ตอนที่ 941 ขอสัมภาษณ์
เมื่อหยางโปเห็นหญิงสาวจ้องมองหลูตงซิงตาเขม็ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันไปขยิบตาให้หลูตงซิง
หลูตงซิงก็นิ่งไปเล็กน้อย “ ทำไมมีอะไร ? ”
เวลานี้ลิฟต์หยุดลงพอดี ถึงชั้นที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่พอดี แต่เธอกลับยังคงจ้องมองหลูตงซิงตาไม่กระพริบ “ สวัสดีค่ะ คุณคือเถ้าแก่หลูใช่ไหม ? ”
หลูตงซิงหันมามองหน้าอีกฝ่าย พยักหน้ายิ้มและตอบกลับไปว่า “ สวัสดีครับ ผมหลูตงซิง ”
ผู้หญิงดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ถึงกับลืมที่จะออกจากลิฟต์ “ คุณหลู สวัสดีค่ะ ! ฉันเหอจี ทำงานอยู่ที่สำนักข่าว ฉันนับถือคุณมาก ฉันเป็นแฟนคลับของคุณเลยนะ ”
หลูตงซิงถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว “ ผมไปมีแฟนคลับตั้งแต่เมื่อไรกัน ? ”
เหอจีฉีกยิ้มให้ “ คุณหลู คุณให้ช่องทางติดต่อกับฉันไว้ได้ไหม ? ฉันขอสัมภาษณ์คุณสักครู่ได้หรือเปล่า ? ”
หลูตงซิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า “ คุณผู้หญิง ผมไม่ได้อยากจะปฏิเสธจริงๆนะ แต่ผมไม่มีเวลาจริงๆ ”
เหอจีตกตะลึง หันไปมองหน้าหยางโป “ คุณผู้ชายท่านนี้ คุณจะสอนคุณหลูทำอะไร ?
ขอเวลาฉันสักครู่ได้ไหม ? ขอเวลาให้ฉันสักครึ่งชั่วโมงสักหน่อยได้ไหม ? ”
หยางโปฉีกยิ้มส่งให้ “คุณผู้หญิง เรื่องที่จะขอสัมภาษณ์ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม แต่ขึ้นอยู่กับคุณหลู ”
“ ติ้ง ” เสียงดังขึ้น ลิฟต์ก็ได้หยุดลงอีกครั้ง หลูตงซิงรีบเดินออกไป “ เร็วเข้า เร็วๆหน่อย ”
หยางโปหันไปส่งยิ้มให้เหอจีอย่างช่วยไม่ได้ “ คุณดูสิ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมเลย ”
พอพูดจบ หยางโปก็เดินออกไป
เหอจีเดินตามไปอย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยปากพูดไปด้วย “ คุณหลู แค่รบกวนเวลาครู่เดียว ไม่นานเลยค่ะ ”
หยางโปเปิดประตู และเดินเข้าไป หลูตงซิงก็เดินตามหลังมา เขาขวางเหอจีเอาไว้ “ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาเลย เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อาทิตย์หน้าพวกเรานัดกันสักหน่อย อาทิตย์หน้าผมพอมีเวลาว่าง ผมจะต้องไปหาถึงที่แน่นอน ”
พอพูดจบ หลูตงซิงก็เดินเข้าไปในห้อง แม้แต่ชื่อของหญิงสาวก็ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะถาม
หญิงสาวยืนกระทืบเท้าไปมาอยู่หน้าประตู สายตาจับจ้องไปที่ประตูห้อง พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ ในอนาคตฉันจะต้องทำให้พวกคุณมาขอร้องให้ฉันสัมภาษณ์ให้ได้แน่ ”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่หญิงสาวก็ยังคงรออยู่ด้านนอก
เมื่อหยางโปทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้อง หลูตงซิงก็แทบอดทนรอไม่ไหวที่จะนำคัมภีร์ลับออกมา และหันไปถามกับหยางโปว่า “ ประโยคแรกหมายความความว่าอะไรกันแน่ ? ”
