บทที่ 415 การล้างแค้น

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 415 การล้างแค้น
เป็นเวลาเกือบสองปี นับตั้งแต่ถาวหยุนเชียนและว่านเหลียนเฉิงทั้งสองจักรพรรดิยุทธ์ คนหนึ่งถูกหลัวซิวปลด อีกคนถูกฆ่าตาย อาจารย์ตำหนักจื่อก็เสียทรัพยากรเพื่อที่จะรักษาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสอง

หนึ่งในนั้น ก็คือชายชราชุดม่วงคนที่หลัวซิวโจมตีจนบาดเจ็บ ยังมีชายวัยกลางคนอีกคนที่รูปร่างเล็กเตี้ย ก็เป็นแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่ง

แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิยุทธ์วัยกลางคนคนนั้น ในขณะนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดเช่นกัน ที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นไม่ใช่เพราะหลัวซิว แต่เป็นจากเรือรบที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ ถูกเรือรบของมู่จื่อซิวชนเข้าอย่างแรง ผลพวงของการระเบิดของพลังนั้น ส่งผลกระทบต่อเขาโดยตรง

ระดับต่ำกว่าจักรพรรดิยุทธ์ ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นศัตรูของเขา ตัวสำนึกของหลัวซิวแทบไม่ต้องลงมือ เพียงแค่ตัวสำนึกกวาดออกไปอาศัยเพียงการโจมตีวิญญาณ ก็สามารถทำลายตัวหยั่งรู้ของคนพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมองเห็นเหล่าศิษย์ของสำนักถูกฆ่าเหมือนหมูเหมือนหมาเช่นนั้น ชายชราชุดม่วงกับชายวัยกลางคน ก็มีสีหน้าของจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองท่าน ต่างก็ซีดเผือดราวกับกระดาษ

อาจารย์หนีไปแล้ว แต่ว่าระดับจักรพรรดิยุทธ์อย่างพวกเขาทั้งสองคน เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีผลการฝึกตนแดนราชายุทธ์ กลับมีความรู้สึกกลัวอย่างท่วมท้น

โดยเฉพาะชายชราชุดม่วง เขาได้รับรู้ถึงพลังของหลัวซิวด้วยตัวเขาเอง ดังนั้นเขาแทบจะไม่มีอะไรต้องลังเลเลย จึงได้กลายเป็นลำแสง และคิดที่จะหนีไปจากที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว

เพราะเขารู้ดีว่า ตำหนักจื่อจบสิ้นแล้ว เพียงแค่ตัวเขาเองยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ ด้วยสถานะของจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง ไปไหนมาไหนก็อยู่ได้อย่างมีความสุข

ทันใดนั้น ชายชราชุดม่วงรู้สึกได้ถึงรัศมีคุกคามที่มาจากข้างหลัง สีหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไป พร้อมทั้งรีบรวบรวมพลังจิตแท้ และปล่อยพลังไปทางด้านหลัง

ปัง!

ภายใต้การกวาดล้างแสงจิตห้าสี พลังจิตแท้แตกซ่าน ร่างของชายชราชุดม่วงนั้นเหมือนกับว่าถูกสายฟ้าฟาด ลอยกระเด็นออกไป

“ไอ้เวรเอ้ย!”

ชายชราชุดม่วงมีเปลวไฟแห่งโมหะลุกโชนขึ้นในใจ เขาคาดไม่ถึงว่าหลัวซิวเขายังไล่ตามไล่ฆ่าเขาอย่างไม่ลดละ

เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก สองนิ้วรีบร้อนบีบตราประทับ พลังจิตแท้สีม่วงมารวมกันตรงหน้าอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นพลังกระบี่สีม่วงที่ยาวกว่าสิบเมตร

เพียงแต่ไม่รอให้ชายชราชุดม่วงได้โจมตี ร่างของหลัวซิวก็ได้หายวับไปจากการรับรู้ของเขา ตามมาด้วยรังสีแห่งความอันตรายที่ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา

“เทเลพอร์ตอีกแล้วหรือ?”

ชายชราชุดม่วงตกใจจนหน้าถอดสี แต่มันก็สายเกินไปที่โต้ตอบอะไรแล้ว

ทันทีที่เขาสังเกตถึงสิ่งที่อยู่ด้านหลัง ก็ถูกหลัวซิวฟาดฟันด้วยความดุร้าย ไม่ต้องพูดถึงบาดแผลที่มีอยู่ก่อนแล้ว แม้ในสมัยรุ่งเรืองของเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังดาบเช่นนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดหรือต่อต้าน

ฟุบ!

