บทที่ 586 กลับสู่สถานที่ที่คุ้นเคย

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 586 กลับสู่สถานที่ที่คุ้นเคย

เซียวโผหู่ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะยิ้มอย่างเกร็งๆ แล้ว “ข้าก็ไม่รู้ว่านี่มันเรียกว่าเรื่องที่เป็นทางการหรือเปล่า ……คือว่า เมื่อสองวันก่อน ราชินีงูผู้เย็นชาของพวกเรานั้น ซึ่งศิษย์น้องของท่าน เธอนั้นได้มาที่นี่รอบหนึ่ง

“เหลิ่งหยุน?” ฉินเทียนนั้นนิ่งหยุดชะงักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยด้วยความสงสัย “เธอนั้นมาที่นี่เพื่อทำอะไรกัน?”

“แล้วทำไมถึงไม่ยอมบอกข้า?”

ต้องทราบว่า เหลิ่งหยุนถึงแม้จะเป็นลูกสาวบุญธรรมของเถ้าแก่ใหญ่ แต่ว่า ในนามนั้น เถ้าแก่ใหญ่นั้นกลับโดนมองหาว่าเป็น “อาชญากรรม”

ตามกฎเกณฑ์แล้ว ไม่มีใครนั้นได้รับอนุญาตให้เข้ามาเยี่ยมเยียน

ดังนั้น แม้แต่ฉินเทียนเอง ก็น้อยครั้งที่จะมา

อีกทั้งเหลิ่งหยุนนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะวิ่งมาที่นี่เพียงคนเดียว ถึงแม้จะมา ก็ต้องนัดเขามาพร้อมกัน

ยิ่งศิษย์น้องที่เอาแต่ใจเช่นนี้ ไม่มีเรื่องอะไรก็กระทำโดยตนเอง มองดูแล้วเหมือนนับวันยิ่งจะไม่เอาเขามาไว้ในสายตาอีก

เซียวโผหู่เอ่ยถามด้วยความเกร็งๆ “ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน”

“เธอนั้นก็ไม่ได้มาบอกข้าก่อนเลยสักคำ ก่อนที่จะ พุ่งเข้ามาที่ทุ่งน้ำแข็งเพียงคนเดียว”

“ในตอนนั้นที่โดนคนคนตรวจการณ์นั้นค้นพบ ทหารยามที่เข้าเวรนั้นได้ทำการล้อมเธอไว้จากทางด้านประตูปืนใหญ่ โชคดีที่ข้านั้นเข้าไปรายงานทันเวลา ไม่อย่างงั้นอาจจะเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน

 “แต่ว่าข้านั้นได้กำลังประชุมอยู่ รอจนถึงเวลาที่ข้านั้นประชุมเสร็จแล้วรีบมาที่นี่ เธอนั้นก็ได้จากไปแล้ว”

 “ว่าเรื่องอะไรนั้น พวกเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน แล้วพวกเราก็ไม่กล้าถาม รอให้เจ้าได้เจอเถ้าแก่ใหญ่ก่อน แล้วก็ไปถามเอาเองก็แล้วกัน”

  “เจ้ารู้ว่า นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของเจ้านะ ข้านั้นมันก็แค่คนนอก”

  ฉินเทียนพยักหน้า แล้วเอ่ย “อาจจะแค่มาเยี่ยมเยียนล่ะมั้ง เรื่องความรู้สึกของเหลิ่งหยุนและเถ้าแก่ใหญ่ น่าจะดีและลึกซึ้งกันอยู่แหละ”

  “แต่ว่าเจ้าสาวคนนี้ช่างเอาแต่ใจเสียเหลือเกิน!”

  ไม่ยอมบอกทักทายก็พุ่งเข้าไป หากเกิดเหตุปืนลั่นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!” เมื่อคิดถึงดังนี้ ฉินเทียนนั้นก็แอบโกรธเล็กน้อย

  โชคดี ที่เขานั้นพบเห็นแล้ว บนสุดเส้นสายตานั้น บนทุ่งน้ำแข็งที่ขาวโพลนนั้น ได้มีหินป้อมปราการโผล่ขึ้นมา

  คุกพญายม!