หยางโปไม่พูดอะไรมาก เขารับคัมภีร์ลับมา และวางมันลงไปบนโต๊ะ “ ผมจะอธิบายให้คุณฟังก่อนรอบหนึ่งถึงสาเหตุในการบำเพ็ญเพียรพื้นฐานของเรา ”
หยางโปอธิบายให้ฟังทั้งช่วงเช้า จากนั้นเขาก็มองดูเวลา และหันไปพูดกับหลูตงซิงว่า
“ พวกนี้ก็พอประมาณแล้ว คุณฟังแล้วพอที่จะเข้าใจไหม ? ”
หลูตงซิงถือปากกาไว้จดทุกอย่างที่หยางโปบอกตลอด เขาพยักหน้าและพูดว่า
“ ก็เกือบหมดแล้วนะ ฟังที่นายอธิบายให้แบบนี้แล้ว ฉันคิดว่า ต่อจากนี้ฉันคงสามารถบำเพ็ญเพียรด้วยตัวเองได้แล้ว ”
หยางโปส่ายหน้า “ คุณอย่าได้ใจไป และอย่าได้ใจร้อนที่จะฝึกฝน คุณต้องรู้เรื่องหนึ่งไว้ว่าถ้า ต้องการแต่ความเร็ว ไม่ดูประสิทธิผล จะทำให้ยิ่งไม่บรรลุเป้าหมาย การฝึกฝนก็เช่นเดียวกัน
ถ้าเดินทางผิด ก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ! “หลูตงซิงพยักหน้า “ อืม ฉันเข้าใจแล้ว ”
“ ไม่ต้องรีบร้อนเกินไป คุณต้องสัมผัสพลังให้ได้ก่อน รอจนคุณมีพื้นฐานที่แน่นอนแล้ว ผมจะใช้โสมคนพันปี มาเตรียมไว้เพื่อดึงพลังให้คุณ ” หยางโปกล่าว
ได้ยินแบบนั้นหลูตงซิงก็ตื่นเต้นไม่น้อย “ ดี ดี ดี ! ”
หลังจากพูดเตือนสติหลูตงซิง หยางโปถึงได้เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ ช่วงบ่ายผมนัดกับฮัวชิงหยุนไว้ ไม่เชิญคุณไปกินข้าวด้วยแล้ว ”
หลูตงซิงหัวเราะออกมา “ ไม่เป็นไร นายมีธุระก็รีบไปเถอะ ! ”
เมื่อทั้งสองเดินออกประตูมา ก็เห็นผู้หญิงที่เจอเมื่อตอนเช้า ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู และรีบเดินปรี่เข้ามาหา “ คุณหลู สวสดีค่ะ คุณพอมีเวลาไหม ? ฉันอยากเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ ! ”
หลูตงซิงหันไปมองหน้าอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “ คุณผู้หญิง ต้องขอโทษด้วยจริงๆวันนี้ผมไม่มีเวลาจริงๆ รอครั้งหน้าก็แล้วกันนะ ! ”
เหอจีชักสีหน้าขึ้นมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยืนหยัดที่จะพูดต่อ “ คุณหลู กิจการของบริษัทคุณนับวันยิ่งเยอะขึ้น ชื่อเสียงก็ยิ่งโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ การให้สัมภาษณ์เยอะๆก็จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิสัมพันธ์ให้แก่บริษัทด้วยนะ ! ”
หลูตงซิงฉีกยิ้มให้ “ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเงินน้อยนิดนี้ ! ”
เหอจีถึงกับนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับมหาเศรษฐีแบบนี้
พูดถึงเรื่องเงินมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“ คุณหลู คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้ ! ” เหอจีเดินตามหลังทั้งสองและตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
หลูตงซิงไม่สนใจอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ เขาเดินตรงเข้าลิฟต์ไปเลย
เหอจีก็ยังคงเดินตามหลังมา “ คุณหลู แบบนี้เอาไหม ฉันเอานามบัตรของฉันให้คุณ ถ้าเมื่อไรที่คุณมีเวลา ติดต่อฉันมาได้เลย ”