เลือดพุ่งทะลักออกมาจากปากชายชราชุดม่วง เกราะนักยุทธ์ด้านหลังเดิมทีก็มีรอบบุบอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ถูกโจมตีซ้ำอีกครั้ง เสียงกระดูกที่หักเป็นเสี่ยง ๆ ดังออกมาจากภายในร่างกาย

ความเจ็บปวดอันน่าสยดสยอง ทำให้ใบหน้าของชายชราชุดม่วงบิดเบี้ยวในทันที ในเวลาเดียวกัน ในใจก็รู้สึกหวาดกลัว เพราะการเผชิญหน้ากับการโจมตีระยะใกล้ของหลัวซิว เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะต่อต้านสักนิดเลยด้วยซ้ำ หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าวันนี้คงจะต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน

หนี! ต้องหนีเท่านั้นถึงจะรอด!

ชายชราชุดม่วงฝืนบังคับตัวเองให้สงบจิตสงบใจไว้ พลิกมือหยิบฮู้สีม่วงออกมาจากแหวนเก็บของ

นี่คือยันต์วาตะระดับเจ็ด เพราะเจ้าตำหนักจื่อและว่านเหลียนเฉิงคนหนึ่งเจ็บคนหนึ่งตาย ดังนั้นเมื่อตอนที่เขาบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์แล้ว อาจารย์ก็ได้มอบฮู้ระดับเจ็ดให้กับเขาเพื่อรักษาชีวิตไว้

ในขณะที่ชายชราชุดม่วงหยิบฮู้ระดับเจ็ดอยู่นั้น มุมปากของหลัวซิวก็ยกขึ้นอย่างเยือกเย็น

ไม่ต้องพูดถึงว่าเพียงแค่ฮู้ระดับเจ็ดหนึ่งอัน ต่อให้เป็นความเร็วระดับผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์ ก็ไม่สามารถจะเทียบกับความรวดเร็วของปีกทิพย์ไร้มลทินได้

แกรก!

ในจังหวะที่ฮู้บีบเพื่อใช้งานนั้น ลำแสงสีเขียวก็ปกคลุมตัวของชายชราชุดม่วง ในชั่วพริบตาความเร็วก็พุ่งสูงขึ้น โบยบินสู่ท้องฟ้าอันไกลโพ้น

ปัง!

ด้านของของหลัวซิว ปีกทิพย์ไร้มลทินโบกสะบัด พื้นที่โดยรอบที่ปั่นป่วนกลายและบิดเบี้ยว และไล่ตามไปด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากัน

ชายชราชุดม่วงสิ้นหวังจนถึงขีดสุด เพราะเขาพบว่าต่อให้เขาอาศัยพลังของยันต์วาตะระดับเจ็ด แต่ก็ยังถูกหลัวซิวตามได้ทัน

ในวินาทีต่อมา ชายชราชุดม่วงด้านหลังหัวใจก็มีความรู้สึกเจ็บปวดจากการฉีกขาดส่งออกมา ลำแสงจิตห้าสีหลอมรวมเป็นพลังกระบี่ แทงทะลุร่างกายของเขา

ร่างของชายชราชุดม่วงที่บินเป็นลำแสงก็หยุดลงในทันที เขาเหลือบมองไปที่หลัวซิวด้วยแววตาแข็งทื่อ เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา

หลัวซิวสีหน้าราบเรียบ ปีกทิพย์ไร้มลทินสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นจึงได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าชายชราชุดม่วง ฝ่ามือขวาของเขารวบรวมพลังแห่งกฎเบญจธาตุ เพียงแค่เสียงฟึ่บดังขึ้นก็แทงทะลุจุดตันเถียนของอีกฝ่าย คว้าเอายาทองเม็ดหนึ่งที่ยังคงเปื้อนเลือดออกมา

ชายชราชุดม่วงเบิกกตาโพลง ความคิดบ้า ๆ เต็มไปด้วยความแค้น แสงสีม่วงพุ่งออกจากหว่างคิ้วของเขา

