ตอนที่ 1591

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,591 : วันประลอง มาถึงแล้ว…

 

“เกิดอะไรขึ้น!? ไฉนเหนียนเอ้อถึงมาตายที่นี่ได้!?”

 

อาวุโสสูงสุด หานซิ่น กล่าวถามออกมาเสียงเข้มขณะมองไปยังข้ารับใช้ของหานจิ้นเหนียนที่คุกเข่าอยู่ข้างชิงหนู

 

ถึงแม้ว่าสุนัขรับใช้ที่คุกเข่าอยู่จะร่างสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัวเพราะถูกหานซิ่นจ้องมา จนอยากจะแต่งเรื่องราวให้พ้นภัยย แต่สุดท้ายมันก็ทำได้แค่กล่าวเล่าความจริงออกมาทั้งหมดไม่กล้าใส่สีตีไข่อะไร เพราะนึกถึงคำขู่ของชิงหนู!

 

ก่อนอื่นเลยมันก็บอกถึงเรื่องที่หานจิ้นเหนียนคิดปลุกปล้ำย่ำยีสตรีตั้งครรภ์อันเป็นแขกของหานเฉวี่ยไน่ เพราะมันมิเคยลองกับสตรีมีครรภ์มาก่อน…ทว่ากลับไร้โอกาสจนถึงวันนี้! ยังกล่าวบอกเรื่องที่พวกมันอาศัยจังหวะตอนพวกหานเฉวี่ยไน่ไม่อยู่ ให้คนอื่นล่อชิงหนูออกไป จะได้ก่อการสะดวก…

 

เรียกว่ามันกล่าวเล่าเรื่องราวออกมาจนหมดเปลือก

 

พอได้ยินวาจาที่สุนัขรับใช้หานจิ้นเหนียนกล่าวออกมา ผู้พิทักษ์ซ้ายขวาของคฤหาสน์คลื่นขจีอดไม่ได้ที่จะกระพริบตาปริบๆ ต่างหันมามองหน้าสบกันเองด้วยสายตาแปลกประหลาด

 

หากเรื่องเป็นเช่นนี้…มิใช่ว่าหานจิ้นเหนียนมันหาเรื่องตายเองหรือ?

 

บางทีหานจิ้นเหนียนคงไม่คิดไม่ฝันว่าสตรีนางนั้นจะมียอดฝีมือลอบคุ้มครองอย่างลับๆ หาไม่แล้วคงไม่หาญกล้าถึงเพียงนี้!

 

ใบหน้าหานซิ่นสะท้านไปทันใด ยังเปลี่ยนสีสลับกลับกลายไปมาค่อยมืดคล้ำ

 

แน่นอนว่ามันย่อมรู้นิสัยและสันดารของหลานชายมันดี อย่างไรก็ตามด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นหลานชายคนเดียวของมัน ตัวมันจึงตามใจอีกฝ่ายนัก และไม่เคยดุด่าว่าร้ายอะไรเลย

 

อนิจจาตอนนี้ดูเหมือนเพราะความมากราคะของหลานมัน กลับทำให้หลานมันประสบหายนะ…

 

“ชิงหนู ลี่เฟยผู้นั้นที่เป็นแขกของหานเฉวี่ยไน่…เจ้ารู้ความเป็นมาของนางหรือไม่?”

 

หานซิ่นมองชิงหนูเขม็ง จี้ถาม

 

“อาวุโสสูงสุด ภูมิหลังของนางข้าพอรู้มาบ้าง…แต่สำหรับผู้ที่มาพาตัวนางไปข้ามิรู้อันใดเลย กระทั่งคุณหนูก็ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

ชิงหนูตอบ

 

“ผู้ที่พาตัวนางไปเรียกหานางว่า ฮูหยินของนายน้อย…เจ้าควรรู้ว่าบุรุษของนางเป็นผู้ใดใช่หรือไม่?”

 

หานซิ่นยังคงจี้ถามเสียงเข้ม

 

“บุรุษของนางเรียกว่าต้วนหลิงเทียน มาจากทวีปเมฆาล่อง…ก่อนหน้านี้เขากล่าวว่าบิดาของเขาสมควรอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เรื่องนี้ข้าเองก็ได้ยินมาจากคุณหนูเฉวี่ยไน่อีกที สำหรับเรื่องอื่นนอกเหนือจากนี้ กระทั่งคุณหนูเฉวี่ยไน่ก็ไม่รู้แล้ว”

 

ชิงหนูกล่าสืบต่อ

 

“ต้วนหลิงเทียน?”