หลูตงซิงถึงยอมรับนามบัตรของอีกฝ่ายมา และหันไปพยักหน้าให้อีกฝ่าย “ ผมจะรับพิจารณาเรื่องนี้ไว้ ถึงแม้ผมจะไม่มีเวลาให้สัมภาษณ์ แต่ผมก็จะให้คนในบริษัทติดต่อกลับไปหาแน่นอน ”
เหอจีถึงได้เลิกตามตื้อทั้งสองคน แต่เธอกลับถือโอกาสนี้หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหาบรรณาธิการ
“ บรรณาธิการ ฉันพบข่าวใหญ่หนึ่งเข้าให้แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะพบเขตที่อยู่ของเรา ฉันเจอกับหลูตงซิง ! ” ทันทีที่โทรติด เหอจีก็แทบอดทนรอไม่ไหวที่จะเล่าให้ฟัง
บรรณาธิการรู้สึกไม่ค่อยที่จะเข้าใจ “ เจอแล้วยังไง ? ”
“ บรรณาธิการ คุณไม่คิดที่จะเชิญเขามาสัมภาษณ์สักหน่อยเหรอ ? วันนี้ฉันพูดกับเขาไปหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมตอบตกลง แต่ท้ายที่สุดก็รับนามบัตรฉันเอาไว้ บอกว่าจะจัดการเรื่องที่จะให้สัมภาษณ์ ” เหอจีกล่าว
“ ต่อให้รับไว้แล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะยอมให้สัมภาษณ์นะ ? ”บรรณาธิการตอบมาด้วยความลังเล
เหอจีหัวเราะและพูดต่อว่า “ ถึงแม้เขาจะไม่ยอม แต่วันนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ข้างกายเขา ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก หลูตงซิงถึงขั้นขอร้องให้อีกฝ่ายสอนบางอย่าให้ ฉันคิดว่า
ถ้าสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชายหนุ่มคนนั้นได้ จะต้องได้สัมภาษณ์อย่างแน่นอน ”
“ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ? หลูตงซิงสร้างเนื้อสร้างตัวมาเองมือเปล่า หรือว่าจะเป็นลูกชายนอกสมรสของเขา ? ” บรรณาธิการกล่าว
เหอจีจึงตอบกลับไปว่า “ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร ฉันเชื่อว่า ต้องหนีไม่พ้นเงื้อมมือของฉันไปได้แน่ๆ ”
หยางโปรีบมาถึงที่ด้านนอกของมหาลัย นำรถไปจอดและเดินมาที่ด้านล่างหอพักทันที จากนั้นถึงได้โทรหาฮัวชิงหยุน เมื่อฮัวชิงหยุนรับสายก็รีบเดินลงมาจากหอพักทันที
เมื่อเจอกับหยางโป เห็นได้ชัดว่าฮัวชิงหยุนก็รู้สึกตื่นเต้น เธอจ้องมองหยางโปผ่านไปสักพักถึงได้เอ่ยปากพูดออกมา “ นายมาแล้วเหรอ ? ”
หยางโปพยักหน้าให้ “ ฉันมาแล้ว พวกเราไปนั่งเล่นข้างนอกกันไหม ? ”
ฮัวชิงหยุนพยักหน้า และเดินตามหยางโปออกไป เธอเอาแต่ก้มหน้า ดูแล้วเหมือนกับภรรยาตัวน้อยที่กำลังเขินอายอยู่
เมื่อเดินตามหยางโปออกมาด้านนอก ทั้งสองก็หาร้านกาแฟแห่งหนึ่งนั่ง
ฮัวชิงหยุนสวมเสื้อสีขาว ท่อนล่างสวมกระโปรงลูกไม้สีชมพู ดูสดใสและงดงาม เธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟแต่แค่พริบตาเดียวก็ดึงดูดสายตามากมาย
“ สองวันมานี้เธอไปสถานีตำรวจมาใช่ไหม ? ”หยางโปถาม
ฮัวชิงหยุนนิ่งอึ้งไปสักพัก แต่ก็ยังพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “ ฉันไปมารอบหนึ่ง แค่ไปเยี่ยมเท่านั้น ”
หยางโปไม่ได้พูดอะไร นั่งอยู่ตรงข้ามและคนกาแฟไป
ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโป ด้วยสีหน้าท่าทีที่ซับซ้อน “ เรื่องเมื่อครั้งก่อน ฉันรู้แล้วว่าทำผิด
เป็นเพราะฉันที่คิดผิดไป ”