ตอนที่ 1592

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1592 : ที่แท้เขาเรียกว่าต้วนหลิงเทียน!

 

การประลองระหว่างแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยกับท่านต้วนแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูนั้น ถูกจัดขึ้นบนลานประลองฝ่ายนอกอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางส่วนตะวันออกของเขตนิกายอัคคีล่องลอย

 

เนื่องจากทั้งคู่อยู่ในระดับนี้ จึงไม่ต้องจัดสร้างเวทีเป็นพิเศษอะไร

 

ตั้งแต่เช้าตรู่ พื้นที่ว่างรอบๆ ลานประลองฝ่ายนอกก็คาคั่งไปด้วยผู้คน

 

นอกจากเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายอัคคีล่องลอยแล้ว ก็ยังมีแขกเหรื่อที่แห่กันมาชมดูเรื่องราวจากทั่วทุกสารทิศ เรียกว่าแทบจะทุกขุมพลังล้วนส่งผู้คนมาสังเกตการณ์

 

แน่นอนว่ามีบางคนที่ไม่ได้มา

 

เช่นเดียวกับนายน้อยของนิกายคงเฉิน ฟ่งเหิน ที่ไม่ได้ปรากฏตัว

 

แน่นอนว่าที่มันหายหน้าหายตาไปนั้น เพราะตอนนี้มันยังนอนตัวร้าวอยู่บนเตียง แทบไม่อาจขยับเขยื้อนใดๆได้ไหว

 

อย่างไรก็ตามข้างกายมันยังมีคนคอยดูแลรักษา เป็นชายชราคนหนึ่ง

 

ชายชราคนนี้ เรียกว่าไป๋หยิน พลังฝีมืออยู่ในขอบเขตเซียน ไม่ได้ด้อยไปกว่าซือถูโฮ่วแม้แต่น้อย

 

“คนของตระกูลซือถูมากันแล้ว!!”

 

ทันใดนั้นก็ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ตะโกนออกมา แต่เสียงนี้ทำให้ผู้คนล้วนหันขวับไปยังทิศตะวันตก ทางเข้าลานประลองของนิกายอัคคีล่องลอยทันที

 

ปรากฏร่าง 3 ร่างก้าวเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

“นั่นๆคนนั้น! นั่นคือคุณชายใหญ่ซือถูหังแห่งตระกูลซือถู!”

 

“ผู้เฒ่าคนนั้นน่ะหรือ ซือถูโฮ่ว ยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่ร่ำลือกันของตระกูลซือถู”

 

“เช่นนั้นชายหนุ่มในชุดม่วงคนนั้น ก็คือ ท่านต้วน ที่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูงั้นสิ!?”

 

……

 

เหล่าศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยเริ่มสนทนาออกความเห็นกันดังระงม ลูกตาของพวกมันทั้งหมดล้วนจับจ้องไปยังร่างในชุดสีม่วง ในแววตายังเต็มไปด้วยความดูแคลนสงสัย

 

นี่น่ะเหรอ…คนที่หาญกล้าท้าทายแม่นางเฟิ่งแห่งอัคคีล่องลอยที่ติดอันดับที่ 23 ในรายนามนภาของพวกมัน!?

 

“เฮอะ! เห็นมันหน้าละอ่อนเช่นนี้ น่ากลัวว่าอายุที่แท้จริงคงปาเข้าไป 70-80 แล้ว!”

 

“เฒ่าชรากลับกล้ามาท้าแม่นางเฟิ่งของพวกเรา ช่างไม่มีความละอายใจเสียจริง!”

 

“สำหรับคนบางคนหากมิได้รับบทเรียนเจ็บๆสักคราๆ ก็คงไม่รู้ว่าไฉนกุหลาบถึงมีสีแดง…ข้าอยากเห็นนักว่าหลังมันถูกแม่นางเฟิ่งทุบตี มันจักทำหน้าอย่างไร”

 

……

 

ในถ้อยวาจาของเหล่าศิษย์นิกายอัคคีล่องลอย เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครดูดีต้วนหลิงเทียนเลย

 

อันที่จริงเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นธรรมดา เพราะสำหรับพวกมัน ท่านต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูผู้นี้ อยู่ๆก็โผล่มาอย่างไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ที่สำคัญพวกมันยังมั่นใจในตัว แม่นางเฟิ่ง ของพวกมันมาก