  ที่นั่นน่าจะเป็นที่ขังคุกของเถ้าแก่ใหญ่แน่เลย

  ย้อนกลับไปในที่สมัยก่อน ฉินเทียนนั้นไม่ทันที่จะคิดอย่างอื่น ก่อนที่จะตื่นเต้นขึ้นมา

  เร็วๆ นั้น ได้มีรถขับมาจอดยังหน้าห้องป้อมปราการ คนที่ดูแลรักษาป้อมปราการพันเอกได้ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ก่อนที่จะทำความเคารพ ร่างกายที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมและหิมะนั้น ยืนแข็งเย็นยะเยือกไปหมด

ธงประจำสมาคม

โดยคนชนเผ่าทางแดนเหนือนั้นต่างก็มีพละกำลังล้นเหลือ เลยอดไม่ได้ที่จะทำให้เนี่ยชิงหลงราชามังกรนั้น แอบประหลาดใจ 

ไม่รอให้เซียวโผหู่เอ่ยคำพูด เขานั้นก็เดินขึ้นมา ก่อนที่จะยิ้มกริ่มแล้วเอ่ย “คุณเป็นคนที่คอยรับผิดชอบที่นี่ใช่ไหม?”

“ไม่ทราบว่าคุณนั้นจะรู้จักคนคนหนึ่งไหม เขาชื่อว่าเฉินเอ้อร์กั่ว”

“เมื่อก่อนเขานั้นเป็นคนที่คอยรักษาการที่นี่นะ เขานั้นเป็นพี่น้องที่ดีของข้าเองแหละ!”

สายตาของนายพลนั้นจริงจังขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงปืน แล้วได้ทำความเคารพคารวะทักทายเนี่ยชิงหลงอย่าง

“หัวหน้าเอ้อร์กั่ว ก็คือแฟนเก่าของข้าเอง!”

“เขานั้นเป็นคนที่ข้าเคารพคนหนึ่งเลยล่ะ!”

เนี่ยชิงหลงนั้นยิ่มกริมๆ เหมือนกับกินผึ้งไปอย่างไรอย่างงั้น เมื่อได้ยินเพื่อนของเขานั้นชื่นชมเขา เขานั้นชอบมากกว่าเหมือนที่ตนเองได้ถูกชมเชยอย่างไรอย่างงั้น

เขานั้นได้ตบไหล่ของนายพล แล้วเอ่ย “ตั้งใจทำงานล่ะ!”

“เจ้านั้นมีโอกาส ที่จะมีความสามารถเช่นเอ้อร์กั่วได้”

เซียวโหผู่นั้นยื่นมือไปจับ ก่อนจะเอ่ย “พวกเจ้าเตรียมตัวไว้ได้เลย หัวหน้าใหญ่เขานั้นอยากที่จะไปเยี่ยมเยือนนายท่าน”

“รับทราบ !”นายพลนั้นได้ออกคำสั่ง ก่อนที่จะหันหลัง แล้ววิ่งนำออกมา

“พี่ใหญ่ เชิญเถอะ”เซียวโผหู่ลุกขึ้นยืดร่างกาย ก่อนที่จะทำท่าเชิญ

ฉินเทียนนั้นถอนหายใจ ก่อนที่จะมองไปที่ปราสาทหินภายด้านหน้า ก่อนที่จะรู้สึกสับสนเล็กน้อย ภายในลำตัวนั้นเลือดก็ร้อนพล่าน  

แต่นานมาแล้ว ที่นี่ก็คือบ้านของเขานะ  

สำหรับที่นี่ทุกอย่าง เขานั้นจะต้องรู้จักดีมากกว่าคนอื่นๆสะอีก

ปราสาทที่นี่ เป็นป้อมปราการที่คอยรักษาป้องกันภัยของเถ้าแก่ใหญ่ แต่ว่า เถ้าแก่ใหญ่นั้น เขานั้นไม่ได้อยู่ที่ป้อมปราการ

ในเมื่อที่นี่คือคุกพญายม งั้นก็หมายความว่า จริงๆแล้วที่นี่มันเป็นคุกที่มีความพิเศษสินะ

