บทที่ 414 ทำลายล้าง

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 414 ทำลายล้าง
เหยียนเยว่เอ๋อร์และหนิงเหอโจวได้ยินเสียงนี้ ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของหลัวซิว ทันใดนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า มุ่งหน้าไปสู่ประตูมิติแห่งทางเข้าของแดนปริศนา

และในเวลานี้ ผู้ฝึกจิตปรมาจารย์ยุทธ์หลายคนที่รับผิดชอบคอยอารักขาทางเข้าของแดนปริศนา แต่ละคนมีท่าทีประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

รวมถึงภายนอกของทั้งตำหนักจื่อ ต่างก็ได้ยินเสียงที่ก้องอยู่ในอากาศ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าสับสน

“ตาย!”

ทันใดนั้น เสียงใสก้องกังวานที่แฝงไปด้วยเจตนาฆ่าก็ดังขึ้น

เหยียนเยว่เอ๋อร์บินข้ามฟากฟ้า แสงเทพจิตหงส์อัคคีสยายปีกอยู่ด้านหลังนาง ความยาวหลายสิบฟูต

เปลวเพลิงขนาดใหญ่แพร่ออกมาจากร่างกายของนาง กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง ท่วมประตูด้านนอกทั้งหมดของตำหนักจื่อ

หนิงเหอโจวมองดูนางอย่างแปลกใจ คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ที่ดูเหมือนที่ดูไม่ค่อยพูด จะโหดเหี้ยมเสียจนคิดจะทำลายล้างทุกคนที่นี่

แต่เขาไม่รู้ว่า เมื่อก่อนผู้แข็งแกร่งตำหนักจื่อบีบบังคับตระกูลเหยียนแห่งเมืองกู่เจี้ยน ก็เคยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คนตายไปรู้ตั้งกี่คน

ความแค้นฝังลึกแบบนี้ได้สะสมอยู่ในใจของเหยียนเยว่เอ๋อร์มากว่า 300 ปี เมื่อถูกปล่อยออกไปก็ควบคุมไม่ได้

เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนดังขึ้นทีละคน แต่การแสดงออกของนางช่างเย็นเยือกแม้ว่านางจะรู้ด้วยว่าไม่มีใครมีส่วนร่วมในการสังหารพ่อแม่ของนางเมื่อสามร้อยปีก่อน แต่นางก็ไม่สามารถยับยั้งเจตนาฆ่าในใจของนางได้

“หากจะโทษ ก็ไปโทษพวกศิษย์ตำหนักจื่อของพวกเจ้าก็แล้วกัน!”

ในช่วงเวลาสั้น ๆ ด้านนอกตำหนักจื่อถูกนางเผาจนย่อยยับ นางหันกลับมาด้วยความเย็นชา และเดินเข้าไปในประตูมิติแดนตำหนักจื่อ

วิชาห้ามค่ายกลทั้งหมดของแดนตำหนักจื่อ ต่างเป็นฝีมือของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่สร้างเอาไว้ในอดีต

พลังตราประทับพวกนี้ที่ใช้จัดการวิชาห้ามค่ายกล แน่นอนว่าได้ถูกสอนให้กับหลัวซิวด้วย แต่น่าเสียดายที่แดนปริศนาแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับฝึกตน ในตอนแรกนั้นไม่ได้มีการสร้างค่ายสังหารใดใดไว้เลย ไม่เช่นนั้น หลัวซิวก็ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสองมกุฏยุทธ์ แค่คนเดียวก็สามารถฆ่าตำหนักจื่อทุกคนได้

“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”

อาจารย์มกุฏยุทธ์แห่งตำหนักจื่อมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เพราะเขาสามารถรับรู้ได้ว่า คนที่อยู่ข้าง ๆ หลัวซิวนั้น อยู่ในระดับเดียวกับตน ซึ่งก็คือผู้แข็งแกร่งแดนมกุฏยุทธ์

“ไอ้แก่ เจ้าจับท่านพ่อท่านแม่ของข้ามา ยังจะมีหน้ามาถามอีกว่าข้าเป็นใคร?” หลัวซิวเผยสีหน้าเย้ยหยัน

“สามหาว กล้าดียังไงถึงไม่เคารพผู้อาวุโส?” เหล่าชาวตำหนักจื่อบนเรือรบอีกสองลำ ต่างก็มีสีหน้าโกรธเคือง

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่เพียงแต่จะไม่เคารพผู้อาวุโสของพวกเจ้า แถมข้ายังจะฆ่าทิ้งอีกด้วย พวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้?”

