ตอนที่ 315 ข้าไม่เอาถ่านอย่างไร / ตอนที่ 316 อย่ามองข้าเป็นคนโง่

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 315 ข้าไม่เอาถ่านอย่างไร

 

 

 

 

“เมื่อครู่พูดไปถึงไหนแล้ว เจ้าพูดต่อเลย” เขาจุ๊ปาก มองดูร่างของนางแล้วดึงสติกลับมา ทั้งๆ ที่ดูแล้วก็ยังเป็นเด็กที่ยังไม่โต แต่ตัวนางกลับมีกลิ่นอายความเป็นผู้หญิงเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เปลี่ยนแปลงเสียตั้งแต่เมื่อใดหรือ เขานวดหว่างคิ้วคิดเล็กน้อย เหมือนจะเป็นคราวที่เขากลับมาจากหอนางโลมนั่น

 

 

ในใจเฉาเต๋อหลุนคิดไปว่า ข้าพูดจบแล้ว ถึงท่านออกคำสั่งแล้ว เพียงแต่มองดูสายตาคู่นั้น ท่านอ๋องของเขา ในสายตามีแต่พระชายา เกรงว่าคงยังไม่ได้ดึงสติกลับมาทั้งหมด จึงได้แต่พูดว่า “บ่าวพูดว่า ฝ่าบาทคงใช้แผนซ้อนแผนกับท่าน จึงอยากจะถามท่านว่า ต่อไปควรทำอย่างไรดี”

 

 

แววตาของเฝิงเยี่ยไป๋ถึงได้เปล่งประกายขึ้นมา เขาลูบคางแล้วคิดอยู่เล็กน้อย และถามไม่ตรงคำถามว่า “คนที่ฮ่องเต้ส่งไปแจกเงินนั้นน่าจะถึงแล้วกระมัง!”

 

 

เฉาเต๋อหลุนนับนิ้วแล้วตอบกลับว่า “ก็เจ็ดแปดวันมาแล้ว คาดว่าคงใกล้ถึงจิ้งชวนแล้ว ผ่านจิ้งชวนไปก็เป็นเมืองเหมิง ฮ่องเต้ตรัสเอาไว้แล้ว ให้อ้อมเมืองเหมิงไป พออ้อมไปนี้ก็ต้องช้าไปอีกสองสามวัน”

 

 

ฮ่องเต้ก็อยากให้ประชาชนเมืองเหมิงได้เห็น ให้พวกเขารู้ว่าตัวเองตามผิดคนเสียแล้ว เขาถึงจะเป็นเจ้าแคว้นที่แท้จริง ผู้ที่เป็นศัตรูกับเขานั้น ล้วนไม่ได้ดี

 

 

“รอก่อนเถิด อีกไม่กี่วัน ก็มีเรื่องสนุกเกิดขึ้นแล้ว” เขาพิงกับเตียงอย่างสบาย “ขโมยไก่ไม่สำเร็จแถมต้องเสียข้าวสาร ฝ่าบาทนี่เท่ากับให้ของขวัญซู่อ๋องเลยนะ!”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋แผนลึก คนทั่วไปเดาความคิดของเขาไม่ออกนัก เฉาเต๋อหลุนก็เดาไม่ออก ตั้งแต่ที่เขาตามเฝิงเยี่ยไป๋ ฟังเขาพูด ก็เหมือนดั่งมองดอกไม้ในหมอกเช่นนั้น หากเขาไม่อธิบาย ย่อมก็ไม่มีทางเข้าใจความตั้งใจของเขา

 

 

เฉาเต๋อหลุนก็เพียงทำงานตามคำสั่ง อย่างอื่นเขาก็ไม่ถาม ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ด้วยความงุนงง ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงถอยออกไป ในเมื่อท่านอ๋องบอกว่ามีเรื่องสนุกเกิดขึ้นก็รอดูแล้วกัน!

 

 

ช่วงหลายวันนี้ น่าอวี้ก็ไม่มาเยี่ยมเฉินยางแล้ว เฉินยางรู้สึกเบื่อหน่าย นางกอดต้าหมี่มองดูนอกหน้าต่าง “ไฉนช่วงนี้น่าอวี้ถึงไม่มาเสียแล้ว รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ปิดหนังสือ ‘จือจื้อทงเจี้ยน[1]’ ในมือ แล้วยื่นมือจัดผมของนางไปทัดข้างหลังหู “นางเป็นลูกสาวผู้ดี วันๆ อยู่กับเจ้าที่ไม่เอาถ่านเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าไม่ต้องเรียนระเบียบ งานเย็บปักถักร้อยต่างๆ ล้วนไม่ต้องทำ นางเป็นเช่นนั้นไม่ได้ วันก่อนที่มาเยี่ยมเจ้าทุกวันก็ลำบากมากแล้ว”

