรับว่าตอนนั้นเขาก็ไม่ได้ระแวดระวังเรื่องทรัพย์สินของตนแม้แต่นิด “เหอะ คนจิตใจดีอย่างฉันยังไม่แจ้งตำรวจเลย ถ้าฉันแจ้งตำรวจฉันจะให้มันติดคุกสักห้าร้อยปี!” 

 

 

“จ้าๆๆ แต่นายยอมรับซะเถอะ ว่าตอนนี้เฉินเจวี้ยนชีวิตดีกว่านาย” 

 

 

ในขณะที่เหยียนเค่อกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เฉินเจวี้ยนกลับใช้ชีวิตอยู่ที่มณฑล J จนใกล้จะได้เป็นเจ้าถิ่นอยู่แล้ว 

 

 

“เขาอยู่มณฑล J ก็ใช้ชีวิตไปได้ด้วยดีนี่ ทำไมต้องมาคุยธุรกิจกับฉันด้วย!” เหยียนเค่ออารมณ์ขึ้น ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “พอฉันเห็นเขาก็…รู้สึกไม่ดีเลย” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินเข้าใจเป็นอย่างดี เฉินเจวี้ยนเองก็คงมีความรู้สึกแบบเดียวกัน เหยียนเค่อก็แค่ไม่อยากจะยอมรับว่าคนพิการคนหนึ่งจะมีความสามารถเทียบเท่ากับเขาก็เท่านั้น แต่เฉินเจวี้ยนกลับรู้สึกว่าพระเจ้าไม่ได้ปิดกั้นหนทางเหยียนเค่อแถมยังเปิดโอกาสให้เขาอีก แบบนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย จึงเอ่ยปลอบ “เขาหน้าตาไม่ดีเท่านายหรอก” 

 

 

“นายแน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังทำให้ฉันไม่พอใจน่ะ” การที่ผู้ชายแท้ๆ มาเปรียบเทียบหน้าตากันเป็นการเหยียดหยามเขาอย่างมาก เหยียนเค่อลูบใบหน้าตัวเอง “ไปเถอะ อย่าให้เขารอนานนัก เหอะ” 

 

 

เหยียนเค่อจัดเนกไทของตัวเอง ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “ใช้หน้าตาของตัวเองให้เป็นประโยชน์แล้วกัน” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉิน “…” ไหนบอกว่าเป็นผู้ชายแท้ๆ ไง? 

 

 

เมื่อเหยียนเค่อไปถึงก็เห็นว่าลูกน้องในบริษัทของเฉินเจวี้ยนมาถึงหมดแล้ว แต่ยังไม่เห็นเงาหัวของเฉินเจวี้ยน 

 

 

“คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินได้ยินเขาบ่นพึมพำก็อยากจะหัวเราะ “นายเอาข้อเสนอไปหลอกล่อคนของเขาก็ได้นี่” 

 

 

“ฉันไม่ชอบพวกผู้หญิง” เหยียนเค่อมองดูผู้หญิงจำนวนเศษหนึ่งส่วนสามของบริษัทฝ่ายตรงข้าม “ไม่ได้เหยียดหยามนะ แต่ฉันแค่ไม่ชอบเฉยๆ” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินคิดว่าตัวเองสามารถเขียนวิทยานิพนธ์ชิ้นใหม่มาวิจัยสภาพจิตใจของเหยียนเค่อได้ 

 

 

“สวัสดีค่ะท่านประธานเหยียน” ทุกคนต่างลุกขึ้นโค้งคำนับให้ ก่อนจะส่งสายตาหากัน ‘ประธาน 

 

 

เหยียนหล่อจริงๆ เลยนะเนี่ย ข่าวลือนั่นเป็นจริงด้วย!’ 