ณ ขณะนี้ เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งได้ดังมาจากกลางอากาศ ลมปราณฝ่ามือพลังจิตแท้ถูกฟาดออกไปฉาดใหญ่ เกิดเสียงดังปัง โจมตีอย่างรุนแรงเข้าที่ดาดฟ้าเรือของเรือรบสัมริดเขียวลำหนึ่ง

ค่ายคุ้มกันขั้นห้าบนเรือรบแตกสลายในทันที พลังของฝ่ามือพลังจิตแท้ได้สร้างความหายนะ ทำเอาศิษย์ของตำหนักจื่อที่อยู่บนเรือรบนับสิบคนนั้น ร่างกายแตกละเอียดกลายเป็นละอองเลือดในทันที ทุกคนต่างตายไม่มีชิ้นดี

คนที่ลงมือนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นหนิงเหอโจวที่เพิ่งเข้ามา

“มกุฏยุทธ์อีกคนแล้ว!”

อาจารย์ตำหนักจื่อลุกขึ้นยืนทันใด ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่า หลัวซิวจะเชิญมกุฏยุทธ์ทั้งสองคนมาด้วย และคนที่มาทีหลังนั้น ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเขาอีกด้วย

เหยียนเยว่เอ๋อร์ลงจากกลางอากาศมายืนอยู่ข้างกายหลัวซิว ดวงตาคู่สวยฉายแสงเย็นเยียบ จ้องไปยังร่างของเจ้าตำหนักจื่อที่ยทนอยู่ด้านหลังอาจารย์ตำหนักจื่อไม่วางตา

“ถาวหยุนเชียน!” นางกัดฟันพูดชื่อของเจ้าตำหนักจื่อออกมา

ในเวลานั้นเอง สีหน้าของถาวหยุนเชียนก็ซีดเผือดจนถึงขีดสุด “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร เขาเชิญมกุฏยุทธ์มาได้อย่างไร?”

มกุฏยุทธ์ คือรากฐานและที่พึ่งพิงของตำหนักจื่อ หลายปีมานี้ ตำหนักจื่อยืมอำนาจของอาจารย์มกุฏยุทธ์ จึงสามารถครองเมืองด้านหนึ่งของภูมิภาคนี้ได้

หลัวซิวมาด้วยเจตนาฆ่าอย่างมหันต์ มันทำให้ใจของถาวหยุนเชียนจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งทันที

“ดี! ดี! ดี! ข้าคงจะดูถูกเจ้าเกินไป!”

อาจารย์ตำหนักจื่อมองลูกศิษย์ตายอย่างอนาถ สีหน้าหมนลงและเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง หัวเราะด้วยความโกรธถึงขีดสุด พร้อมกับเอ่ยคำว่าดีออกมาติดกันสามครั้ง

เขาไม่ได้ลงมือ แต่กลับวบคุมเรือรบโคยตรงแทน ลอยไปในอากาศ มุ่งหน้าไปยังทางออกของแดนปริศนา

อาจารย์ตำหนักจื่อผู้นี้ไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมกุฏยุทธ์ทั้งสองที่หลัวซิวเชิญมา สำหรับแผนวันนี้ มีเพียงแค่การร่วมมือกับอาจารย์เสวียนหยางเท่านั้น ถึงจะสามารถมีโอกาสเอาชีวิตรอดได้

แน่นอนว่าหลัวซิวไม่ยอมให้อาจารย์ตำหนักจื่อหนีไป ความพ่ายแพ้แต่ละครั้งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการทั้งหมดของเขา

เขาจะกวาดและทำลายตำหนักจื่อด้วยสายฟ้า ทำให้สำนักเสวียนหยางไม่ทันได้รู้ตัว แล้วก็จะรุดหน้าไปฆ่าล้างสำนักเสวียนหยางอีกครั้ง!

การกลับมาครั้งนี้ เขาจะทำให้ทุกคนที่อยู่ในประเทศเทียนหวูได้รับรู้ ว่าเกล็ดใต้คอมังกรของหลัวซิว ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแตะต้อง!

ใครกล้าแตะต้องเกล็ดใต้คอมังกรตน ตนจะใช้วิธีการสังหารของซิวหลัว พลิกแผ่นดินฆ่าให้สิ้น!

