บัญชามังกรเดือด บทที่ 587 คำถามต่อไป
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียนแล้ว เตียงที่อยู่ข้างๆนั้น เดิมทีที่ได้มีลมหายใจอย่างสม่ำเสมอนั้น ในที่สุดก็หายไป
เถ้าแก่ไม่ได้ขยับ เขานั้นไม่ได้หันหน้าหาฉินเทียน นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ “ในตอนนี้เจ้ากลับมาที่นี่เพื่อทำอะไรกัน?”
“คงไม่ใช่เพราะไปทำอะไรผิดมาอีกล่ะ เลยทำให้ถูกคนอื่นจับเข้ามาที่นี่นะ!”
“นี่มันช่างทำให้ข้าคนนี้ขายขี้หน้าจริงๆ!”
ฉินเทียนยิ้มๆ“ข้าก็คิดแบบนั้นนะ หากเป็นเช่นนั้น ก็สามารถที่จะเล่นเพลิดเพลินได้เลยนะสิ”
“แต่น่าเสียดาย ชีวิตข้านั้นมันเกิดมาเพื่อทำงานหนักนะ ไม่ได้มีความโชคดีแบบเถ้าแก่หรอกนะ ”
“เซียวโผหู่ในการต่อสู้เขานั้นออกแรงสู้มากๆ ไก่ย่างที่เพิ่งออกจากเตาเมื่อเช้ายังร้อยอยู่เลย ……จะกินไม่กินล่ะ?”
“ไม่กินจะเย็นหมดแล้วนะ”
เถ้าแก่ถึงแม้ยังจะทำท่านิ่งสงบ แต่ว่ากลับอดไม่ได้ที่จะเก็บน้ำลาย และสามารถรับรู้ได้เลยว่า เขานั้นอยากกิน แต่ว่ามีความรู้สึกที่สับสนและไม่อยากเสียหน้า
ในที่สุด ความรู้สึกก็เอาชนะความมีเหตุผล เขานั้นเอ่ยไม่กล้าที่จะไปเอ่ยพร่ำอะไร “กินแล้วก็เป็นชายแกร่ง ไม่กินก็เป็นคนโง่นะสิ!”
ก่อนที่จะมีเสียงโซ่ซ่าดังออกมาไม่หยุด ในที่สุดเขานั้นก็ได้พลิกตัวขึ้นมานั่ง
สร้อยคอโซ่ที่ได้ทำออกมาสี่วงนั้น ได้ถูกสร้างตีออกมาเป็นวงกลมปลอกคอที่ทำออกมาเองสี่วง แต่ว่า สร้อยคอนั้น ได้แยกกันอยู่โดน สองอันอยู่ที่มือของเถ้าแก่ แล้วก็สองอันที่ขา
เขานั้นนั่งบนเตียง เมื่อสั่นมือ เส้นเหล็กนึกเส้นได้ปลิวขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงปัง ก่อนที่จะตีลงไปบนโต๊ะหิน
เหล้าขาวและไก่ย่างที่วางอยู่บนโต๊ะหินนั้น ที่ได้รับแรงกระแทก ต่างก็บินว่อนไปคนละทาง ก่อนที่จะตกลงมาบนมือทั้งของสองข้างของเถ้าแก่
เถ้าแก่ได้หยิบขวดเหล้า ก่อนที่จะใช้ปากเปิดขวด ก่อนที่จะยกกระดกเหล้าเข้าปาก ก่อนที่จะเอามือเช็ดปาก แล้วทำสีหน้าที่พอใจ ก่อนที่จะเอามือนั้นหยิบไก่ย่างเข้ามากัดด้วยคำใหญ่เข้าปาก
ฉินเทียนที่ได้มาเห็นดังนี้ การที่เถ้าแก่นั้นได้ใช้เหล็กในการหยิบอาหารมานี้ เขานั้นอิจฉาเป็นอย่างมาก อยากที่จะเรียนทำตาม
ไม่ว่าเขานั้นจะพยายามเรียนอย่างไร แล้วยังใช้แรงอย่างเยอะ ไม่ก็ทำให้ตีหินแตก ไม่ก็แรงไม่พอ จนทำให้อาหารนั้นตกไปอยู่บนพื้น
หลังจากที่เปลี่ยนโต๊ะหินไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ ในที่สุดเขานั้นก็ยอมแพ้กับความคิดเช่นนี้
