ตอนที่ 942 รู้สึกว่าคุณคุ้นตา

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 942 รู้สึกว่าคุณคุ้นตา

 

หยางโปนั่งอยู่ตรงข้ามฮัวชิงหยุน “ เธอคิดว่าเธอผิดที่ตรงไหน ? ”

 

ฮัวชิงหยุนมีอาการลังเลเล็กน้อย “ พฤติกรรมของพวกเขาเวลานั้น อันตรายเกินไปจริงๆ ไม่ควรที่จะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแบบนั้น ”

 

หยางโปจ้องหน้าฮัวชิงหยุน หลังจากผ่านไปสักพัก ถึงได้ส่ายหน้าและเอ่ยขึ้นมาว่า

“ ใจของเธอไม่ได้คิดแบบนี้ ”

 

ฮัวชิงหยุนจึงหันไปมองหน้าหยางโป “ ในเมื่อนายรู้ว่าฉันคิดยังไง แล้วทำไมยังลังเลกับปัญหานี้อยู่อีกล่ะ ? ”

 

หยางโปจ้องมองฮัวชิงหยุน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “ ก่อนหน้านี้ เธอเคยบอกกับฉันมาก่อนว่าอยากออกไปดูโลกภายนอกกลับฉัน แต่เธอต้องรู้ให้แน่ชัดเรื่องหนึ่งก่อนว่า โลกภายนอกนั้นมีแต่อันตราย แล้วฉันก็เคยถูกไล่ฆ่าและเคยเจอกับการปล้นจี้มาก่อน ทุกครั้งต่างก็เดินอยู่บนเส้นแห่งความตายเสมอ ”

 

“ วันนั้น ฉันขับรถกันกระสุนมา สำหรับเธอแล้ว มันคงเป็นการสิ้นเปลือง เธอคงคิดแน่นอนว่า สถานที่แบบจินหลิงที่ปลอดภัยออกขนาดนี้ สถานที่ที่ไม่ต้องมาคำนึงถึงว่าจะมีอันตรายอะไร

 

แต่คิดไม่ถึงว่าฉันยังจะขับรถกันกระสุนมาอีก นี่มันเป็นการสิ้นเปลืองเอามากๆ ! แต่สำหรับฉันแล้ว นี่มันไม่ใช่การสิ้นเปลือง ฉันแค่ต้องการปกป้องตัวเองและปกป้องความปลอดภัยของคนที่อยู่ข้างกายฉันเท่านั้น ! ”

 

ฮัวชิงหยุนมองหน้าหยางโปตาไม่กระพริบ ด้วยสีหน้าที่ประทับใจ ดูเหมือนเธอจะจินตนาการไม่ถึงประสบการณ์ที่หยางโปได้ประสบพบเจอมา เธอไม่เคยคิดถึงเลยด้วยซ้ำ ว่าหยางโปจะพบเจอกับเรื่องมากมายขนาดนี้ “ นายอยู่ข้างนอก เคยถูกตามไล่ฆ่ามาด้วยเหรอ ? ”

 

หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ไล่ฆ่า ! แบบถือมีด ถือปืน มีดจริง ปืนจริง แล้วก็ตายจริงๆ ! ในสถานการณ์แบบนั้น ถ้ามีเมตตากับศัตรู ก็เปรียบเสมือนการไม่รู้จักรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเอง ! ”

 

“ ฉันผิดไปแล้ว ! ” ฮัวชิงหยุนจ้องมองหยางโป เหมือนจะเข้าใจเหตุผลทั้งหมดที่หยางโปทำไปแบบนั้นแล้ว

 

หยางโปพยักหน้า “ ตอนนี้ในเมื่อเธอก็รู้แล้ว ว่าการที่ติดตามไปกับฉัน อาจจะพบเจอกับเรื่องราวมากมาย แล้วเธอยังจะยอมไปกับฉันอยู่อีกไหม ? ”

 

“ ฉันยินยอม ! ” ฮัวชิงหยุนตอบ “ ฉันอยากไปกับนาย ! ”

 

หยางโปหัวเราะดังออกมา ในที่สุดทั้งสองก็คืนดีกันและกลับไปเป็นเหมือมเดิมแล้ว ทั้งสองมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่แตกต่างกัน ทำให้ทั้งสองเกิดการเข้าใจผิดกันขึ้น เมื่อสามารถปรับความเข้าใจกันได้และเข้าใจซึ่งกันและกัน มันก็น่าจะเข้ากันได้ดีกว่าแต่ก่อน

 

แสงอาทิตย์ยามบ่ายค่อนข้างเจิดจ้า ทั้งสองนั่งพูดคุยกันอยู่ในร้านกาแฟ

 