 

เสียงสนทนากระซิบกระซาบของเหล่าศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยแม้จะไม่ได้ดังอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินชัดเจน เพราะเขาได้ทะลวงเปิดชีพจรเซียนจุดหูครบหมดสิ้นแล้ว

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่สนใจ

 

เรื่องนี้เขาก็คาดไว้แล้ว

 

ไม่ต้องกล่าวถึงคนของนิกายอัคคีล่องเลยเองด้วยซ้ำ ขนาดคนฝ่ายเขาอย่างซือถูหังกับซือถูโฮ่วเอง ยังไม่ได้เชื่อมือเขาสักนิด!

 

เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะกล่าวอะไรให้มากความ หมื่นพันวาจามิสู้หนึ่งการกระทำ

 

หากเขาคิดจะเปลี่ยนทัศนคติของผู้คน มีเพียงต้องเอาชนะ แม่นางเฟิ่ง ของนิกายอัคคีล่องลอยให้ทุกคนประจักษ์

 

สำหรับเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็มีความมั่นใจมาก

 

ทุกวันนี้เขาได้ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้ว กระทั่งยังบ่มเพาะเคล็ดบำเพ็ญจิตยอดใจกระบี่จนสำเร็จขั้นแรก อีกทั้งยังมีเขตแดนหมื่นกระบี่อันทรงพลัง

 

หลังจากที่ทดสอบมาสักพักใหญ่ๆ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่าเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาเป็นอะไรที่ทรงพลังเหนือกว่าเขตแดนทั่วไปเป็นอย่างมาก ราวกับมันเป็นเขตแดนพิเศษ!

 

อย่างน้อยๆ ไม่ว่าเขตแดนอะไรที่เขาเคยพบเจอมา ก็ไม่มีเขตแดนไหนทรงอานุภาพทัดเทียมกับเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาเลย

 

แน่นอนว่าถึงแม้จะไม่มีความได้เปรียบจากเขตแดนหมื่นกระบี่ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะกลัวผู้ฝึกตนที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเซียน…ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขาสามารถใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ สร้างมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บอันน่ากลัวได้ด้วยซ้ำ

 

อีกทั้งจากคำของผู้เฒ่าหั่ว ตอนนี้ร่างกายของเขาได้แข็งแกร่งทัดเทียมกับมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บเข้าไปแล้ว

 

นอกจากร่างกายอันแข็งแกร่งผิดมนุษย์มนา เขายังทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ครบทั้งสิ้น 99 จุด นั่นทำให้พลังในร่างของเขาหนุนเนื่องฉับไว ใช้ออกได้ทันใจคิด!

 

และจำนวนจุดชีพจรเซียนที่ทะลวงเปิดได้ ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงมั่นใจในพลังของตัวเอง และไม่คิดว่าจะมีผู้ฝึกตนคนใดที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเซียนสามารถทำอันตรายแก่เขาได้

 

“หืม?”

 

ภายใต้สายตานับหมื่นพันที่จับจ้องมองมา อยู่ดีๆต้วนหลิงเทียนพลันชะงักไปวูบหนึ่ง

 

นั่นเพราะเขาสัมผัสได้ว่าท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมองมานับหมื่นพันนั้น กลับมีสายตาคู่หนึ่งที่มองเขามาด้วยอาฆาต ยังเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาชัดเจน

 

เจ้าของสายตาคู่นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชายชราที่เรียกว่าหยินไป๋แห่งนิกายคงเฉินที่พึ่งมาถึง

 

นอกจากนั้นยังเป็นชายชราที่ติดสอยห้อยตาม ฟ่งเหิน นายน้อยแห่งนิกายคงเฉิน

 

หลังได้พบว่าเจ้าของสายตาอาฆาตเปี่ยมเจตนาฆ่าฟัน คือชายชรานามไป๋หยินจากนิกายคงเฉิน ต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

 

เพราะเมื่อวานเขาพึ่งซัดนายน้อยที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองมันจนกระดูกแหลกไปทั้งร่าง มันจะมองเขาแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติ

 

และทีท่าไม่แยแสของต้วนหลิงเทียน ก็ทำให้หยินไป๋หัวร้อนขึ้นมาไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะข้างกายต้วนหลิงเทียนมีซือถูโฮ่วประกบอยู่ มันจะพุ่งร่างทะยานออกไปดั่งฟ้าผ่าฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย!