มองไปที่เหล็กที่อยู่บนตัวของเถ้าแก่ เสื้อผ้าที่ขรุขระนั้น ภายในใจของฉินเทียนนั้น อดไม่ได้ที่จะแอบรู้สึกอึดอัด
“เถ้าแก่ ท่านนั้นไม่เห็นใจแก่ความรู้สึกของพวกเราหน่อยหรอ ถอดเหล็กนี้ออกเถอะ?”เขานั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา
จริงๆ แล้ว ไม่มีใครไปมัดเขาไว้ เพียงแต่ว่าเถ้าแก่เองนั้นอยากที่จะเอาเหล็กนั้นมาคล้องแขนและขาตนเอง ใช้คำพูดของเขาเอง เพื่อทำให้ตนเองนั้นต้องมานั่งอยู่ในคุกเช่นนี้
ส่วนคำว่า “เข้าคุก” เพียงเพราะแค่อาณาจักรมังกรนั้นที่เป็นคนทำพลังอำนาจของอาณาจักรต่างแดนนั้น เป็นกันเช่นนี้ จะทำให้
หากเถ้าแก่นั้นยินยอม ทางแดนเหนือทั้งหมดในที่นี้ ก็เลยได้สร้างคุกขังที่ใหญ่อลังการสุดหรูนี้เป็นที่คุมขังเพื่อเขา
แต่ว่าในเมื่อเถ้าแก่ยืนกรานเช่นนี้
ฉินเทียนนั้นก็สามารถที่จะพอเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของเถ้าแก่ เขานั้นกลับใจแล้วจริงๆ หรือจะพูดว่า อยู่ที่นี่ที่ไม่เห็นเดือนตะวันหรือพื้นดินเช่นนี้ เป็นการใช้วิธีที่พิเศษ ที่จะทำให้จดจำพวกพี่น้องพวกนั้น ในอดีต
สำหรับการต่อสู้ในรอบนั้น ถึงแม้เถ้าแก่จะไม่ได้เอ่ยออกจากปาก แต่ฉินเทียนนั้นก็มองออก ว่าเขานั้นรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
เขานั้นรู้สึกว่า เป็นเพราะเขาเป็นคนชี้บงการ เลยทำให้วิหารพญายมนั้นมอดดำลง และต้องเสียพี่น้องไปหลายชีวิต
เขานั้นเลยได้ขังตนเองไว้ที่นี่ ที่ปิดนั้นไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นใจนั่นเอง
สำหรับความรู้สึกผิดที่มีต่อพี่น้องนี้ ภายในใจของเขานั้นยากที่จะลืมเลือนและเหมือนได้ขังตัวเองเอาไว้ในคุก
สำหรับคำพูดของฉินเทียนนั้น เถ้าแก่นั้นไม่สนใจ ก่อนที่จะกลอกตาขาวกลิ้งไปมาใส่ ก่อนที่จะเอาเหล้าขาวนั้นกลอกไปที่ปากอีกสองอึก
เมื่อวางเหล้าลง เขานั้นก็ได้กินต่อ แต่ว่าความเร็วนั้นช้าลงเยอะแล้ว
ก่อนที่จะเอ่ยอย่างไม่เป็นทางการ“ได้ยินมาว่า เจ้านั้นได้หาฉานเจี้ยนหรอ?”
ฉินเทียนนั้นได้รีบลุกขึ้น ก่อนที่จะคุกเข่าลงข้างๆเถ้าแก่ แล้วเอ่ยยิ้ม:“ใช่เหลิ่งหยุนบอกท่านใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ไม่เพียงแต่จะมีแค่ฉานเจี้ยน อีกทั้งยังมีหวูฉางและชุยหมิงอีก ”
“อาจารย์ ข้านั้นได้ สร้างองค์กรคำสาปสวรรค์ ใหม่แล้ว ……”
สีหน้าของเถ้าแก่ ไม่ได้มีความตกใจแต่อย่างใด ก่อนที่จะเอ่ยอย่างเรียบๆ “ใช่ไหม?”