 

หานซิ่นพอได้ยิน แววตามันก็เปลี่ยนไปทันที ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ามันคิดอะไร

 

หลังจากนั้นไม่นานมันก็คืนสติ เก็บร่างไร้วิญญาณของหลานชายแล้วหันหลังเตรียมจากไปทันที

 

“ผู้พิทักษ์ทั้ง 2 เรื่องราวในวันนี้ ช่วยเห็นแก่หน้าข้าแล้วเก็บไว้ให้มิดชิด…ข้าไม่อยากให้ผู้ใดนินทาว่าร้ายหลานข้า อย่างไรหลานข้าก็ตายไปแล้ว!”

 

ก่อนจะจากไป หานซิ่นพลันกล่าวออกมา

 

ได้ยินคำของหานซิ่นผู้พิทักษ์ซ้ายขวาก็พยักหน้ารับคำ เห็นชัดว่าจะไม่กล่าวถึงเรื่องในวันนี้อีก

 

ฉึบ!

 

เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ และนอกจากเสียงดังกล่าว หว่างคิ้วสุนัขรับใช้ของหานจิ้นเหนียนที่คุกเข่าอยู่พลันบังเกิดหลุมโลหิตหลุมหนึ่ง ร่างมันทรุดตัวลงไปแน่นิ่งกับพื้น ก่อนที่สองตาจะไร้ประกาย เผยความไม่ยินยอมให้เห็นเด่นชัด

 

ดั่งที่มันเคยคิดเอาไว้

 

หานซิ่นไม่คิดปล่อยมันไปจริงๆ…

 

สุดท้ายนี้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้แพร่ออกไปในคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน เพราะหากเรื่องราวมันแพร่ออกไป ผู้คนคงคิดว่าหานจิ้นเหนียนสมควรตายแล้ว

 

เพราะสุดท้ายก็เป็นหานจิ้นเหนียนคิดอุบาทว์หมายทำผู้อื่นเขาก่อน…

 

หากหานจิ้นเหนียนไม่คิดอุบาทว์ ไหนเลยจะพบพานจุดจบแบบนี้

 

หานเฉวี่ยไน่ แน่นอนว่าไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์คลื่นขจีเลย

 

ตอนนี้นางพาเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และก็เสี่ยวจินมาถึงเกาะป้านเยว่ ทว่าพวกนางก็จำต้องตกตะลึงพรึงเพริด เพราะเกาะป้านเยว่นั้น ไม่มีอยู่อีกต่อไป…

 

“เกาะป้านเยว่หายไปที่ใดแล้ว?!”

 

ใบหน้าของหานเฉวี่ยไน่บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย “ตี้จิ่ว…เผ่าพันธุ์มังกรเจ้ามันตัวดีนัก กลับลงมือถึงขนาดนี้ มันไม่กลัวบาปกรรมรึไร?”

 

“มังกรแต่เดิมก็เป็นพวกใช้พลังอำนาจครอบงำผู้อื่นเสมอ…นอกจากนี้ตี้จิ่วนั่น มันก็เป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บแห่งเผ่าพันธุ์มังกร”

 

ที่มาพร้อมกันกับหานเฉวี่ยไน่กับเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ก็คือชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนหลังสัตว์ร้ายตัวมหึมา มันคือมู่อี้ เป็นดั่งบิดาคนที่สองของหานเฉวี่ยไน่ก็ไม่ปาน เพราะอีกฝ่ายนับถือเป็นพี่น้องกับบิดาของนาง

 

ในคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาย มียอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดอยู่ 3 คน

 

นอกจากอาวุโสสูงสุด กับบิดาของหานเฉวี่ยไน่แล้ว ก็มีมู่อี้ผู้นี้ที่เป็นผู้ฝึกสัตว์!

 

แถมมู่อี้ยังเป็นบิดาของสหายอันดีที่เล่นกับเฉวี่ยไน่มาตั้งแต่ยังเล็ก มู่เฉวี่ยอี

 

หลังจากที่พบว่าเกาะป้านเยว่ไม่มีอยู่แล้ว เสี่ยวจิน เสียวเฮยและเสี่ยวไป๋ก็ร้องไห้ออกมาน้ำตาไหลพราก พวกมันอยู่เกาะป้านเยว่แห่งนี้มาพักใหญ่ย่อมผูกพันไม่น้อย

 

นอกจากนี้ยังมีคนที่พวกมันไปเล่นด้วยเยอะแยะมากมาย ทั้งหมดล้วนใจดีกับพวกมันทั้งสิ้น

 

“พี่สาวเค่อเอ๋อ…”

 

เสี่ยวไป๋ร่ำไห้จนสองตาแดงก่ำ

 

เซี่ยวจินกับเสี่ยวเฮยก็คิดถึงเค่อเอ๋อและคนอื่นๆไม่น้อย

 

