ตอนที่ 1,593 : แม่นางเฟิ่ง เฟิ่งเทียนหวู่!
“ท่านต้วนถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
อย่างไรก็ตามสื่ออวิ๋นกลับเข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนถ่อมตัวเสียอย่างนั้น
อันที่จริงไม่ใช่แค่สื่ออวิ๋น กระทั่งทุกคนที่ได้ยินก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนถ่อมตัวเกินไป
จังหวะนี้หลายคนพลันมีความรู้สึกดีๆต่อต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกในใจ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะเอาชนะแม่นางเฟิ่งของพวกมันได้
“แม่นางเฟิ่งมาแล้ว!!”
ทันใดนั้นเองศิษย์นิกายอัคคีล่องลอยกลุ่มหนึ่งพลันตะโกนออกมา
พริบตานี้ทุกผู้คนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็หันขวับไปจับจ้องเหนือฟ้าทิศทางหนึ่งของนิกายอัคคีล่องลอยทันที
ปรากฏร่างหนึ่งกำลังย่ำเท้าเดินลงมาจากฟากฟ้าปานลงบันไดเมฆ
ทุกย่างก้าวแลดูสบายๆคล้ายกำลังเดินเล่นชมสวน บังเกิดเป็นความงดงามประการหนึ่ง
เป็นสตรีมาในชุดแดงเพลิง รูปร่างสมส่วนชวนให้หลงไหล นับว่ามากล้นไปด้วยเสน่ห์สกะกดใจ เกษาสีดำขลับปรกบ่าแผ่วพลิ้วเล่นลมเบาๆ ใบหน้าของนางปกคลุมไว้ด้วยม่านผ้าสีขาว ยากที่ใครจะได้ยลโฉม ยังผลให้รอบกายคล้ายมีหมอกควันเลือนรางฉาบคลุมมิอาจแตะต้อง
อย่างไรก็ตามเพียงประกายตาสดใสที่ส่องทะลุม่านผ้าบางๆนั่นมา ทั้งร่องรอยคิ้วโค้งตอบรับใบหน้าที่แลเห็นได้รางๆ ก็สามารถบอกได้ว่าพวงพักตร์ใต้ม่านบางเป็นความงามอันยากบรรยาย
“แม่นางเฟิ่ง!!”
ทันใดนั้นบุรุษมากหน้าหลายตาจากขุมพลังทั้งหลายพลันเรียกหาออกมาด้วยความวาบหวามใจ
เป็นธรรมดาที่ชายทุกผู้จะชื่นชอบในความงาม
อีกทั้งความสง่างามแลดูสมบูรณ์แบบอย่างที่ยากจะแตะต้องของสตรีที่ย่ำอากาศลงมา ก็มากพอปลุกเร้าความฮึกเหิมของชายทุกผู้ให้ใจคึกคักใคร่ถนอม
กระทั่งซือถูหังที่ยืนอยู่ข้างต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่เว้น หากแต่มันมองผู้อื่นไปสักพักก็หน้าแดงไปของมัน…ใบหน้าแววตายังเหรอหราราวตัวโง่งม
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็พินิจร่างแม่นางเฟิ่งผู้นี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามสีหน้าอาการของเขาแตกต่างจากซือถูหังและบุรุษทุกคนที่หลงใหลในความงามของนาง กลับกลายเป็นตะลึงลานด้วยความตกใจ!
ในลูกตาเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้นที่ท่วมท้นออกมาอย่างมิอาจห้าม
ราวกับได้แลเห็นสิ่งวิเศษอันน่าทึ่ง
จังหวะนี้อดไม่ได้ที่ใจของต้วนหลิงเทียนจะล่องลอยย้อนทวนกระแสเวลาไปยังวันวาน…ภาพจำยังคงแจ่มชัดเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน
งานประลองเลือกคู่หน้าจวนเจ้าเมืองหงส์ฟ้า ของจักรวรรดิศิลาทมิฬ
พริบตานี้ร่างสตรีผู้มาใหม่คล้ายจะซ้อนทับกับเงาร่างดรุณีเย็นชาในกาลก่อน ที่ย่ำเท้าก้าวขึ้นมาบนเวทีพร้อมม่านคลุมหน้า พาลให้หัวใจของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะพองโตทั้งเต้นรัวขึ้นมาไม่เป็นจังหวะ
ต่อหน้าสายตาร้อนแรงเต็มไปด้วยความชื่นชมของบุรุษนับร้อยพัน สีหน้าของเฟิ่งเทียนหวู่ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังม่านบางๆอดไม่ได้ที่เผยความเย็นชาไม่ชมชอบ เพราะตอนนี้นางถูกผู้คนจับจ้องมากเกินไป
อันที่จริงแล้วนางไม่เคยชมชอบสถานที่ๆมากไปด้วยผู้คนแม้แต่น้อย นางไม่เคยอยากเป็นจุดสนใจอะไร
หากทำได้ นางไม่อยากจะเฉียดกรายมาที่นี่เลย
“หืม?”