 

การมาถึงของต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของทุกคนโดยรอบ และแน่นอนว่าต้องผชิญหน้ากับสายตามากมาย

 

หากแต่ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ระหว่างซือถูหังกับซือถูโฮ่วคล้ายไม่ยี่หระนำพา เพียงหลับตาสงบจิตใจเฝ้ารอเวลาการปรากฏตัวของแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสงบ ราวกับผู้ที่เป็นฝ่ายท้าทายวันนี้เป็นแม่นางเฟิ่งไม่ใช่เขา

 

“ท่านประมุข!”

 

“ท่านประมุข!”

 

……

 

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร หากแต่เสียงเรียกที่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงพลันปลุกต้วนหลิงเทียนที่ยืนสงบจิตใจให้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

 

พอมองไป เขาก็แลเห็นร่างสตรีสวยสง่าเหินร่างลงมาจากฟากฟ้าพร้อมด้วยชายชราและหญิงชรากลุ่มหนึ่ง เมื่อนางลงมาถึงพื้นดินและเดินเข้ามา ศิษย์และผู้อาวุโสนิกายอัคคีล่องเลยก็เร่งคารวะทักทายนางด้วยเคารพ

 

สตรีนางนี้นับว่าโดดเด่นท่ามกลางฝูงคนไม่เบา ใบหน้าของนางเผยให้เห็นถึงความงามของสตรีเต็มวัย ถึงแม้รอบกายจะเผยกลิ่นอายเย็นชาทำให้ผู้คนยากจะสบตามองนางตรงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่านางมีรูปโฉมงดงามไม่ธรรมดา

 

หากอ่อนวัยกว่านี้สัก 10 ปี น่ากลัวว่าต้องเป็นโฉมสะคราญล่มเมืองคนหนึ่ง

 

“นางคือสื่ออวิ๋น ประมุขนิกายอัคคีล่องลอย”

 

ตอนนี้เองซือถูหังพลันกระซิบกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนเบาๆ

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ ค่อยหันไปมองสื่ออวิ๋นตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดไป ‘นี่น่ะเหรอยอดยุทธ์หญิงที่ไร้เทียมทานในประเทศฝูเฟิง หากไม่นับพวกตระกูลราชวงศ์’

 

ถึงแม้จะเห็นกับตาแต่ต้วนหลิงเทียนก็ยากจะเชื่อได้ลงคอ ว่าสตรีนางนี้เป็นผู้เข้มแข็งที่อาศัยพลังฝีมือส่วนตัวนำพาให้นิกายอัคคีล่องลอยกลายเป็นขุมพลังชั้น 7 ที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศฝูเฟิง

 

ต้องกล่าวเลยว่าแม้ยังยากจะเชื่อ แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกชื่นชมนางจากใจ

 

การมาถึงของสื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลาย ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่ดูโดดเด่นคล้ายจะหมองลงไปทันตา เพราะทุกคนกลับหันไปให้ความสนใจนางหมด

 

“ประมุขสื่ออวิ๋น!”

 

“ประมุขสื่ออวิ๋น!”

 

……

 

ตอนนี้เองเหล่าแขกเหรื่อจากขุมพลังต่างๆที่แห่กันมาทั่วสารทิศ ก็เร่งประสานมือคารวะทักทายประมุขหญิงนางนี้ด้วยความเคารพ กระทั่งตัวตนในขอบเขตเซียน รวมถึงไป๋หยินจากนิกายคงเฉินเองก็ให้ความเคารพนางไม่น้อย

 

“ประมุขสื่ออวิ๋น!”