“พวกเราลองกลับไปทวีปเมฆาล่องกันดูก่อนเถอะ…บางที่พี่ใหญ่หลิงเทียนอาจจะย้อนกลับไปที่นั่น”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวเสนอออกมา

 

หลังจากนั้น ทั้ง 5 คนก็มุ่งหน้าไปยังทวีปเมฆาล่อง

 

ไม่ว่าจะเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หรือการไปเยือนทวีปเมฆาล่องของพวกหานเฉวี่ยไน่และเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้เลย

 

ตอนนี้เขากำลังนั่งบ่มเพาะพลัง รอให้ถึงเช้าวันพรุ่ง

 

เมื่ออรุณรุ่งของอีกวันมาเยือน อาวุโสของนิกายอัคคีล่องลอยก็มาเคาะประตู เพื่อพาต้วนหลิงเทียนและอีก 2 คนไปเยี่ยมชมนิกายอัคคีล่องลอย แน่นอนว่ายังมีแขกเหรื่ออีกมากมายที่มาจากทั่วสารทิศออกมาเดินเยี่ยมชมนิกายด้วย

 

ระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นจุดสนใจตามคาด

 

ทุกสายตาที่มองมายังเขานั้นเต็มไปด้วยความสนใจทั้งสงสัย บ้างก็ชื่นชม บ้างก็ดูหมิ่น…แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเป็นใคร ก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะ แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอยได้

 

อย่างไรก็ตามแม้สายตาทั้งหลายจะมองต้วนหลิงเทียนไม่ดี แต่ก็ไม่มีใครยั่วยุเขาเหมือนคนของนิกายคงเฉิน

 

ทั้งวันผ่านไปอย่างไร้เรื่องราว

 

“ดูเหมือนว่าฟ่งเหินกับเฒ่าชราของนิกายคงเฉินจะไม่กล้าเสนอหน้าออกมา…สะใจยิ่ง!”

 

ตลอดทั้งวันจนกลับมายังที่พักตอนเย็น พอซือถูหังไม่เห็นชายสองคนจากนิกายคงเฉินที่มาวุ่นวายเมื่อวาน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มร่าออกมาด้วยความสบายใจ

 

ได้ยินคำของซือถูหังต้วนหลิงเทียนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

 

เมื่อวานนี้อาการของฟ่งเหินที่ถูกเขาซัดทำร้ายไปมันหนักหนาแค่ไหน เขาย่อมรู้ดีกว่าใคร…

 

น่ากลัวว่าป่านนี้คงนอนเป็นผักอยู่บนเตียง!

 

อีกทั้งวันพรุ่งนี้ที่เขาจะประมือกับแม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอย น่ากลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้มาดู เพราะไม่แน่ว่าจะลุกออกจากเตียงได้!

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วนพรุ่งนี้ท่านก็จะประลองกับแม่นางเฟิ่งแล้ว ท่านกลับไปเตรียมตัวและพักผ่อนให้ดีเถอะ พวกเราไม่รบกวนท่านแล้ว”

 

หลังจากกลับมายังเรือนรับแขกที่นิกายอัคคีล่องลอยจัดให้ ซือถูหังกับซือถูโฮ่ว ก็กล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสุภาพ ก่อนที่จะแยกย้ายกันจากไป

 

ถึงแม้พวกมันจะคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะเอาชนะแม่นางเฟิ่งได้

 

แตในใจลึกๆของพวกมันก็ยังแอบหวัง ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีชัย!

 

เพราะหากการประลองในวันพรุ่งนี้เป็นต้วนหลิงเทียนที่เอาชนะได้ ไม่เพียงแต่ชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนจะเลื่องลือไปทั่วประเทศฝูเฟิง กระทั่งตระกูลซือถูเองก็พลอยได้อานิสงค์รับชื่อเสียงนี้ด้วย…เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู

 

เมื่อชื่อเสียงต้วนหลิงเทียนโด่งดังขึ้นมาในประเทศฝูเฟิง ตระกูลซือถูก็ต้องเป็นที่กล่าวขานไปทั่วเช่นกัน!

 

นี่ไม่ใช่เกียรติยศที่ขุมพลังชั้น 7 ทั่วไปจะมีได้!

