ตอนที่ 313 โจรในบ้านป้องกันยาก
พูดถึงลูกชายคนโตของตัวเองเจี่ยงเหว่ยก็รู้สึกเสียใจ เพียงแต่น่าอวี้กับลูกชายคนโตของเขานั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องมากมายนัก ไฉนนางถึงพูดเรื่องการตายของเขา
พั่งไห่พอเดาบ้างแล้ว น่าอวี้ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ดอกไม้แสนงามที่ถูกเลี้ยงไว้อยู่ในกรมราชสำนักเช่นนี้ ไร้ที่พึ่งพิง ลูกชายของเจี่ยงเหว่ยนั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้นัก ท่านพ่อของเขายังไม่สนจริยธรรมเลย ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เขาจะดีไปกว่ากันได้อย่างไร คาดว่าคงมีความคิดชั่วร้ายนานแล้ว การตายของคุณชายเจี่ยง คงหนีไม่พ้นกับนางแน่ๆ
“ตอนแรกพี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องตาย” จู่ๆ น่าอวี้ก็เปลี่ยนไปใช้เสียงอ่อนหวาน “เพียงแต่ใครให้เขาไร้แววตานัก ใครไม่ยุ่งดันมายุ่งกับข้า เรื่องที่เขาโกงเงินกองทัพนั้น…เป็นข้าที่บอกศัตรูของท่าน ดังนั้นเขาถึงมีหลักฐานไปฟ้องฮ่องเต้ เจี่ยงเหว่ย ข้าจะบอกท่านให้ หากน้องชายข้าเป็นอะไรไป ข้าก็ส่งท่านไปอยู่เป็นเพื่อนเขา!”
พั่งไห่เดาได้เพียงว่าเกี่ยวข้องกับนาง แต่นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ถึงกับมีความอาจหาญเช่นนี้ ตัวเองไม่ลงมือ แถมยังยืมดาบฆ่าคน ใช้ได้ มาครั้งนี้ไม่ผิดหวัง ผู้หญิงฉลาด ทำงานก็จะได้คล่องแคล่ว อย่างน้อยก็เอาตัวรอดได้ ไม่ถึงกับสร้างปัญหาใหญ่หลวงนัก
เจี่ยงเหว่ยนึกไม่ถึงเลยว่าน่าอวี้ผู้ขี้โรคนี้จะเป็นตัวการที่แท้จริงที่ทำให้ลูกชายของเขาต้องตาย ลูกชายของเขา สุดที่รักของเขา ตั้งแต่เด็กจนโตก็ไม่เคยตีแม้แต่ครั้งเดียว สุดท้ายกลับถูกผู้หญิงคนนี้ฆ่าตาย ช่างเ**้ยมโหดยิ่งนัก!
“ป้องกันทุกอย่างโจรในบ้านป้องกันยาก นึกไม่ถึงว่าข้าถึงกับเลี้ยงคนเนรคุณเอาไว้อยู่ในบ้าน เจี่ยงน่าอวี้ ข้าจะให้เจ้าตายซะ!” อย่างไรเสียเขาก็เป็นเสนาบดีกรมทหาร หากลงมือจริงๆ ฟาดมือลงไป น่าอวี้ที่มีร่างกายอ่อนแอนี้ ชีวิตก็คงจบสิ้นแล้ว
จะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ ทางก็ได้ปูไว้ก่อนหน้าแล้ว หากยามนี้นางตาย ที่เฝิงเยี่ยไป๋นั้นใครจะเป็นคนไป ที่ฝ่าบาทนั้นจะรายงานอย่างไร
ลมฝ่ามือปะทะมาข้างหน้า น่าอวี้อย่าว่าแต่จะหลบเลย แม้แต่ตาก็ยังไม่กะพริบ คนที่ฝึกฝนวิชามาหลายปี หนังที่มือย่อมหนา หากฝ่ามือนี้ฟาดลงใส่ศีรษะของนาง…กระนั้นนางก็เพียงแค่คิดเท่านั้น มีพั่งไห่อยู่ นางจะตายได้อย่างไร!
ว่าแล้วก็เป็นเช่นนั้น มือนั้นหยุดลงกลางคัน พั่งไห่ก็เป็นคนฝึกวิชา เมื่อต้องประมือก็ใช่ว่าไม่กี่กระบวนท่าแล้วจะจัดการได้ โชคดีที่เขาตอบสนองไวห้ามเอาไว้ ไม่เช่นนั้นน่าอวี้ยามนี้คงจะไปเยี่ยมยมบาลเสียแล้ว
แม่นางผู้นี้ทำท่าทางราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุม มั่นใจเต็มเปี่ยมฉลาดเหลือล้น ชีวิตใกล้จะจบสิ้นแล้วก็ยังหัวเราะอีก นี่คือมั่นใจว่าเขาจะต้องช่วยนางแน่ๆ !