 

 

เหยียนเค่อผงกหัว 

 

 

หัวหน้าเลขาของเฉินเจวี้ยนลุกขึ้นมาอธิบายให้เหยียนเค่อฟัง “ประธานเฉินไม่ค่อยสะดวก จะมาถึงช้าหน่อย ต้องขออภัยด้วยนะครับประธานเหยียน” 

 

 

“อืม” เหยียนเค่อลากเสิ่นจิ้งเฉินให้มานั่งข้างๆ ตน เดิมทีเสิ่นจิ้งเฉินอยากจะผลักไสแต่ก็ได้ยิน 

 

 

เหยียนเค่อพูดขึ้นอย่างเป็นการไม่ให้เกียรติเสียก่อน “เฉินเจวี้ยนไม่ต้องนั่งสักหน่อย นายรีบนั่งไปเถอะน่า” 

 

 

“…” นายพูดแบบนี้ไม่กลัวพนักงานเขาตีตายหรือไง 

 

 

หางตาของหัวหน้าเลขาคนนั้นกระตุกเล็กน้อย ประธานเหยียนคนนี้พูดจาตรงไปตรงมาเสียจริง 

 

 

และแล้วเสิ่นจิ้งเฉินก็นั่งลงข้างๆ เขา พวกเขาสามคนต่างก็คุ้นเคยกันดี จึงไม่ได้เคร่งครัดอะไรนัก รอแค่ให้เฉินเจวี้ยนมาเท่านั้น 

 

 

เหยียนเค่อเท้าคางนั่งเหม่อลอย ทั้งห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวตกอยู่ในความเงียบ 

 

 

พวกเขาล้วนเป็นผู้ชายที่แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำ ดูแล้วรู้สึกเหมือนโดนข่มเลยจริงๆ 

 

 

“ประธานเหยียนครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราทานอาหารกันก่อนไหมครับ” หัวหน้าเลขาของเฉินเจวี้ยนเสนอ 

 

 

“รอให้ประธานเฉินของพวกคุณมาดีกว่าครับ คงไม่ช้าไปสักเท่าไรหรอก พวกคุณก็คุยกันไปก่อนก็ได้ครับ” เหยียนเค่อออกปากสั่งคนของตัวเอง “ศึกษาวัฒนธรรมองค์กรของอีกฝ่ายสิครับ อย่าเงียบสิ” 

 

 

“…นายก็ทำตามใจตัวเองเกิน” เสิ่นจิ้งเฉินรู้ว่าปกติเวลาไปออกงานจะเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก แต่ทำไมพอเป็นเฉินเจวี้ยนแล้วจึงแตกต่างออกไป 

 

 

“ฉันทำตามใจตัวเองเท่าเฉินเจวี้ยนด้วยเหรอ” เหยียนเค่อไม่ได้หยิ่งผยองเท่าเฉินเจวี้ยน เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเล่นงานเฉินเจวี้ยนอย่างไร 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 268 สนุกสนานกันทุกฝ่าย 

 

 

ยังไม่ทันที่เฉินเจวี้ยนจะเข้ามาก็นึกว่าตัวเองเข้าผิดห้องเสียแล้ว มองดูเลขห้องปราดหนึ่งแต่ก็ไม่มีอะไรผิดพลาดไป 

 

 

“ทำไมวุ่นวายแบบนี้” ผู้ช่วยที่เข็นรถให้เฉินเจวี้ยนเองก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน 

 

 

หลังจากเข้าไปแล้วก็พบว่าคนของทั้งสองบริษัทกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน 

 

 

“ประธานเฉิน!” คนของทั้งสองฝั่งต่างหยุดและเอ่ยทักทายเขา 

 

 

เฉินเจวี้ยนพยักหน้า เห็นเหยียนเค่อที่ประจำหัวโต๊ะลุกขึ้นยืนก็ไม่สนใจ หันไปโบกมือให้เสิ่นจิ้งเฉินที่อยู่ข้างๆ เหยียนเค่ออย่างสนิทสนม “อ้าว จิ้งเฉินก็ให้เกียรติมาด้วยหรือเนี่ย” 

 

 