“งั้นคนอื่นๆล่ะ?”
ฉินเทียนเอ่ยไม่ออก ว่าได้หาฉานเจี้ยนและคนอื่นๆ การสร้างองค์กรคำสาปสวรรค์ใหม่ นั้นก็นับว่าเป็นข่าวดี แล้วฉินเทียนทำไมถึงไม่เคยบอกเถ้าแก่มาก่อนนะ ?
นั่นก็เพราะว่า เดิมทีเขานั้นคิดว่า ในอดีตของวิหารพญายมนั้นจะต้องมีคนรอดชีวิตอยู่อีกแน่นอน
เขานั้นได้ชื่อเสียงขององค์กรคำสาปสวรรค์นั้นกระจายออกไป ทำให้คนพวกนั้น จะต้องได้ดมกลิ่นตามลมมาหาแน่
ในความจริงแล้ว นานมาแล้ว นอกจากฉานเจี้ยน หวูฉางและชุยหมิง ก็ไม่มีคนอื่นใครมาหา
ฉินเทียนนั้นไม่อยากที่จะยอมรับความจริง แต่ว่า ความจริงนั้นก็ได้วางอยู่ตรงหน้า
แต่อาจจะเป็นเพราะว่า วิหารพญายมนั้นไม่ได้มีคนอื่นๆ อีกแล้ว ……
ดังนั้น แล้วจะให้เขานั้นเอ่ยปากกับเถ้าแก่อย่างไร?
ไม่คิดว่าเหลิ่งหยุนนั้นจะมาที่นี่ แล้วก็ข่าวพวกนี้ได้บอกกับเถ้าแก่ไปแล้ว
ตอนนี้เขานั้นได้เอ่ยถาม ฉินเทียนนั้นจึงได้แค่ทำสีหน้ากลั้นกลืน
ภายในใจของเถ้าแก่นั้นได้มีคำตอบไว้นานแล้ว แต่เขา ใครๆ ก็มีความหวัง ว่าหากจะมีเรื่องความเป็นไปได้เกิดขึ้นบ้าง แต่ว่าเมื่อเงียบรอสักครู่หนึ่ง ฉินเทียนนั้นยังไม่ยอมเอ่ยพูดอะไร
เขานั้นรู้สึกได้เหมือนกับได้รับการโจมตีซ้ำ สีหน้านิ่งลง ก่อนที่จะกินดื่มอาหารคำใหญ่เข้าไปอีก
ฉินเทียนนั่งลงบนเตียง แล้วก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไรดี เขาทราบดี ว่าเถ้าแก่นั้นมีเรื่องอยากที่จะจัดการกับปัญหาผมชีวิตในใจของเขา
ในตอนนี้เอง ไม่ว่าคำปลอบโยนใดๆนั้นก็ไม่ได้จำเป็นอีก เขาจึงได้นั่งอยู่เงียบๆข้างๆไป
ผ่านไปเนิ่นนาน ความเร็วในการดื่มกินของเถ้าแก่นั้นก็ลดลง ก่อนที่สีหน้านั้นจะค่อยๆอ่อนลง
เขาเอ่ยเสียงสั่นพร่า“เอ่ยมาเถอะ มาหาข้ามีเรื่องอะไรกัน”
“หากเจ้าไม่ยอมเอ่ย อีกสักพักข้าจะไปนอนต่อแล้วนะ”
“ไม่เป็นไร……”ฉินเทียนนั้นรีบเอ่ย “ในรอบนี้ที่มานั้น แค่คิดถึงอาจารย์นะ มาดูท่านอาวุโสที่นี่เป็นพิเศษเลยนะ——”
เถ้าแก่กลอกตาแล้วเอ่ย “พูดภาษาคนสิ”
ฉินเทียนนั้นยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ย “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็หลบไม่พ้นนายท่านผู้อาวุโสนะสินะ——”
“รอบนี้ที่มา นอกจากที่จะมาดูท่านผู้อาวุโสแล้ว ยังมีคำถามอยากจะถามท่านสักหน่อย”
เมื่อมองเห็นเถ้าแก่นั้นพยายามที่ตั้งใจฟัง เขานั้น พึมพำแล้วเอ่ยอย่างระมัดระวัง “คำถามแรกคือ”
“ข้านั้นยังสงสัย ในปีนั้นที่ส่งข้ามาที่นี่ คนๆนั้นคือใครกัน?”