ทว่าไม่นานเฟิ่งเทียนหวู่พลันสัมผัสได้ถึงสายตาที่เหลือบมองมายังนางสายตาหนึ่ง ที่คล้ายจะแตกต่างจากทุกสายตาในที่แห่งนี้…
สายตาอื่นๆนั้นไม่ได้ซ่อนเร้นถึงความหลงใหลและความปรารถนาในตัวนางแม้แต่น้อย
หากแต่หนึ่งสายตานี้กลับแฝงเร้นไปด้วยความยินดีที่บริสุทธิ์ถึงขีดสุด ไร้ความคิดอื่นใด
นอกจากนี้สายตาดังกล่าวยังให้ความรู้สึกอันแสนคุ้นเคยอย่างไรไม่ทราบ
เฟิ่งเทียนหวู่ด้วยความสนใจ จึงไล่สายตาหันมองไปยังเจ้าของสายตาที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยนี้แก่นางทันที…ไม่นานวิสัยทัศน์ของนางก็คล้ายจะย่นย่อไปนับร้อยหมี่ มองข้ามทุกผู้คนจนหยุดอยู่ที่ร่างหนึ่งบนเวที…พริบตานั้นร่างนางพลันสะท้านไปปานต้องอัสนีสวรรค์!
ร่างสีม่วงดังกล่าว ยืนอยู่ตรงนั้น…เป็นร่างเดียวกันกับที่สถิตย์อยู่ในใจนางทุกคืนวัน ซ้ำยังชมชอบโผล่มาหยอกเย้านางในฝันอยู่ทุกราตรี
ตราบใดที่นางบังเกิดความคะนึงหาต่อร่างดังกล่าว นางพลันเกิดแรงฮึดสู้ล้นใจ บังเกิดเป็นแรงผลักดันให้เร่งฝึกปรืออย่างไม่รู้หน่าย เพื่อให้ได้บรรลุจุดหมายขอบเขตเซียนเร็วไว เพราะมีเพียงบรรลุเซียนแล้วเท่านั้น อาจารย์ของนางถึงจะวางใจให้เดินทางกลับทวีปเมฆาล่อง…
และวันนี้นางก็ได้ก้าวเดินมาถึง ครึ่งก้าวเซียน แล้ว ขาดอีกเพียงแค่เล็กน้อยก็จะบรรลุถึงจุดหมายที่วาดหวังมานานปี
อย่างไรก็ตามร้อยพันหมื่นคาดนางก็ไม่เคยคิด ว่าไม่ทันที่นางจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนเพื่อกระทำตามเป้าหมายที่อาจารย์วางไว้ให้สำเร็จ ร่างในฝันที่สลักในใจ กลับมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้า…
จังหวะนี้อดไม่ได้ที่นางจะสงสัย ว่าใช่นางกำลังฝันไปหรือไม่…
อย่างไรก็ตามพอได้แลเห็นสายตาอันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีของอีกฝ่าย เฟิ่งเทียนหวู่ก็ตอบตัวเองได้ทันที ว่าทุกอย่างเบื้องหน้าคือความจริงไม่ใช่มายาฝันแต่อย่างไร
เพียงเพราะ เขา ในความฝัน คงมิได้เด่นชัดถึงเพียงนี้…
ฟุ่บ!
ภายใต้สายตาของผู้คนนับหมื่นพัน แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอยพลันเลิกม่านผ้าคลุมออก ทั้งโยนทิ้งให้ปลิดปลิวไปในอากาศ เผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมาให้ทุกผู้ได้ยล
จังหวะนี้ผู้คนถึงกับชะงักงันไปปานคนตาย ลมหายใจยังขาดห้วงคล้ายลืมเลือนไปว่าผู้คนควรหายใจอย่างไร
สิ่งที่ประจักษ์หลังม่านบางนั้น กลับเป็นความงามอันตราตรึงใจยากจะลบเลือน
คิ้วโค้งได้รูปปานพู่กันสวรรค์ตวัดวาด ดวงตากลมใสดั่งมณีแก้วให้ความรู้สึกดั่งสายธารยามสารท จมูกน้อยๆหากแต่โด่งสันพร้อมฟันขาวตัดกับริมฝีปากสีดั่งผลอิงเถา ลงมาเห็นเป็นคอเรียวระหงส์ตั้งตรง ค่อยเป็นทรวดทรงค์องค์เอวอันไร้ที่ติ รวมแล้วมองไปให้ความรู้สึกดั่งร่างแก้วผลึกมิอาจจับต้อง หากแต่ในความงดงามจนพาลให้หายใจไม่ออก ยังแฝงเร้นไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง
พินิจทั้งมวลแล้วประหนึ่งธิดาสวรรค์ย่างเยื้องลงมาแดนดินก็ไม่ปาน
“ช่างงามเหลือเกิน…ผู้คนเรางดงามได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ…”
……
นั่นเป็นความคิดเดียวกันที่ผุดโผล่ขึ้นมาในใจของทุกคน
กระทั่งศิษย์และเหล่าอาวุโสของนิกายอัคคีล่องลอยที่มีโอกาสได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเฟิ่งเทียนหวู่ยังถึงกับตะลึงงัน ถึงแม้พวกมันทั้งหลายจะได้รับทราบมาแล้วว่าแม่นางเฟิ่งผู้นี้ทั้งงดงามทั้งตราตรึงสะกดใจยิ่ง หากแต่พวกมันก็ไม่เคยเห็นกับตา จึงพาลให้สงสัยว่าใช่กล่าวเกินเลยไปหรือไม่
หากแต่บัดนี้ความสงสัยในใจอันใดล้วนมลายหายไปสิ้น
“เทียนหวู่…”
ประมุขนิกายอัคคีล่องลอง สื่ออวิ๋น พลันขมวดคิ้วทันใด ด้วยนางย่อมรู้นิสัยของศิษย์นางคนนี้ดี ว่ามิชมชอบเป็นจุดสนใจท่ามกลางผู้คนมากมายถึงเพียงใด ยิ่งไม่มีทางที่อยู่ๆนางจะเปิดเผยใบหน้าออกมาแบบนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้นางกลับเปิดเผยโฉมหน้าออกมา นั่นทำให้นางรู้สึกแปลกประหลาดใจนัก
“หืม?”