พั่งไห่ชักสีหน้าบึ้งตึง ผลักเจี่ยงเหว่ยถอยหลังไปหลายก้าว ความโกรธเริ่มปะทุขึ้นมา รอยยิ้มบนหน้าก็หายไป “ใต้เท้าเจี่ยง ท่านทำอะไรอยู่ นางเป็นพระชายารองที่ฝ่าบาทมีพระบัญชาสั่งการด้วยพระองค์เอง วันหลังเจอนางแล้ว ท่านยังต้องคำนับนางอยู่เลย ว่าอย่างไร ราชโองการของฝ่าบาทท่านก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาเสียแล้วหรือ”
เจี่ยงเหว่ยมองพั่งไห่ด้วยความอึ้ง ขันทีฝึกวิชาเพื่อป้องกันตัวเองตอนแรกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพียงแต่วิชาของพั่งไห่นี้ช่างร้ายกาจนัก นี่เป็นฝีมือที่ขันทีควรจะมีเสียที่ใด หัวหน้ากององครักษ์ก็ยังสู้เขาไม่ได้เลย!
“ผู้ดูแลใหญ่ ท่านก็ได้ยินแล้ว เป็นนางที่ยอมรับเอง ลูกชายข้าตายเพราะนาง ข้าจะต้องแก้แค้นให้ลูกชายข้า!”
พั่งไห่เบื่อหน่ายที่จะคุยกับคนเช่นนี้เป็นที่สุด คุยแล้วเหนื่อย เจี่ยงเหว่ยที่ไร้สมองเช่นนี้ สามารถอยู่จนถึงวันนี้ได้ถือว่าโชคดีแล้ว!
“แก้แค้นๆ แก้อะไร ลูกชายท่านโกงเงินกองทัพเป็นความจริง แคว้นมีกฎของแคว้น ไม่อาจให้ท่านมาทำเสียกฎ!”
——
ตอนที่ 314 รูปร่างงดงาม
เฝิงเยี่ยไป๋ป่วยนาน ฮ่องเต้กังวลพระทัยยิ่งนัก จึงได้เชิญนักพรตไปจวนท่านอ๋องขับไล่สิ่งชั่วร้าย ได้ยินว่านักพรตเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด พลังยิ่งใหญ่ ส่วนอาการป่วยของเฝิงเยี่ยไป๋ ตรวจแล้วไม่รู้เป็นโรคจากสิ่งใด ตัวร้อนไม่หาย คาดว่าคงถูกสิ่งชั่วร้ายสิงร่าง ส่งนักพรตไปก็มีเหตุผล
บนหน้าผากเฉินยางแปะยันต์ที่นักพรตตให้ไว้ บอกว่าสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายไม่ให้สิงร่างได้ เฉินยางรู้สึกว่านักพรตคนนี้แสร้งเล่นละคร เป็นนักพรตหรือ เป็นพวกต้มตุ๋นชัดๆ ในบ้านไม่ได้มีสิ่งชั่วร้ายเลย เขากลับเต้นเชิญเทพเสียตั้งใจเชียว
ยังมีเฝิงเยี่ยไป๋อีกคน ช่างแกล้งเก่งจริงๆ ท่าทางใกล้ตายของเขานั้น แม้แต่หนังตาก็ไม่ขยับ สีหน้าขาวซีด ดูแล้วหายใจยังลำบาก ช่างเป็นคนแสดงละครได้เก่งยิ่งนัก หากนางไม่รู้เรื่อง คงได้ร้องไห้ออกมาแน่ๆ
นักพรตทำพิธีอยู่นาน สุดท้ายก็จบลง เฉินยางทำตามที่เฝิงเยี่ยไป๋กำชับไว้ก่อนหน้า ยัดเงินถุงหนึ่งให้กับนักพรต ก็ไม่รู้ว่ามีเท่าไร อย่างไรเสียนางถืออยู่ในมือก็รู้สึกหนัก
ยัดเงินเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องสนว่าฮ่องเต้ส่งเขามาคือตั้งใจหรือไม่ ยามที่คนไปขอเพียงกระเป๋าไม่ว่างเปล่า ยามที่กลับไปรายงานฮ่องเต้ก็ย่อมไม่ใส่ร้ายนัก นี่เป็นระเบียบที่รู้กันเอง เขาไม่ได้ขาดเงินเหล่านี้เสียหน่อย ให้ไปก็ไม่เสียอะไรมากนัก มีเรื่องน้อยย่อมดีกว่ามีเรื่องมาก