เถ้าแก่“คนคนนั้นตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะบอกเจ้าได้——คำถามต่อไป”
ฉินเทียนนั้นมีสีหน้าหมดคำที่จะพูด
ในปีนั้นเขานั้นได้ถูกตีจนแขนขาหัก หลังจากที่โดนทิ้งที่หลงเจียง ใครกันที่ช่วยชีวิตเขาขึ้นมา อีกทั้งยังส่งมาที่นี่ แล้วให้เถ้าแก่ช่วยรักษากัน?
เมื่อเอ่ยแล้ว คนๆนั้น เขานั้นเขาถึงคือคนผู้มีพระคุณต่อเขาจริงๆ
อีกทั้ง แต่นอนว่าต้องมีความสัมพันธ์กับเถ้าแก่แน่ๆ ถึงรู้ว่าเถ้าแก่สามารถที่จะรักษาตนเองได้ ไม่อย่างงั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องส่งมาที่นี่
สำหรับตัวตนของคนๆนั้น หลายปีมานี้ ฉินเทียนนั้นอยากทราบมาโดยตลอด
แต่ว่าเถ้าแก่นั้นก็เอ่ยคลุมเครือมาโดยตลอดที่ผ่านมา
หากเมื่อเขาไม่เอ่ยมากเท่าไหร่ ฉินเทียนนั้นก็ยิ่งสงสัยเพิ่มขึ้น เขาจะรู้ วันนี้เมื่อถาม ก็โดนเอ่ยปฏิเสธไปสะแล้ว
ฉินเทียนรู้ว่าหากเมื่อเถ้าแก่นั้นไม่พูด ไม่ว่างอย่างไร ก็ไม่มีใครที่จะสามารถมาง้างปากของเขาได้ เลยทำได้แค่ยกเลิกความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปได้เลย
“คำถามต่อไปก็คือ——”
เขานั้นมองไปที่เถ้าแก่ ก่อนที่จะถามอย่างลังเล “ในปีนั้นคนที่จับคุณขึ้นมานั้น คือหัวหน้าของมังกรซ่อนรูป เฒ่าหัวมังกร ใช่ไหม ?”
“เกี่ยวกับเฒ่าหัวมังกร ท่านรู้จักเขามากเท่าไหร่ล่ะ?”
สีหน้าของเถ้าแก่นั้นเริ่มแดงขึ้น เหมือนเด็กที่โกรธเล็กน้อยแล้วเอ่ย “เจ้าเด็กน้อยนี่มาหาข้าเพื่อทำให้ข้าไม่มีความสุขใช่ไหม?”
“คำถามต่อไป!”
ฉินเทียนนั้นแอบเขินเล็กน้อยไม่กล้าเกรงว่าจะโดนทุบตี ก่อนที่จะค่อยๆแอบไปซ่อนตัวอยู่ด้านข้าง
เขานั้นทราบดี ทั้งชีวิตของเถ้าแก่ที่มีชื่อเสียงและความกล้า ในสุดท้ายแล้วกลับถูกคนจับหาว่าเป็นฆาตกร แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่ไม่ยินยอมและเป็นคราบสกปรกที่ติดไว้อีก
อย่างน้อยก็อธิบาย ความสามารถของเขานั้นไม่เหมือนดั่งเฒ่าหัวมังกรนั่น
ตอนนี้เรื่องเก่านั้นเอามาเอ่ยใหม่ นั้นเหมือนกับว่าเอาข้อบกพร่องของเถ้าแก่มาเล่า