“อาจารย์ตำหนักจื่อคนนั้น ข้าขอรบกวนท่านอาวุโสทั้งสอง” หลัวซิวยกหมัดคำนับไปทางมู่จื่อซิวและหนิงเหอโจว

“ฮ่า ๆ วางใจได้ เขาหนีไม่รอดหรอก” หนิงเหอโจวพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

มู่จื่อซิวก็พยักหน้า จากนั้นก็ขยับเรือรบและตามเขาไปทันที

เป็นเรือรบชั้นล่างเหมือนกัน แต่ก็มีระดับที่แตกต่างกัน มู่จื่อซิวซึ่งเป็นผู้ลาดตระเวนของพื้นที่อีกฝั่ง เรือรบของเขา จัดอยู่ในระดับสูงสุดของบรรดาเรือรบชั้นล่าง

เรือรบของอาจารย์ตำหนักจื่อ ค่ายกลที่ปรากฏด้านบนนั้น ล้วนเป็นค่ายกลระดับหก เทียบกันแล้วระดับจะสูงกว่าเรือรบทั่วไปที่มีค่ายกลระดับห้า

แต่เรืองรบของมู่จื่อซิวลำนี้ ค่ายกลที่ปรากฏด้านบนนั้นล้วนเป็นค่ายกลระดับเจ็ด คือระดับที่สูงที่สุดของเรือรบชั้นล่าง

ดังนั้นอาจารย์ตำหนักจื่อเดิมทีจึงไม่สามารถหลบหนีไปได้ไกลเท่าไร ก็ถึงตามมาทันเสียแล้ว ท้ายเรือรบสัมริดเขียวถูกชนเข้าอย่างแรงจนเกิดเป็นเสียงอีกทึกครึกโครม

เกราะป้องกันม่านแสงของเรือรบสัมริดเขียวบิดเบี้ยวจนเสียรูปทรง หนิงเหอโจวกระโดดขึ้นมาทันที ขวานยุทธ์คู่หนึ่งที่ห้อยอยู่ด้านหลังตอนนี้ถูกกำอยู่ในมือของเขา ขวานเล่มหนึ่งถูกขว้างออกไป เดิมทีค่ายคุ้มกันเรือรบที่กำลังจะแตกสลายอยู่แล้วนั้น ก็ถูกกระแทกแตกกระจายเป็นผุยผง

อาจารย์ตำหนักจื่อได้ตัดสินใจทิ้งเรือรบในวินาทีนั้น กลายร่างเป็นลำแสง บินหนีออกไป

“ฮ่า ๆ จะหนีไปไหน!” หนิงเหอโจวเงยหน้าขึ้นและตระโกนเรียกพลางไล่ตามเขาไปทันที

“เยว่เอ๋อร์ เจ้านั้นข้ายกให้เจ้า” หลัวซิวเหลือบตามองไปยังเจ้าตำหนักจื่อถาวหยุนเชียนที่หน้าซีดเผือดที่อยู่บนเรือรบสัมริดเขียว

เหยียนเยว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เงยหน้ามองท้องฟ้า พลางทำปากพึมพำ “ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกกำลังจะได้แก้แค้นให้พวกท่านแล้ว …”

มกุฏยุทธ์ทั้งสองนำหน้าไปไล่ฆ่าอาจารย์ตำหนักจื่อแล้ว ท่ามกลางแดนตำหนักจื่อเหลือเพียงพวกศิษย์ตำหนักจื่อ รอบตัวของหลัวซิวโหมไปด้วยเพลิงมรณะ และมุ่งตรงไปด้านหน้า

“แหลกวิญญาณ!”

ตัวสำนึกระดับจักรพรรดิยุทธ์กวาดออกไป พวกที่มีผลการฝึกตนอ่อนแอก็ถูกทำลายตัวหยั่งรู้โดยตรงและตายไปในมันที ผลการฝึกตนแข็งแกร่งขึ้นมาหน่อย ก็ปวดหัวราวกับหัวกำลังจะระเบิดออก กรีดร้องอย่างอนาจ สูญเสียความสามารถในการต้านทาน

หลังจากนั้น หลัวซิวก็โบกมือขึ้น ภูตอัคคีกลืนกินสีน้ำตาลแดงวุ่นวายกระจายไปทุกทิศทุกทาง แผดเผาทุกคนให้มอดไหม้จนเหลือเพียงความว่างเปล่า

“ตำหนักจื่อ นับแต่นี้จะไม่มีอีกต่อไป!” บริเวณโดยรอบ ภายใต้การเผาไหม้ของภูตอัคคีกลืนกินนั้นถูกบิดอย่างบ้าคลั่ง หลัวซิวที่สวมชุดสีดำทั้งตัวยืนต้านลม ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรังสีเจตนาฆ่าอาฆาตสีเลือด