 

 

เขาชมน่าอวี้นางไม่ได้รู้สึกอะไร เพียงแต่เขาชมก็ชมเถิด ไฉนถึงยังต้องดูถูกตัวเองอีก เฉินยางปัดมือเขาออก แล้วลูบขนต้าหมี่ พูดด้วยความโกรธว่า “ข้าไม่เอาถ่านอย่างไร… ต่อให้เป็นเช่นนั้น ก็ได้มาจากท่าน”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยื่นมือลูบต้าหมี่ ต้าหมี่ไม่ขยับ มันพลิกตัว เผยท้องออกมา ในลำคอร้องกรู่ๆ

 

 

“ไม่เช่นนั้นข้าไปเยี่ยมน่าอวี้แล้วกัน”

 

 

“ไม่ได้!”

 

 

“ไฉนถึงไม่ได้”

 

 

น่าอวี้อุตส่าห์ไม่มาเพื่อแลกเวลาให้พวกเขาสองคนอยู่ตามลำพัง ข้างนอกร้อนยิ่งนัก อยู่ด้วยกันในห้องให้เย็นสบายดีเสียยิ่งกว่าสิ่งใด นางจะต้องให้มีคนนอกเข้ามาวุ่นวายให้ได้ จิตใจทำด้วยอะไรหรือ

 

 

“เฉินยาง… ช่วงนี้เจ้าอ้วนขึ้นแล้ว” เขาจิ้มแก้มนาง หัวเราะออกมา “มองแล้วดูดีกว่าเมื่อก่อนมากเลย”

 

 

เฉินยางก็ไม่ได้สนใจว่าจะอ้วนหรือผอม เพียงแต่ถูกคนอื่นชมนางก็รู้สึกดีใจ นางนั่งตัวตรง สองก้อนนั้นส่ายไปมา ภาพนั้นเข้ามาในใจเฝิงเยี่ยไป๋ เลือดพุ่งขึ้นหัวทันที สายตาจ้องมองขยับไม่ออก แม่นางนี้ช่างโตได้ที่เสียจริง ทั้งตัวล้วนเป็นที่เขาชอบ

 

 

 

 

——

 

 

[1]จือจื้อทงเจี้ยน (资治通鉴) หรือ คันฉ่องส่องกระบวนรัฐศาสตร์ ของ ซือหม่ากวง (1019 – 1086) นักประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ซ่ง รวบรวมเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุครณรัฐจนถึงยุคห้าราชวงศ์

 

 

 

 

ตอนที่ 316 อย่ามองข้าเป็นคนโง่

 

 

 

 

แววตาของเขาที่มองนางยิ่งร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เฉินยางต้านทานไม่ไหว สายตามองไปรอบๆ ไม่รู้จะมองที่ใดดี ซั่งเหมยซั่งเซียงเห็นบรรยากาศเปลี่ยนไปก็ปิดประตูออกไปนานแล้ว ใจเฉินยางเต้นตึกตักอยู่ตรงอก เวลาเช่นนี้ไม่ควรนิ่งเงียบ นางกอดต้าหมี่กลับไปนั่งบนเตียง แล้วพูดลอยๆ ว่า “ใช่แล้ว ยาที่อิ๋งโจวผสมให้ท่านเป็นอะไรหรือ ข้าเห็นทุกครั้งที่ท่านดื่มไปก็เหมือนดั่งป่วยเสียแล้วจริงๆ สีหน้าขาวซีดจนน่าตกใจนัก”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ขยับไปนั่งตาม แล้วแก้ให้นางว่า “ไม่ใช่เหมือน ยานั่นดื่มไปแล้วจะป่วยจริงๆ เป็นยาที่มีพิษสามส่วน คนดีๆ อยู่จะดื่มยาที่ทำร้ายร่างกาย เจ้าว่าข้าจะดีได้หรือ”

 

 

เขาขยับร่างกายเข้าไปใกล้ กอดนางเอาไว้ ที่จริงแล้วในห้องเย็นนัก เพียงแต่เขาอยู่ ก็เหมือนดั่งมีอ่างไฟ เฉินยางทนไม่ไหวคิดจะหลบ พอมือขยับต้าหมี่ก็หลุดจากมือ นางยืนขึ้นผ่อนคลายร่างกาย “วันนี้อากาศดีเสียจริงๆ ข้าจะออกไปเดินเล่น ท่านรออยู่ที่นี่เสีย ถึงยามที่กินข้าวข้าจะกลับมาเอง”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋กอดนางจากด้านหลัง “อากาศร้อนเช่นนี้ ออกไปกลับมาก็มีแต่เหงื่อเต็มตัว ไม่อึดอัดหรือ”

 

 