ไม่นานนางพลันพบว่าสองตาของศิษย์รัก คล้ายจะหยุดไว้ที่ร่างหนึ่ง อีกทั้งในแววตากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนดั่งสายน้ำ! นี่พาลให้นางถึงกับตะลึงลานไปแล้ว เพราะตั้งแต่อยู่มานางไม่เคยเห็นสายตานี้ของศิษย์นางเลยแม้แต่ครั้งเดียว!!
หากแต่แววตานี้นางมิได้ไม่คุ้นเคยแต่อย่างไร…
ทว่าแววตานี้ของสตรี…มักเผยออกมายามเห็นคนรักของนางเท่านั้น
“เทียนหวู่!”
หลังจากที่เฟิ่งเทียนหวู่เปิดม่านคุลมหน้าและโยนทิ้งไปให้ต้วนหลิงเทียนเห็นหน้าตาของนางชัดๆ เขาที่พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับความตื่นเต้นแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหักห้ามใจ ไม่ให้เรียกหานางออกมาได้
เสียงที่เรียกหายังอ่อนโยนนัก มันกึกก้องไปในอากาศส่งตรงถึงร่างบางทันที
ฉากเบื้องหน้านั้นทำให้เขาตะลึง ยังตะลึงมากเกินไป สุดที่จะตั้งตัวได้แล้ว จังหวะนี้คล้ายในสายตาทุกอย่างมลายหาย เหลือไว้ให้เห็นเพียงร่างเฟิ่งเทียนหวู่เท่านั้น
การประลองท้าทายชิงอันดับในรายนามนภาอะไร เพื่อให้มีชื่อเสียงเลื่องลือในประเทศฝูเฟิงทั้งเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ล้วนถูกโยนทิ้งไปหมดสิ้น!
“พี่ใหญ่ต้วน!”
ในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้คืนสติรู้สึกตัว เฟิ่งเทียนหวู่พลันร่ำร้องออกมาเสียงใส
หลังจากนั้นร่างเฟิ่งเทียนหวู่ก็แปลเปลี่ยนไปคล้ายเทพธิดาอัคคี พริบตาก็พุ่งวูบมาหยุดเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
หลังจากนั้นภายใต้ตะลึงงันไม่เข้าใจของทุกผู้คน แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอยก็โผตัวเข้าสู่อ้อมอกของต้วนหลิงเทียนที่ผายมือรอไว้ด้วยความยินยอมพร้อมใจ…
จังหวะนี้บุรุษทั้งมวลที่แลเห็นเรื่องราว คล้ายได้ยินเสียงหัวใจที่แตกร้าวดั่งจอกชาที่หล่นร่วง…
ตอนแรกซือถูหังเองก็ตะลึงงันไปปานตัวโง่งมเพราะถูกความงามของแม่นางเฟิ่งผู้นี้สะกดให้เลื่อนลอย
พอมันฟื้นคืนสติกลับมารู้สึกตัว มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม ยังอดกล่าวไปเสียไม่ได้ว่า “นี่น่ะหรือความงดงามและเสนห์อันมิอาจต้านทานของแม่นางเฟิงที่ร่ำลือ? ดั่งนางฟ้านางสวรรค์บนแดนดินนัก…น่าเสียดายที่หมดใจของข้าล้วนมีไว้เพื่อ องค์หญิงชิวหมิง..”
อย่างไรก็ตามพอได้แลเห็นร่างงามปานเทพธิดาอัคคีถลันเข้าสู่อ้อมแขนของชายหนุ่มชุดม่วงที่ยืนข้างกาย มันก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงลานอ้าปากค้าง “ฮะ…เฮ่ยย…”