พอดีกับเวลานี้มีสายโทรเข้ามาจากชุยอี้ผิง เขาโทรมาแจ้งว่าพาหงซิ่วซิ่วมาถึงสนามบินแล้ว

 

หยางโปจึงพาฮัวชิงหยุนไปรับชุยอี้ผิงทั้งสองคนที่สนามบิน

 

“ ทำไมนายถึงมีเวลามา ? ” หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิง และถามออกมาอย่างสงสัย

ชุยอี้ผิงที่ทำหน้าที่ขับรถ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “ เถ้าแก่อย่างนายยังมีเวลาจีบสาวเลย

 

หรือว่าผู้จัดการตัวเล็กๆคนนี้จะหาเวลาว่างไม่ได้บ้างหรือไง ? ”

 

พอพูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะ

 

หญิงสาวทั้งสองแอบกระซิบกระซาบกันอยู่หลังรถ ทางด้านหยางโปกับชุยอี้ผิงก็พูดคุยกัน

 

“ ตอนนี้บริษัทกำลังขยายธุรกิจในจินหลิง อู๋เฉียงและกงเสี่ยวเจิ้ง จะมาดำเนินการโปรโมตภาพยนตร์ที่จินหลิง ดังนั้นฉันเลยต้องรีบมาเตรียมการล่วงหน้าน่ะ ” ชุยอี้ผิงกล่าว

 

“ ภาพยนตร์ถ่ายทำเสร็จแล้วเหรอ ? ทำไมเร็วขนาดนี้ ? ” หยางโปรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ

 

ชุยอี้ผิงงส่ายหัว “ ยัง จะเร็วขนาดนั้นได้ยังไง ? ถ่ายทำไปได้แค่ครึ่งเดียวเอง พอดีว่ามีรายการยอดฮิตทางนี้ ฉันเลยส่งพวกเขาสองคนมาเข้าร่วมเป็นสีสันน่ะ ”

 

“ รายการยอดฮิตสามารถจัดการได้ตามอำเภอใจแล้วงั้นเหรอ ? ” หยางโปหันมองไปทางชุยอี้ผิง

 

ชุยอี้ผิงหัวเราะ “ พูดไม่ได้เลยว่า วิธีการสอนของนายมีประโยชน์จริงๆ ฉันใช้มันไปสองครั้ง

 

พวกเขาก็กุลีกุจอมาเชิญฉันไปร่วมงานแล้ว ! ”

 

“ ใช่ไหม ฉันบอกแล้วไง พวกเราไม่ได้ไปขโมยใครมา และยิ่งไม่ได้ไปปล้นจี้ใครมา ก็แค่ใช้ประโยชน์จากสถานะของตัวเองเท่านั้น โดยเฉพาะทรัพยากรบางอย่าง ถ้าใช้ประโยชน์อย่างสมเหตุสมผล มันก็จะมีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น ! ” หยางโปหัวเราะพร้อมทั้งพูดไปด้วย

 

ชุยอี้ผิงอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

 

เพราะทั้งสองคนยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง หยางโปก็พาพวกเขาทั้งสองมาสั่งอาหารที่โรงแรมเลย

 

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและสนิทสนมกัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดื่มเหล้า ทุกคนอยู่คุยพูดเล่นกันไม่กี่คำ ก็เริ่มลงมือกินข้าวอย่างเป็นอิสระไม่มีข้อผูกมัดใดๆ

 

“ คืนนี้นายพอจะมีเวลาว่างไหม ? ” ชุยอี้ผิงเอ่ยปากถาม

 

หยางโปหันไปมองเขา “ ทำไม ? มีธุระอะไรเหรอ ? ”

 

ชุยอี้ผิงพยักหน้า “ เจ้าภาพสำนักพิมพ์ทางนี้เชิญฉันไป ฉันเลยถือโอกาสจะพานายไปด้วย

 

นายช่วยฉันสาธิตเป็นแบบอย่างให้ฉันดูอีกครั้งสักหน่อยนะ ! ”

 

หยางโปอดหัวเราะไม่ได้ “ นายนี่มันไม่ยอมลดตัวลงเลยนะ ”

 

หลังจากกินข้าวอิ่ม หยางโปก็ไปส่งฮัวชิงหยุนกลับบ้านก่อน จากนั้นถึงได้พาฮัวชิงหยุนทั้งสองคนกลับมาที่บ้าน

 

เมื่อเข้ามาในบ้านหยางโป หงซิ่วซิ่วก็อดที่จะมองซ้ายมองขวาดูไม่ได้ “ ที่นี่ตกแต่งได้ไม่เลวเลยนะคุณเข้าใจออกแบบตกแต่งมากเลยทีเดียว ”

 