ตอนแรกนักพรตยังปฏิเสธอยู่ แสร้งทำท่าทางลำบากใจ ปากพูดว่าไม่รับ แต่มือกลับซื่อสัตย์ยิ่งนัก กึ่งผลักกึ่งรับ สุดท้ายก็ให้ลูกศิษย์รับเอาไว้
อย่างไรเสียก็เป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมา ความยิ่งใหญ่จึงมีไม่น้อย เกี้ยวแปดคนหาม ข้างหลังมีลูกศิษย์เดินตามสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนสีหน้าเคร่งเครียด ล้วนมีคนหามทั้งสิ้น พอออกจากจวนท่านอ๋องไปก็กลับไปรายงานที่วังอย่างอลังการ
ยามที่เฉินยางกลับไปนั้น เฝิงเยี่ยไป๋ก็ลุกขึ้นมาแล้ว สีหน้ายังคงขาวซีดไม่เปลี่ยน ทั้งคนดูแล้วเหมือนป่วยหนัก มีความรู้สึกดั่งหญิงงามป่วยหนัก เพียงแต่คุณชายอ่อนแอ ต่อให้มีท่าทางที่ป่วยหนักก็ยังคงทำเอาคนดูแล้วหลงเสน่ห์ได้ สมองเล็กๆ ของเฉินยางสุดท้ายก็รู้เรื่องในที่สุด รู้สึกได้ถึงว่าสามีของตัวเอง ‘สวย’ มากเพียงใด
เฉาเต๋อหลุนโค้งตัวพูดกับเฝิงเยี่ยไป๋ว่า “นักพรตมาอย่างอลังการ ทั้งยังเป็นฮ่องเต้ที่ส่งมาอีก บ่าวรู้สึกว่าคงเป็นแผนซ้อนแผนแน่”
เสื้อผ้าของเฝิงเยี่ยไป๋คลุมอยู่บนตัวหลวมๆ เผยกล้ามเนื้อแข็งแรงครึ่งตัวบนที่ซ่อนอยู่ในชุดหรูหรามานานหลายปี คำนั้นคือคำอะไรนะ เฉินยางพยายามใช้ความคิด สุดท้ายก็พึมพำออกมา พูดโดยไม่รู้ตัวว่า “ประณีตยิ่งนัก”
“เจ้าว่าอะไรหรือ” เฝิงเยี่ยไป๋ยิ้มมองนาง “พึมพำอยู่คนเดียวอะไรหรือ”
เฉินยางตกใจจนหน้าแดง จู่ๆ ถูกคนขานชื่อ นางถอยหลังไปสองก้าวพูดว่า “ข้าจะกลับไปเลี้ยงต้าหมี่แล้ว ท่านมีเรื่องใดค่อยเรียกข้า”
นางได้ตั้งชื่อให้แมวยโสตัวนั้นว่า ‘ต้าหมี่’ แถมยังภูมิใจเสียด้วย บอกว่ากินข้าวสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด แมวตัวนี้เลือกกินนัก เรียกมันว่าต้าหมี่ก็คือจะเตือนให้มันอย่าเลือกกินนัก กินจนตัวอ้วนๆ ขาวๆ ถึงจะเป็นแมวดี
ตอนที่เฝิงเยี่ยไป๋ได้ยินเหตุผลที่นางตั้งชื่อให้แมวนั้น เกือบจะหัวเราะจนหายใจไม่ทัน ชื่อต้าหมี่หรือจะไพเราะกว่าต้าหนาของเขา
นึกถึงแมวที่เชื่องขึ้นเรื่อยๆ อีกแล้ว นิสัยเฉินยางเหมือนดั่งมัน ขอเพียงลูบให้แมวสบาย ก็เชื่อฟังและกล่อมง่าย ไม่ต้องใช้เงินทองอาภรณ์หรูเลี้ยง คนเขามีเสื้อก็ใส่ ไม่ว่าจะหรูหราหรือไม่ เพียงแต่สิ่งเดียวที่ไม่ยอมก็คือเรื่องกิน เขาไม่ให้นางกินขนมหวานตอนกลางคืน เพียงแต่เจ้าเด็กนี่เจ้าเล่ห์นัก อ้างชื่อ ‘ต้าหมี่’ แล้วกินเองจนท้องกลม เขามองดูนาง ช่วงนี้นางโตขึ้นแล้ว รูปร่างก็ยิ่งงดงามขึ้น ที่ที่ควรจะอวบอิ่มก็เริ่มโตขึ้น จุดนี้ก็ไม่เลวนัก