ออกัสจนปัญญา เมื่อมือใหญ่ขยับพร้อมกับโค้งตัวก็อุ้มเชอร์รีนขึ้นมาแบกไว้ที่ไหล่เสียแล้ว
“ออกัสคุณปล่อยฉัน !คุณรีบปล่อยฉันนะ เร็ว ไอ้เลว” เธอแกว่งสองขาอย่างทุรนทุรายพลันรู้สึกปวดบริเวณท้องจากการดิ้นแล้วเสียดสีเข้ากับท้องของเธอ
เมื่อใช้วาทศิลป์หลอกให้ซารางออกไป จากนั้นผู้ชายก็ปิดประตูห้อง ก่อนจะได้ยินเสียง เพี๊ยะ ง้างฝ่ามือใหญ่ขึ้นแล้วฟาดลงที่ก้นของเธอ“ผมเลวยังไงเหรอ หืม?”
“ฉันเชื่อคุณก็บ้าแล้ว คุณจะให้ในสิ่งที่ฉันต้องการ คำพวกนี้เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ!”
สี่ปีก่อนรหัสบัตรเอทีเอ็มเป็นวันเกิดของหยาดฝน สี่ปีต่อมารหัสโน๊ตบุ๊คก็ยังเป็นวันเกิดของหยาดฝนอยู่ดี
เขาโค้งตัววางเธอลง จากนั้นเขาก็ขึ้นไปคร่อมร่างกายเธอ ดังนั้นร่างกายทั้งคู่จึงติดกันแนบแน่น “เชื่อฟังหน่อย บอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น……”
หน้าอกเธอกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรัวแรง เสียงหายใจก็ถี่กระชั้น สายตาเต็มไปด้วยเพลิงโกรธ ไม่อินังขังขอบเขา
“ถึงจะตัดสินโทษ แต่คุณก็ต้องให้นักโทษอย่างผมรู้ว่าผิดตรงไหน ใช่เปล่า?”
“รหัส!” เธอถลึงตาใส่เขาพร้อมกับเบียดสองพยางค์นี้ออกมาจากไรฟัน
รหัส……
เขาก้มหน้ามองเธอ เสียงแหบพร่าอันสะกดสะใจของเขารีบอธิบาย เห็นได้ชัดว่ากลัวเธอเข้าใจผิดอีก “ตั้งรหัสโน๊ตบุ๊คเมื่อสี่ปีก่อน ซึ่งสี่ปีมานี้ผมไม่ได้ใช้เครื่องนี้เลย กลายเป็นขยะแล้ว ขี้เกียจแก้รหัสอีก”
เชอร์รีนเบือนหน้าไปอีกทาง ไม่ฟังเขา เอาแต่ดิ้นไม่หยุด
คิ้วงามออกัสขมวดขึ้น พลางใช้มือใหญ่ลอดผ่านหลังเธอ ก่อนจะโอบกอดเธออย่างอหังการ ปลายจมูกถูไถเบาๆระหว่างคอเธอ ลมอุ่นๆจึงพุ่งออกมาไม่ยั้ง “เชื่อใจผมนะ ผมพูดความจริง คุณปลดล็อครหัสโน้ตบุ๊คได้ งั้นคุณก็ปลดล็อคมือถือผมได้แน่ หืม?”