หยางโปฉีกยิ้ม อดที่จะรู้สึกภาคภูมิใจไม่ได้ “ ห้องนี้ผมไม่ใช่คนออกแบบตกแต่ง ผมใช้เงินโบราณเหรียญหนึ่งแลกมาน่ะ ”

 

“ ใช้เงินโบราณเหรียญหนึ่งแลกมา ? ” ชุยอี้ผิงตกใจมาก ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย

 

หยางโปพยักหน้า “ ใช่ ฉันใช้เงินเหรียญหนึ่งแลกมา ”

 

ชุยอี้ผิงเดินไปมาในห้องรอบหนึ่ง ทำการคำนวณประมาณพื้นที่ทั่วไป สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจ “ ทำเอาคนอิจฉาเลยจริงๆ ทำไมเรื่องดีๆแบบนี้ไม่ตกมาที่ฉันบ้างนะ ? ”

 

“ พอแล้ว คุณพูดหลายรอบแล้ว มันก็ตามนี้แหละ ” หงซิ่วซิ่วพูดพร้อมกับยิ้มไปด้วย

ชุยอี้ผิงส่ายหน้า “ ฉันก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี ! ”

 

ทำเอาหยางโปถึงกับหัวเราะออกมา แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก “ ฉันยังมีวิลล่าอยู่อีกหลังหนึ่งอยู่ที่เขตชานเมือง ไม่ค่อยได้ไปพัก ฉันสามารถเอากุญแจให้พวกนายได้ ครั้งหน้าถ้าพวกนายมา

 

ก็ไปพักผ่อนกันที่นั่นได้ ”

 

ชุยอี้ผิงกำลังจะตอบรับ แต่หงซิ่วซิ่วกลับปฏิเสธไปว่า “ ไม่ต้อง ไม่ต้อง ”

 

“ วันหลังถ้าฉันมาทำงานที่จินหลิง อาจจะได้ใช้ ! ” ชุยอี้ผิงเอ่ยปากคัดค้าน

 

แต่ทางด้านหงซิ่วซิ่วยังคงส่ายหน้า “ จะให้คุณมีความคิดอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว ถ้าเกิดคุณแอบเลี้ยงดูอีหนูไว้ในบ้านล่ะ ? ”

 

“ จะเป็นไปได้ไง ? ” ชุยอี้ผิงรีบพูดค้านออกมาทันที

 

หยางโปหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้เอากุญแจให้ชุยอี้ผิงด้วย

 

เมื่อทั้งสองเก็บของเข้าที่แล้ว ทุกคนก็มานั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่ห้องรับแขกกันสักพัก หยางโปก็ได้โทรสั่งอาหารเย็นมา เพราะตอนเย็นเขาต้องไปงานเลี้ยงกับชุยอี้ผิง ดังนั้นอาหารทั้งโต๊ะจึงสั่งมาให้หงซิ่วซิ่ว

 

เมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว หยางโปทั้งสองคนถึงได้ลุกขึ้น และพากันขับรถไปที่โรงแรม

 

เมื่อมาถึงห้องวีไอพี ผู้คนก็นั่งกันเต็มห้องแล้ว มีทั้งนักแสดงและเถ้าแก่ของทางนี้อยู่ ชุยอี้ผิงจึงเดินไปจับมือกับเถ้าแก่สองสามคนนั้นและเอ่ยปากแนะนำหยางโปให้รู้จัก

 

“ ท่านนี้คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเราชุยอี้โป ! ”

 

เถ้าแก่สองสามคนนั้นเข้ามาจับมือทักทายด้วยความกระตือรือร้น มีหนึ่งในนั้นที่หันมาถามกับเขาว่า “ ทำไมผมรู้สึกว่าเขาดูคุ้นตามากเลยนะ ? ”

 

หยางโปหัวเราะ “ ผมเป็นผู้ถือหุ้นของโรงประมูลจินหลิงชุน พวกเราอาจจะเคยเจอกัน ”

 

“ โรงประมูลจินหลิงชุน ? อ้อ ผมนึกออกแล้ว พวกเราเคยพบกันที่นั่น คุณคืออาจารย์หยางที่ทำหน้าที่พิสูจน์ยืนยันโบราณวัตถุใช่ไหม ? ” คนคนนั้นถามต่อ

 

หยางโปพยักหน้า “ พวกคุณเรียกผมว่าหยางโปก็ได้ ”

 

“ อ้อ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง ! ผมก็รู้จักชื่อของคุณเหมือนกัน ! ” มีอีกคนหนึ่งพูดคล้อยตาม

 

“ ผมจำได้ว่าเหมือนจะมีร้านโบราณวัตถุอยู่ เหมือนว่าผมจะเคยซื้อของจากร้านของคุณด้วยนะ ! ”