“เขาให้เกียรติฉันต่างหาก ไม่ได้ให้เกียรตินาย” เหยียนเค่อเลิกคิ้ว ขัดจังหวะการพูดคุยเรื่องเก่าของเขากับเสิ่นจิ้งเฉิน “รอนายคนเดียวนี่แหละ พนักงานของนายหงุดหงิดกันหมดแล้ว” 

 

 

พนักงานของเฉินเจวี้ยนที่โดนใส่ร้ายต่างก็เอือมระอา พวกเขากล้าหงุดหงิดที่ไหนกันล่ะ 

 

 

“ถ้าไม่ต้องมาคุยกับนายล่ะก็ ถึงขาฉันหายดีแล้วก็ไม่มาหรอก” คำพูดทักทายระหว่างเฉินเจวี้ยนกับเหยียนเค่อไม่เคยเป็นมงคลเลย แค่อ้าปากก็เริ่มฟาดฟันกันแล้ว 

 

 

“ขานายก็ใกล้หายดีแล้วไม่ใช่เหรอ จะนั่งวีลแชร์ไปหลอกใครล่ะ” 

 

 

“หลอกนายไง” เฉินเจวี้ยนตอบทีเล่นทีจริง ทำสงครามน้ำลายกับเหยียนเค่อโดยมีเสิ่นจิ้งเฉินคั่นอยู่ตรงกลาง 

 

 

“คนมาครบแล้ว เอาอาหารมาเสิร์ฟเลยเถอะ” เสิ่นจิ้งเฉินโดนพวกเขาสองคนดันให้ไปนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะแล้วก็ออกปากสั่ง 

 

 

หลังจากอาหารมาเสิร์ฟครบแล้ว เหยียนเค่อกับเฉินเจวี้ยนกินไปได้ไม่กี่คำก็เริ่มปะทะฝีปากกันอีก เสิ่นจิ้งเฉินที่ถูกหนีบไว้อยู่ตรงกลางเริ่มจะปวดหูแล้ว 

 

 

พนักงานที่กินข้าวอยู่อีกด้านพูดคุยกันได้เป็นอย่างดี บรรยากาศค่อยๆ สนุกสนานขึ้น 

 

 

“พวกนายสองคนระวังเรื่องผลกระทบหน่อยได้ไหม! รักษาภาพลักษณ์หน่อย” เสิ่นจิ้งเฉินให้ทั้งคู่หุบปาก “พวกนายเป็นอย่างนี้แล้วจะร่วมงานกันได้ยังไง แค่ประชุมก็เหมือนกับทำสงครามน้ำลายแล้ว” 

 

 

เป็นครั้งแรกที่คนของบริษัทเฉินเจวี้ยนเห็นด้านเด็กๆ ของเจ้านาย ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ ประธานของ YAN เป็นคนมหัศจรรย์จริงๆ ด้วย สามารถทำให้คนนิสัยเงียบขรึมอย่างเจ้านายสามารถร่าเริงขึ้นมาได้ 

 

 

เหยียนเค่อให้ผู้ช่วยพิเศษของตนหยิบหนังสือสัญญาที่ร่างไว้ก่อนหน้านี้ออกมา “ฉันขอปฏิเสธการเจรจา ถ้านายไม่เซ็นก็ไม่ต้องร่วมมือกัน” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินสะกิดเขา ไอ้หมอนี่สมองน้ำเข้าหรือไง ผู้สนับสนุนที่ดีอย่างเฉินเจวี้ยน เขาไม่ยื้อไว้แถมยังพูดแบบนั้นกับคนเขาอีก 

 

 

เฉินเจวี้ยนรับมาก่อนจะเปิดดูคร่าวๆ แล้วพูดไม่ออก “นายนี่ท้าทายขีดจำกัดของฉันจริงๆ เลย!” 