นางออกแรงแกะมือที่กอดประสานอยู่บนท้องของนาง “ไม่ร้อน ข้าและซั่งเหมยซั่งเซียงไปเล่นที่บ่อ ต่อให้ไม่ได้อีกก็ไปเล่นหมากที่ศาลาก็ได้ วันๆ อยู่แต่ในห้อง ข้าเกือบจะขึ้นราอยู่แล้ว”

 

 

“เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเรียกพวกนาง ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง”

 

 

บอกจะไปก็ไป ไม่มีการรีรอใดๆ เฉินยางถูกเขาดึงเอาไว้ ออกจากประตู พระอาทิตย์ช่างแสบตายิ่งนัก ยังเดินไม่ทันถึงสองก้าว เหงื่อก็ไหลลงมาเสียแล้ว นางยืนนิ่ง ทำหน้าบูดบึ้ง “ข้าไม่ไปแล้ว”

 

 

“ไฉนถึงไม่ไปอีกแล้ว”

 

 

ท่าทางที่หงุดหงิดนี้ก็ดูดี อย่างไรเสียก็ย้ายสายตาออกไม่ได้แล้ว ยิ่งรักก็ยิ่งหลุดไม่พ้น มือของเขาออกแรงกอดไปเอวของนาง นางไม่ทันระวังทั้งคนเซล้มไปหาเขา ขนเข้ากับกล้ามเนื้อแข็งแรงตรงอกของเขา จมูกทั้งเจ็บทั้งชา “ท่านทำอะไร” นางปิดจมูกเงยหน้าถามเขา “ท่านไม่มีสิ่งใดจะทำหรือ วันๆ มาหาแต่ข้าที่นี่ ไม่ต้องใช้สมองวางอุบายใส่คนอื่นแล้ว?”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋หยิกจมูกนางเบาๆ “ตอนนี้ข้าเป็นคนที่ถูกผีร้ายเข้าสิง ทุกคนต่างรู้ว่าข้าป่วยจนลุกขึ้นก็ยังไม่ได้ ใครจะให้ข้าไปทำงาน อีกอย่าง เจ้าเห็นข้าวางอุบายใส่ใครแล้วหรือ”

 

 

นางหันหลังกลับไปอีก เมื่อครู่ที่บอกจะออกไปก็เพื่อจะหลบเขา ตอนนี้ออกมาแล้ว ข้างนอกร้อนยิ่งนัก ร้อนจนทำเอาทนไม่ไหว กลับไปอยู่ในห้องเสียเถิด จะต้องทรมานตัวเองทำไมกัน!

 

 

ต้าหมี่ก็คงจะรู้สึกข้างนอกร้อน ออกไปเดินเล่นเสียรอบหนึ่งก็กลับมาอีก ตอนที่เดินผ่านเฝิงเยี่ยไป๋ก็ถูกขาของเขาเอาใจ เฝิงเยี่ยไป๋ก็ยากจะมีช่วงเวลาที่อารมณ์ดีนัก เขาอุ้มต้าหมี่ขึ้นมาลูบเล็กน้อย ไม่ย่อท้อที่จะเอาคำตอบกับเฉินยางให้ได้ “เจ้าบอกข้ามาสิ ตกลงข้าวางอุบายใส่ใครหรือ”

 

 

“อย่ามองข้าเป็นคนโง่นัก ข้ารู้ว่าท่านและฝ่าบาทไม่ถูกกัน และก็รู้ว่าเฉาเต๋อหลุนตอนแรกก็เป็นคนของฮ่องเต้ ตอนหลังถูกท่านซื้อไป ยังมีอีก ข้ารู้ว่าท่านส่งคนมาเฝ้าจับตาดูข้า”

 

 

สองข้อแรกนางรู้ก็ไม่แปลก เพียงแต่เรื่องที่เขาส่งคนเฝ้าติดตามนางอยู่ตลอดเวลา นางรู้ได้อย่างไร

 

 

เฉินยางตาต่อตาฟันต่อฟัน นางเชยคางมองเขา “ข้าบอกว่าท่านอย่าได้มองข้าเป็นคนโง่นัก” จากนั้นก็ถามเองตอบเองด้วยท่าทางลึกลับว่า “ครั้งก่อนที่ข้าจับต้าหมี่ มันวิ่งขึ้นต้นไม้ไป ข้าจับมันไม่ถึง จึงเอาปลาแห้งเรียกมัน จากนั้นซั่งเหมยซั่งเซียงมาหาข้า ข้าเพียงหันตัวไป แล้วกลับมามองอีกครั้ง ต้าหมี่ก็ถูกคนมัดขาวางไว้อยู่ที่พื้นเสียแล้ว นอกจากคนของท่าน จะยังมีใครที่สามารถเข้าออกจวนท่านอ๋องได้อย่างอิสระเช่นนี้ได้อีก!”