ภายในใจของฉินเทียนนั้นตื่นเต้น ไม่ต้องรอให้ ทหารนำทาง ก่อนที่เขานั้นจะเดินมารับห้องโถงตรงกลางใหญ่

ที่นี่นั้น ยังมีปล่องลิฟต์ 

ในตอนนั้น ประตูลิฟต์นั้นก็ได้เปิดออก

ฉินเทียนนั้นได้ถอดหายใจออกมา ก่อนที่จะเดินเข้าไป

ด้านหลังนั้น ตามสัญชาตญาณเซียวโผหู่นั้น ก็อยากที่จะเดินตามเข้าไป แต่ เนี่ยชิงหลงนั้นได้ดึงเขา ก่อนที่จะเอ่ยเสียงต่ำ “เหล่าเซียว เจ้ามากับข้าเถอะ”

“ข้านั้นมีเรื่องที่อยากจะปรึกษากับเจ้าหน่อย”

เซียวโผหู่นั้นนิ่งตะลึงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันมา แล้วก็รีบหันมายิ้มให้กับฉินเทียน แล้วเอ่ย “พี่ใหญ่ พวกท่านทั้งสองคนร่วมคุยกันเถอะ ข้านั้นก็จะไม่รบกวนแล้ว ”

“ข้าและเหล่าเนี่ย จะรอเจ้าอยู่ที่นี่นะ ”

สีหน้าของฉินเทียนอึ้ง ก่อนที่จะพยักหน้า แล้วไม่ได้เอ่ยอะไร เมื่อก่อนเนี่ยชิงหลงได้เอ่ยไว้ ว่ามีเรื่องสำคัญอะไรก็ให้มาหาเซียวโผหู่ น่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก 

แม้กระทั่งระหว่างพวกเขา ว่ามันมีเรื่องสำคัญราชการอะไรกัน ในตอนนี้ ฉินเทียนนั้นไม่ได้สนใจเลย 

ถึงอย่างงั้น เมื่อพูดอย่างจริงจัง เขานั้นก็ไม่ได้แสดงตัวตนราชการอะไร   

ประตูลิฟต์ค่อยๆ เปิดออกมา ลิฟต์ที่ทำอย่างพิเศษ ที่ค่อยๆ ลงมายังพื้นด้านล่าง

สถานที่ขังคุกของเถ้าแก่ใหญ่นั้น จริงๆแล้วนั้นลึกลงไปกว่าหนึ่งร้อยเมตร 

ไม่อย่างงั้นจะเรียกว่าคุกพญายมได้อย่างไรกัน

ในสถานที่ที่เยือกเย็นขนาดนี้ ห้องขังคุกที่ถูกขุดกว่าร้อยเมตร สำหรับคนทั่วไปแล้ว นี่มันเหมือนคุกสิบแปดชั้นชัดๆ

แต่ว่าเรื่องจริงมันไม่ใช่อย่างงั้น   

เพราะว่าปัจจัยของภูมิภาคสถานที่ อีกทั้งเทคโนโลยีขั้นสูง ดังนั้นด้านล่างจึงกว้างขวางบวกกับยังอบอุ่นอีกด้วย 

สภาพอากาศแห้งมาก ไม่รู้ว่ามีลมได้พัดผ่านมาจากทางฝั่งไหน ไม่รู้สึกอบอ้าวเลยสักนิด รู้สึกเหมือนกับเป็นสายลมของฤดูใบไม้ผลิ

สี่อาทิตย์ โคมไฟนั้นได้อาศัยใช้เวลาจากธรรมชาติในการออกแบบ

แสงแดดนั้นค่อยๆแรงขึ้น แล้วจากแรงก็เปลี่ยนเป็นอ่อย จนถึงกระทั่งแสงมอดดับไฟ ทั้งมดนี้ราวกับว่าเหมือนได้เลียนแบบแสงจากด้านภายนอก

ตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว ดังนั้นแสงแดดที่สาดส่องเข้ามานั้น ทำให้คนนั้นรู้สึกถึงความสวยงามตระการตา  

ฉินเทียนในตอนนี้เขานั้นไม่ได้มีอารมณ์มาสนใจสิ่งเหล่านี้ ในตอนนี้ เขานั้นอารมณ์รุ่มร้อน คิดแค่ว่าอยากจะเจอเถ้าแก่ไวๆ