แสงสีม่วงนี้สว่างจนถึงขีดสุด ออร่าวิญญาณเปล่งประกายออกมาอย่างสง่างาม ที่น่าประหลาดใจคือชายชราชุดม่วงที่อยู่ในสภาวะใกล้ตาย หลวมรวมพลังแห่งเทพจิตของตน ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องทำให้หลัวซิวที่เป็นคนฆ่าตัวเองบาดเจ็บสาหัสด้วย

อย่างไรก็ตาม มุมปากของหลัวซิวเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ไม่เจียมสังขาร”

ร่างกายของชายชราชุดม่วงระเบิดอย่างรุนแรง

ส่วนก่อนที่เขาจะตายได้หลวมรวมเทพจิตและปล่อยออกมาเป็นแสงสีม่วง ตอนที่กำลังพุ่งไปตรงหน้าของหลัวซิว มันก็ถูกหยุดไว้ในทันที

ด้านหลังของหลัวซิว ร่างคนรูปร่างสูงตระหง่านปรากฏขึ้น มีความสูงหลายฟุต ทั้งตัวถูกล้อมรอบด้วยแสงสีขาวดำ

ร่างคนโปร่งแสงนี้ คือเทพจิตเทียมของหลัวซิว เทียบกับเทพจิตแท้ จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก

ร่างเทพจิตยกมือฟาดลงไป ทำให้สำแสงสีม่วงที่ชายชราชุดม่วงหลวมรวมออกมาก่อนตายแตกสลายไปในทันที

หลังจากนั้น สายตาของหลัวซิวก็มองไปทางชายวัยกลางคนคนนั้น เขาคือจักรพรรดิยุทธ์คนสุดท้ายที่อยู่ภายในตำหนักจื่อ

ปัง!

บนร่างของร่างเทพจิตแผ่ลมปราณของจิตวิญญาณ ในตอนที่เขาฆ่าชายชราชุดม่วง จักรพรรดิยุทธ์วัยกลางคนนั้นก็ได้หนีไปไกลแล้ว อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกตื่นตระหนก

เพราะเขาสัมผัสได้ถึง ลมปราณที่ข้ามผ่านกำแพงแห่งโซน และกักตัวเขาเอาไว้

“อูกงซานถูกฆ่าแล้ว?” จักรพรรดิยุทธ์วัยกลางคนหน้าถอดสีจนแทบดูไม่ได้ อูกงซานก็คือชื่อของชายชราชุดม่วง

ในเวลานี้เอง เขาก็ได้สังเกตเห็น ร่างคนร่างหนึ่งที่กะพริบไปมาไม่หยุด เข้าใกล้กับความเร็วของเทเลพอร์ต และกำลังพุ่งตรงมายังพิกัดที่เขาอยู่ในตอนนี้

“วึบ!”

เพียงครู่เดียว จักรพรรดิยุทธ์วัยกลางคนก็ถูกหลัวซิวตามจนทัน แสงจิตห้าสีถูกส่งออกไปโดยตรง ในขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนภูตอัคคีกลืนกิน มุ่งไปเพื่อจับอีกฝ่ายให้จมลง

ปฏิกิริยาแรกของจักรพรรดิยุทธ์วัยกลางคนก็คือหยิบเอายันต์วาตะระดับเจ็ดออกมา แต่กลับไม่ทันได้เตรียมใช้งาน การเคลื่อนไหวของร่างกายหยุดลง

หลังจากนั้น ภูตอัคคีกลืนกินที่มาเพื่อกดเขาให้จมลง ก็แผดเผาร่างกายของเขาให้เหลือเพียงความว่างเปล่า มีเพียงยาทองในร่างกาย ภายใต้การควบคุมของหลัวซิวจึงไม่ได้ถูกแผดเผาไป สุดท้ายจึงได้ถูกเขาเก็บลงแหวนเก็บของ

ยาเทพจิตระดับราชายุทธ์ หลัวซิวขี้เกียจตามเก็บ แต่ยาทองที่อยู่ภายในร่างของจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง เป็นวัถุดิบที่ไม่เลวเลยสำหรับการกลั่นยา จะให้มันเสียเปล่าไม่ได้

หลังจากนั้นไม่นาน ภายในแดนตำหนักจื่อที่วุ่นวายนั้น ในที่สุดก็สงบลงราวกับพื้นที่รกร้าง

มีศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว เรือรบสัมริดเขียวสองลำเมื่อไม่มีคนคอยบังคับ ก็ตกลงสู่พื้นดินกลายเป็น หลุมขนาดใหญ่

บทที่ 414 ทำลายล้าง