 

ค่ำคืนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะบ่มเพาะในห้องอีก แต่เลือกที่จะเข้าไปบ่มเพาะบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิง 7 สมบัติ

 

เพราะ 1 คืนด้านนอก ก็เทียบได้กับเวลา 2 วันครึ่งในชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ระยะเวลา 2 วันครึ่งมากพอให้ต้วนหลิงเทียนฝึกฝนบ่มเพาะได้อีกนิด

 

เผชิญหน้ากับ แม่นางเฟิ่ง ของนิกายอัคคีล่องลอยครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่คิดประมาท

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเข้าไปบ่มเพาะฝึกฝนบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัตินั้นเอง…

 

ภายในพื้นที่ต้องห้ามของนิกายอัคคีล่องลอย ใกล้ๆกับภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ ก็ปรากฏร่างสตรีในชุดแดงเพลิงนางหนึ่ง นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศเหนือปากปล่องภูเขาไฟ

 

สตรีนางนี้นับว่างามล้ำยากจะหาผู้ใดเทียบ แม้นางจะนั่งอยู่ปากปล่องภูเขาไฟอันมีหินหลอมเหลวร้อนระอุปะทุออกมาไม่ขาด อีกทั้งหินหลอมเหลวเหล่านั้นยังคล้ายจะพุ่งขึ้นมาหานางราวถูกบางสิ่งชักนำมองไปคล้ายเวทมนตร์ก็ไม่ปาน

 

หากทว่าแม้ลาวาร้อนระอุจะสาดท่วมร่างนาง หากแต่ร่างงามกลับไม่ถูกเผาไหม้แต่อย่างใด ชุดเสื้อผ้าอะไรก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆทั้งสิ้น คล้ายลาวาร้อนเดือดเป็นเสมือนสายลมเย็นๆที่พัดผ่าน!

 

ทันใดนั้นสตรีดังกล่าวพลันลืมตา

 

อีกทั้งในแววตานางคล้ายมีประกายไฟลุกวาบ ร่างที่ลอยล่องอยู่เหนือปากปล่อง อยู่ดีๆก็ดิ่งวูบลงไปในลาวาร้อนระอุที่ปะทุอยู่ตลอดเวลา กระทั่งจมหายลงไป!!

 

หากใครมาแลเห็นภาพนี้คงอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

 

เพราะนี่แทบไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย!

 

อย่างไรก็ตามยามเมื่อลาวาพวยพุ่งปะทุออก จนเผยให้เห็นร่างในทะเลลาวา ก็พบว่านางยังอยู่ดีไม่มีแม้แต่ร่องรอยถูกเผ่าไหม้จากความร้อนอันใด อีกทั้งยังมีไอพลังสีแดงฉานจากลาวาที่ถูกนางชักนำเข้าร่างไม่หยุดหย่อน คล้ายพวกมันกำลังช่วยสตรีงามล้ำสั่งสมพลังก็ไม่ปาน!

 

ยิ่งมายิ่งเห็นไอพลังจากลาวาหลั่งไหลเข้ากายนางดั่งสายธารแดงฉานอันเชี่ยวกราด!

 

‘ร่างของเทียนหวู่ ราวกับจะเกิดมาเพื่อเคล็ดบำเพ็ญจิต ‘เหยียนหลี่’ ที่ข้าสืบทอดมามิมีผิด…นางยังประสบความสำเร็จทั้งก้าวหน้าเหนือกว่าข้าในอดีตอย่างน้อยสองเท่า!’

 

ในขณะที่สตรีที่งดงามปานเทพธิดาอัคคีกำลังบ่มเพาะพลังอยู่นั้น พลันมีสตรีโฉมงามอีกหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเหนือฟ้าไม่ไกล กำลังจับจ้องมองไปยังร่างที่จมอยู่ในลาวาพร้อมกล่าวในใจ

 

ถึงแม้จะดึกดื่นมืดค่ำ หากแต่แถวนี้ยังคงสว่างไสวไปด้วยแสงจากลาวาร้อนระอุ

 

หากมีคนของนิกายอัคคีล่องลอยมาอยู่ที่นี่สักคน ย่อมจดจำได้ว่าสตรีที่เหินลอยอยู่ผู้นี้ก็คือ สื่ออวิ๋น ประมุขนิกาย

 

‘พรุ่งนี้ก็ถึงวันประลองระหว่างเทียนหวู่กับแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูแล้ว…ถึงแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูจะแลดูเยาวว์วัย แต่มิน่าใช่คนธรรมดา’

 

พอนรึกถึงรายงานที่ได้รับทราบมาจากอาวุโส สื่ออวิ๋นพลันครุ่นคิดในใจ ‘หวังว่ามันจะเป็นหินลับมีดอันดีให้เทียนหวู่!’

 

ค่ำคืนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน แสงตะวันสีทองสาดส่องขับไล่ความมืดมิด นิกายอัคคีล่องเลยก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ศิษย์ทั้งหลายออกจากการบ่มเพาะแทบทั้งหมด

 

เพราะวันนี้ก็คือวันประลองระหว่างแม่นางเฟิ่งของพวกมันกับแขกกิตตมศักดิ์ของตระกูลซือถู ท่านต้วน! พวกมันทั้งหลายล้วนไม่มีใครอยากพลาดในการเป็นสักขีพยานของการประลองครั้งนี้!!