ระหว่างที่พูด เขาพลิกตัวออกจากกายเธอแล้วนั่งลง ก่อนจะดึงเธอมานั่งบนตัก ร่างกายเธอพลันแนบติดกับอกแกร่งอันร้อนรุ่มของเขา เขายื่นมือถือให้เธอ “มาสิ ลองปลดล็อครหัสดู……”
“ไม่เอา” เชอร์รีนโยนมือถือไปไกล
ออกัสพับแขนเสื้อถึงข้อศอก ข้อมืออันกำยำพลันเผยสู่สายตา แม้นตอนนี้เส้นผมจะกระเซอะกระเซิง ทว่าใบหน้ายังคงน่าหลงใหลดุจเดิม ดวงตาคู่ที่ยากจะหยั่งถึงจ้องมองเธอ “มาสิ ปลดล็อคดู ถ้าถูกมีรางวัลให้”
เชอร์รีนถูกยัดเยียดให้ทำ เธอกดรหัสเป็นวันเกิดของหยาดฝนอย่างไม่พินิจวิเคราะห์ ผลปรากฏว่ากดผิด
เธอเลิกคิ้วมองเขาปราดหนึ่ง เขาผงกศีรษะ พยักพเยิดให้เธอกดต่อ
จากนั้นเธอกดหมายเลขเป็นวันเกิดของซาราง ผลสุดท้ายก็ยังคงผิดอยู่ดี
เธอเริ่มไม่มีอารมณ์ เธอหมายจะโยนมือถือออก ทว่ากลับถูกผู้ชายดึงแขนไว้พร้อมกับชำเลืองตามอง “ฮ่าๆๆ ใจร้อนจริงๆ……”
มือใหญ่อันอบอ่นุจับนิ้วมือเธอ ก่อนจะเอานิ้วเธอไปกดรหัสหน้าจอมือถือ
เธอเม้มปากไม่ได้พูดอะไร
ดวงตาลุ่มลึกของผู้ชายจ้องใบหน้าเล็กที่กำลังนิ่งเงียบ แขนยาวเป็นหมัดๆโอบเอวบาง แล้วบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น จากนั้นหน้าผากทั้งสองก็ชนกัน ปลายจมูกก็สัมผัสกันเบาๆ “มีอะไรอยากพูดไหม หา?”
เสียงที่เจือความกระหยิ่มใจหลายส่วน ทั้งยังมีแววตาระคนความสงบเยือกเย็นทำให้เชอร์รีนอดขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไม่ได้“ก็แค่เพิ่ม1314(หมายเลขนี้สื่อความหมายของจีนว่าชั่วชีวิต)ด้านหน้าวันเกิดของซารางกับของฉัน ถือว่าฉันเดาถูกครึ่งหนึ่ง”
“ปากแข็งจริงๆ” เสียงเขาแช่มช้า ทั้งยังเจือความรู้สึกจนปัญญาหลายส่วน
เมื่อเชอร์รีนนึกถึงความหุนหันพลันแล่นของตนเมื่อครู่ ใบหน้าก็ร้อนแผ่ว จากนั้นก็ยื่นมือผลักอกของเขา “ฉันควรกลับได้แล้ว”
เธอก็ไม่ได้ว่าทำไมเมื่อครู่ตนถึงใจร้อนด่วนสรุปปานนี้ ผู้หญิงที่กำลังมีความรักมักจะทำตัวเข้าใจยากอย่างนี้เสมอหรือเปล่า?
“ได้……” เขาจนปัญญากับเธอเสมอ ทำอะไรเธอไม่ได้จริงๆ
ซารางนั่งบนโซฟาอย่างน่าสงสาร เมื่อเห็นทั้งคู่ออกมาก็ยู่ปาก ยิ่งชวนให้เกิดความสงสารมากขึ้น “แด๊ดดี้ หม่ามี๊ หนูจะหลับแล้ว!”
ออกัสอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างโอบเอวเชอร์รีน ก่อนจะไปส่งพวกเธอด้านล่างคอนโด
ตอนลงจากรถ เชอร์รีนนึกถึงภาพฉากในร้านอาหาร เธอจ้องออกัสพร้อมกับกระตุกมุมปาก ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเธออยากพูดออกมา ทว่าก็ไม่รู้ควรพูดเช่นไรดี ถ้อยคำค้างอยู่กลางลำคอ ไม่ขึ้นไปและไม่ลงมา ช่างรู้สึกทรมานยิ่งนัก
เพราะไม่ใช่เรื่องธรรมดา อีกฝ่ายเป็นพ่อของเขา แล้วเธอจะใช้ถ้อยคำไหนพูดจึงจะเหมาะสมล่ะ?