 

 

“เหมือนกันนั่นแหละ” แน่นอนว่าเหยียนเค่อรู้อยู่แล้วว่าเฉินเจวี้ยนเป็นแรงสนับสนุน ข้อเสนอที่ยื่นให้ต้องดีอยู่แล้ว “บอกก่อนนะ พวกผู้หญิงของบริษัทนายห้ามมาที่บริษัทเรา” 

 

 

“นายให้ความสำคัญกับตัวเองเกินไปหรือเปล่า” เฉินเจวี้ยนล้วงปากกาออกมาเซ็นลงบนหนังสือสัญญาทั้งสองฉบับ การร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายก็เป็นอันตกลงกันแล้ว ผู้ช่วยและผู้จัดการที่กำลังชวนดื่มเหล้าและแอบสืบสถานการณ์ของฝ่ายตรงข้ามต่างก็เดาทางกันไม่ออก ทำไมตัดสินใจง่ายเช่นนี้ล่ะ 

 

 

เหยียนเค่อรับมาไว้หนึ่งฉบับ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นายแน่ใจนะว่าดูครบแล้วน่ะ” 

 

 

“แน่นอน” ส่วนที่สำคัญที่สุดก็มีเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น นอกนั้นล้วนเป็นแค่ข้อความไร้สาระ 

 

 

“นายต้องสนับสนุนบริษัทของฉันแบบถาวรเลยนะ” เหยียนเค่อก็ไม่อยากแกล้งเขาแล้ว จึงอธิบายให้กระจ่างก่อน ตัวเองจะได้ไม่ดูเป็นพวกคนถ่อยนัก 

 

 

“รู้แล้ว ก็เซ็นไปแล้วนี่ ฉันจะทำอะไรได้อีก” 

 

 

“ต่อไปถ้าเหยียนเค่ออยู่เมือง N ต่อไปไม่รอดแล้วย้ายไปอยู่มณฑล J ก็ดีเหมือนกันนะ” เสิ่นจิ้งเฉินคิดเผื่อเหยียนเค่อจริงๆ นะ 

 

 

เหยียนเค่อนั่งพิงพนักเก้าอี้อย่างไม่สนใจไยดีนัก “ฉันมีที่ดินของตัวเองอยู่ ทำไมจะอยู่ต่อไปไม่รอดล่ะ” 

 

 

เสิ่นจิ้งเฉินไม่คิดว่าเหยียนเฟิงจะปล่อยให้เหยียนเค่อใช้ชีวิตอย่างสุขสบายต่อไปแน่ แต่อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เขาเองก็จะพูดมากก็ไม่ได้ 

 

 

“ถ้าย้ายมณฑลก็ยุ่งยากเหมือนกันนะ” เฉินเจวี้ยนไม่อยากให้เหยียนเค่อมาอยู่บนผืนดินเดียวกันกับเขา “อย่ามาปรากฏตัวในถิ่นของฉันจะดีที่สุด” 

 

 

“ใครจะไปอยาก แล้วตอนนี้นายอยู่ในถิ่นของใครหา!” 

 

 

ทั้งสองคนคุยกันดีๆ ได้ไม่เกินสามประโยคก็เริ่มทะเลาะกันอีกแล้ว เสิ่นจิ้งเฉินนั่งกินข้าวของตัวเองต่อไปเงียบๆ ไม่อยากสนใจคนดื้อด้านทั้งสองนี่แล้ว 

 

 

สุดท้ายเหยียนเค่อก็ถูกเฉินเจวี้ยนบีบให้ต้องกระดกเบียร์ลงคอไปสองขวด ร่างกายร้อนรุ่ม แม้แต่เนกไทก็ปลดคลายออกแล้ว 

 

 

“คิดเงินที่พวกเราแล้วกัน งานเลิกแล้วก็สนุกกันเลยนะ” เหยียนเค่อสะกิดผู้ช่วยของตนก่อนจะสั่ง แล้วกลับออกไปก่อนกับเสิ่นจิ้งเฉินและเฉินเจวี้ยน ให้คนที่เหลือสนุกกันเต็มที่ 

 

 

คืนนั้นนับว่าต่างก็สนุกสนานกันทุกฝ่าย นอกจากบอสใหญ่แล้ว ทั้งสองบริษัทก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