ปกติแล้วยังไม่คิดว่า ในตอนนี้เขาพบว่า เขานั้นได้รู้สึกคิดถึงเถ้าแก่มากแค่ไหน

ในที่สุด ลิฟต์ได้มาถึงชั้นล่างสุด ก่อนที่พนักงานรักษาความปลอดภัยจะเดินจากไป

ห้องใต้ดินที่มีรัศมีความกว้างหลายร้อยตารางเมตรนั้น ในตอนนี้ก็เหลือแค่ฉินเทียนเพียงคนเดียว แต่ว่าในความเงียบสงบนี้ เขานั้นสามารถรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจและลมหายใจของเถ้าแก่ได้

มองไปก็ได้เห็นห้องที่ถูกปิดขังอยู่ห้องหนึ่ง เขานั้นเอ่ยอย่างตื่นเต้น“เถ้าแก่ ข้ามาหาท่านแล้ว!”

เอ่ยแล้ว หนึ่งมือก็ได้ถือไก่ย่างสองตัว ส่วนอีกมือหนึ่งก็ได้ถือเหล้าขาวสองขวด เดินเข้าไป

นี่คือสิ่งที่เถ้าแก่นั้นชอบที่สุด ฉินเทียนนั้นไม่เคยลืม เขานั้นได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

ก่อนที่จะใช้ขานั้นงัดเปิดประตูห้องขังออก ก่อนที่จะเห็นแสงสลัวที่มืดมิดที่สาดส่องเข้าในห้องที่มืดมิด 

ภายในห้องสิบกว่าตารางเมตรนี้ ได้ออกแบบอย่างเรียบง่าย ตรงกลางห้องนั้นมีโต๊ะหิน แล้วก็เตียงไม้สองเตียง

หนึ่งเตียงนั้นใหญ่หน่อย อีกเตียงหนึ่งก็เล็กหน่อย  

บนทั้งสองเตียงนั้น ได้ปูไปด้วยหญ้าแห้ง

ในตอนนี้เอง

ในที่ตรงกลางที่ติดกำแพงนั้น บนเตียงที่มีขนาดใหญ่ ได้มีคนแก่อยู่ภายด้านใน ที่นอนอยู่บนกองฟางหญ้า และหลับอย่างสบายใจ

ที่ได้นอนมีเสียงกรนดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องขังที่เงียบสงบ สะท้อนออกไป  

เมื่อมองเห็นดังนี้ ฉินเทียนนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ในขณะเดียวกัน ภายในดวงตานั้นก็เหมือนได้มีความชุ่มชื้นขึ้น  

เขานั้นเดินเข้าไป ก่อนที่จะเอาไก่ย่างและเหล้าขาวนั้นวางไว้บนโต๊ะหิน ก่อนที่จะนั่งลงไปยังบนเตียงเล็ก ก่อนที่จะเอามือทั้งสองข้างกุมไปที่หัว แล้วนอนตัวลง

กลิ่นที่คุ้นเคย สถานที่ที่คุ้นเคย รู้สึกสบายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ที่ทำให้เขานั้นเหมือนได้ล้างฝุ่นออกไป เหมือนกับได้กลับไปยังสถานที่ดั้งเดิมและเรียบง่ายของเขา

ที่ผ่านมา ก็เป็นเพราะเตียงไม้นี้เอง ที่ทำให้ฉินเทียนนั้นได้ผ่านช่วงเวลาอันดำมืดมาได้ และเหมือนกับได้กลับมาเกิดใหม่จากเถ้าถ่านไฟอีกรอบ

เขานั้นได้หายใจออกมา ก่อนที่จะมองไปยังด้านบนของห้องขัง แล้วเอ่ยด้วยอย่างถอนใจ “มันช่างสบายอะไรเช่นนี้!”

“เถ้าแก่ ตอนนี้ข้านั้นเข้าใจแล้ว ว่าท่านนั้นทำไมถึงอยากที่จะเอาตนเองมาขังไว้ที่นี่”

“ทั่วโลกนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ไม่มีที่ไหนสบายกว่าที่นี่อีกแล้ว”