“ขึ้นไปเถอะ ซารางจะลืมตาไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้ผมส่งลูกไปโรงเรียนเอง” ระหว่างที่พูด เขาคลุมเสื้อกันหนาวให้ซาราง
เชอร์รีนพยักหน้าให้ ถ้อยคำที่ถึงปลายลิ้นพลันกล้ำกลืนกลับไป รอให้เธอตรึกตรองเสร็จค่อยพูดก็แล้วกัน……
ณ โรงพยาบาล
สิงหาให้ผู้ช่วยนำรายงานออกมา ผลที่ได้คือเชอร์รีนเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจริงๆ
ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แสดงว่าเชอร์รีนเป็นลูกสาวของวินดาแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ตอนนี้ขาดเพียงการพิสูจน์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น
วินดานอนอยู่บนเตียงคนไข้ เมื่อนึกถึงหน้าเชอร์รีนก็ยิ้มเบาบาง รู้สึกหน้าตาไม่เหมือนเธอสักนิด!
“เรื่องนี้ต้องพูดตรงๆครับ พูดอ้อมค้อมไม่ดี”
“แล้วแต่คุณค่ะ ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ ฉันยังรู้ว่าคุณจะดูแลฉันเป็นอย่างดีด้วยค่ะ” เธอรู้สึกสบายใจมาก เมื่อมีเขาอยู่เคียงข้าง เธอก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล
สิงหาพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะโทรรอแล้วรอคอยการรับสาย
เชอร์รีนพึ่งจะอุ้มซารางไว้บนเตียง เสียงมือถือก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นเบอร์ไม่รู้จัก หลังจากลังเลชั่วครู่ เธอก็รับสาย
“เชอร์รีน ฉันเอง”
เธอลังเลและประหลาดใจอยู่หลายวินาที เธอรู้สึกกระอักกระอ่วน พูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติว่า “คุณลุง”
“คืออย่างนี้ พรุ่งนี้หนูมีเวลาไหน ฉันมีเรื่องอยากนัดคุยกับหนูหน่อย”
คุยกับเธอ?เชอร์รีนยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น เขากับเธอมีอะไรให้คุยกันหรือ
“พรุ่งนี้หนูต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียนค่ะ คงไม่มีเวลาค่ะ” เธอเอ่ยปากพูด ซึ่งเป็นความจริงทั้งหมด การเปิดเทอมวันแรกจะยุ่งมากจริงๆ
“ไปรายงานที่โรงเรียน แต่ก็น่าจะมีเวลากินข้าวใช่ไหม ฉันจะไปโรงเรียนพวกหนูตอนเที่ยง จะได้ถือโอกาสเจอหน้ากันตอนอาหารเที่ยง”
เมื่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว เชอร์รีนก็ไม่สะดวกที่จะปฏิเสธ ได้แต่รับปากว่า “ค่ะ”
เธอรู้สึกมึนงงกับเจตนาการนัดเจอของสิงหาเหลือแสน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ หากพูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับเขา ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรกัน ไม่ใช่เหรอ?
หรือว่าเขารู้ว่าเธอเห็นภาพฉากใต้โต๊ะแล้ว?ดังนั้นจึงคิดจะนัดเจอเธอ คุยกับเธอ?
เธอเข้านอนด้วยห้วงอารมณ์ฉงนสนเท่ห์ เมื่อถึงตอนเช้าพวกเธอก็กินข้าว จากนั้นก็พาซารางลงไปด้านล่าง
เชอร์รีนต้องเร่งไปรายงานตัวที่โรงเรียน ไปส่งซารางไม่ทัน ดังนั้นจึงนั่งรถไปโรงเรียน ส่วนออกัสจะทำหน้าที่ไปส่งซารางที่โรงเรียนอนุบาลเอง
เธอทำความคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมและทำความเข้าใจเด็กนักเรียนห้องที่เป็นที่ปรึกษาตลอดช่วงเช้า ลืมการนัดหมายของสิงหาเสียสนิท
พอถึงตอนเที่ยงก็มีสายเรียกเข้าอีกครั้ง เธอจึงนึกถึงมาได้ ซึ่งสิงหาบอกเธอว่าเขาอยู่หน้าประตูโรงเรียนแล้ว ให้เธอออกไปพบได้เลย
เมื่อเธอมาถึงหน้าประตูโรงเรียน แวบเดียวก็เห็นสิงหา จึงเดินเข้าไปหา ก่อนจะกล่าวทักทายเสียงเบา “คุณลุง”
“กินข้าวเที่ยงหรือยัง?ฉันก็ยังไม่กิน กินด้วยกันนะ” สิงหายิ้มและเดินนำเข้าร้านอาหารก่อน