 

หลังจากที่แขกเหรื่อต่างๆคารวะทักทายสื่ออวิ๋นแล้ว ซือถูหังกับซือถูโฮ่วก็ประสานมือคารวะทักทายนางเช่นกัน

 

เมื่อได้รับการทักทายจากซือถูหังและซือถูโฮ่ว สื่อหวิ๋นก็เพียงพยักหน้ารับตอบไป

 

ในเรื่องนี้ซือถูหังกับซือถูโฮ่วไม่ถือแต่อย่างไร เพราะสื่ออวิ๋นปฏิบัติกับทุกคนเช่นนี้เหมือนกันหมด

 

“ท่านสมควรเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ท่านต้วน ใช่หรือไม่?”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจะทักทายสื่ออวิ๋นบ้าง อีกฝ่ายพลันกล่าวถามเขาออกมาเสียก่อน

 

“ข้าต้วนหลิงเทียน ยินดีที่ได้พบประมุขสื่ออวิ๋น”

 

ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นเขย่ากล่าวทักสื่ออวิ๋นไปด้วยรอยยิ้ม

 

“ต้วนหลิงเทียน? ที่แท้เขาเรียกว่าต้วนหลิงเทียน!”

 

มาตอนนี้ผู้คนทั้งหมดเลยได้รู้ชื่อของต้วนหลิงเทียนกัน

 

เพราะสุดท้ายแล้วนอกจากผู้นำตระกูลซือถู ซือถูหังและซือถูโฮ่ว ก็ไม่มีใครในประเทศฝูเฟิงรู้จักชื่อแซ่เขาเต็มๆสักคน

 

และไม่ว่าจะผู้นำตระกูลซือถู ซือถูหัง หรือซือถูโฮ่ว ก็เต็มไปด้วยความเคารพต่อเขา ทั้งหมดจึงไม่อาจหาญเอ่ยนามเขาออกมาตรงๆ

 

ดังนั้นนี่จึงนับเป็นครั้งแรกที่ชื่อ ต้วนหลิงเทียน ของเขาได้ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในประเทศฝูเฟิง

 

“ต้วนหลิงเทียน….ผู้อยู่เหนือสวรรค์แซ่ต้วน ช่างเป็นนามที่อหังการนัก! ข้าล่ะหวังว่าพลังฝีมือของมันจะร้ายกาจสมนามนะ!”

 

ลูกตาของศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยหลายคนหยีลงทันใด

 

“ถึงแม้นี่จักเป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบกับท่านต้วน แต่ข้าก็ได้ยินความสามารถของท่านต้วนมาแล้ว…นับว่าเพราะท่านคนเดียว คุณชายใหญ่ซือถูหังถึงปลอดภัยแคล้วคลาดมาได้! ท่านนับเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งสามารถฉุดรั้งผู้คนจากขอบเหวแห่งความตายให้ฟื้นคืนกลับมาได้ราวปาฏิหาริย์!”

 

น้ำเสียงสื่ออวิ๋นแม้จะสงบและไม่ได้ดังอะไร หากแต่ในวาจากลับแฝงเร้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

สิ้นคำกล่าวของสื่ออวิ๋นทุกสายตาพลันหันมาจับจ้องมองร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้งทันที

 

จริงสิ!

 

เพราะมีเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนท้าทายแม่นางเฟิงแห่งนิกายอัคคีล่องลอย ทำให้พวกมันลืมเลือนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้ช่วยชีวิตซือถูหังที่กระทั่งปรมาจารย์ 4 ดาวทั้งหลายกระทั่งหมอหลวงยังช่วยไม่ได้ไปหมดสิ้น!

 

ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้โด่งดังขึ้นมาเพราะพลังฝีมือ แต่เป็นความสามารถในการรักษาที่ประหนึ่งมีมือวิเศษพลิกฟื้นชีวิตคนที่กำลังจะตายให้หวนกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง!!

 

จังหวะนี้หลายคนที่มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาของพวกมันพลันสลายความดูแคลน เริ่มเผยประกายแห่งความนับถือออกมา

 

ไม่ต้องสนเรื่องพลังฝีมือหรือพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด แค่เพียงความสามารถในการรักษาผู้คนอย่างเดียวก็ทำให้พวกมันเลื่อมไสแล้ว!

 

“ประมุขสื่ออวิ๋นกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว ข้าแค่มีโชคที่รู้วิธีรักษาอาการป่วยของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูพอดี”

 

ได้ยินวาจากล่าวชมของสื่ออวิ๋น ต้วนหลิงเทียนเพียงส่ายหัวเบาๆ

 

และคำพูดนี้ก็จริงดังที่เขาว่า

 

เพราะสุดท้ายแล้วหากเขาไม่รู้จักอาคมมารบนร่างซือถูหังและวิธีทำลายอาคมมารนั่น เขาก็ยากที่จะช่วยชีวิตซือถูหังไว้ได้…