ตอนที่ 2205 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (46)
หนานกงหลานรู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่มลงมาบนตัวเธอ เธอเดินสะดุดล้มลงเสียงดังด้วยใบหน้าซีดเผือด
ฉันไม่ใช่ลูกของพ่อ?
ฉันเป็นแค่ลูกชู้งั้นเหรอ
ไม่จริง!
“กรี๊ด!” หนานกงหลานบ้าคลั่งไปแล้ว ก่อนจะพุ่งไปหาจ้าวเหม่ยเสวี่ยที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น
“บอกหนูมาว่าไม่ใช่เรื่องจริง หนูเป็นคุณหนูของตระกูลหนานกง หนูไม่ใช่ลูกชู้!”
“หลานเอ๋อร์…” จ้าวเหม่ยเสวี่ยราวกับมีก้อนบางอย่างติดอยู่ในลำคอ เธอรู้ว่าทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
“บอกหนูมาว่าหนานกงชวนเป็นพ่อของหนู เร็วสิ!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องปานขาดใจของหนานกงหลาน จ้าวเหม่ยเสวี่ยก็หลับตาอย่างอ่อนแรงแล้วน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้า
หนานกงหลานโซเซอีกครั้งแล้วปล่อยตัวจ้าวเหม่ยเสวี่ย เธอหัวเราะเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังว่า “คุณไม่ใช่แม่ฉันอีกต่อไปแล้ว!”
เธอจ้องจ้าวเหม่ยเสวี่ยแล้วหันหลังออกจากคฤหาสน์ ก่อนที่จะไป เธอก็หันมามองหนานกงอวิ๋นอี้และหงหลวนด้วยดวงตามาดร้าย
“เดี๋ยวก่อน!” หนานกงอวิ๋นอี้เรียกนางอย่างเย็นชา
หนานกงหลานหยุดแล้วตะคอก “แกอยากได้อะไรอีก ตอนนี้แกก็ฮุบตระกูลหนานกงได้แล้ว แกยังไม่พอใจอีกเหรอ”
“อย่างแรก ฉันเป็นทายาทโดยชอบธรรมของตระกูลหนานกง เธอหมายความว่าอย่างไรที่ว่า ‘ฮุบ’ …
…อย่างที่สอง เธอเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำร้ายคุณปู่เหมือนกัน”
อะไรนะ
ตอนนั้นเองที่สายตาทุกคู่หันไปทางหนานกงอวิ๋นอี้ แม้แต่ปู่หนานกงก็แสดงท่าทางเหลือเชื่อ ถ้าจ้าวเหม่ยเสวี่ยทำร้ายเขาก็สมเหตุสมผล แต่เขาไม่เคยปฏิบัติกับหนานกงหลานไม่ดีแม้ว่าเขาจะชื่นชอบหนานกงอวิ๋นอี้
ถึงอย่างไรเธอก็เป็นลูกหลานของตระกูลหนานกงเหมือนกัน!
อีกอย่างดูเหมือนว่าหนานกงหลานจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกชู้ แล้วทำไมเธอถึงอยากฆ่าเขาล่ะ
“พวกเราได้ยินแค่ส่วนหลังของเสียงบันทึก ยังมีส่วนแรกอีก…”
หนานกงอวิ๋นอี้ยิ้มเยาะแล้วกรอเสียงบันทึก เสียงของคนสองคนก็ดังขึ้นในคฤหาสน์ที่เงียบสนิท
‘แม่คะ ทำไมตาแก่หัวโบราณนั่นถึงยังไม่ตายอีกล่ะคะ พวกคนที่แม่ส่งไปชนเขาไม่แรงพอหรือยังไงกัน’
‘ถ้าจะว่าไปแล้ว อาการบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นมันไม่ควรที่จะรักษาได้ อวิ๋นลั่วเฟิงเป็นใครกัน ทำไมแม่นั่นถึงสามารถช่วยชีวิตตาแก่ที่บาดเจ็บปางตายขนาดนั้นเอาไว้ได้’
‘หนูรู้จักอวิ๋นลั่วเฟิงค่ะ แม่นั่นโด่งดังมากที่มหาวิทยาลัยหวาเซี่ย แล้วก็มีข่าวลือว่าเธอหายตัวไปหลังการระเบิดเมื่อห้าปีก่อน หนูไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับหนานกงอวิ๋นอี้’
…
บทสนทนานี้ยังไม่จบแต่ก็ไม่มีคนสนใจฟังต่อแล้ว
ไม่มีใครพูดออกมาสักคำเดียว และทั่วทั้งคฤหาสน์ก็เงียบสนิท
หนานกงหลานตัวสั่นแล้วใบหน้าของเธอก็ซีดเผือดลงทุกที เธอหันไปหาหนานกงอวิ๋นอี้แล้วดวงตาคู่สวยของเธอก็เบิกกว้างด้วยความกลัว
“นังสารเลว!”
หนานกงชวนตอบสนองเป็นคนแรกด้วยการคำรามแล้วเขาก็พุ่งไปหาหนานกงหลาน ก่อนจะตบหน้าเธออย่างแรงจนเธอล้มลงไปที่พื้น
ปากของเธอเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะของเธอส่งเสียงอื้ออึง และเธอก็ไร้สติไปทันที…
เป็นไปได้อย่างไร
ทำไมหนานกงอวิ๋นอี้ถึงมีบันทึกเสียงสนทนาของเธอกับแม่ได้
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!” จู่ๆ หนานกงหลานก็ยืนขึ้นแล้วกระโจนเข้าหาหนานกงอวิ๋นอี้พร้อมกรีดร้อง “ต้องเป็นแก! ต้องเป็นแกที่แอบเอาปากกาบันทึกเสียงเข้ามาในคฤหาสน์! หนานกงอวิ๋นอี้ ฉันจะฆ่าแก!”
ปัง!
น่าเสียดายที่ก่อนที่เธอจะถึงตัวหนานกงอวิ๋นอี้ เธอก็ถูกเขาเตะออกมา เธอล้มกระแทกพื้นอย่างไม่น่าดูแล้วกลิ้งหลุนๆ ไปสองสามรอบ แต่ก็ไม่สามารถยืนขึ้นได้…
ตอนที่ 2206 เรื่องราวอีกบทของหวาเซี่ย (47)
“อวิ๋นอี้ เรียกตำรวจ”
ปู่หนานกงหลับตาหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น แม้แต่หนานกงชวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้หยุดเขา
หนานกงอวิ๋นอี้มองจ้าวเหม่ยเสวี่ยและบุตรสาวของนางที่นั่งหมดแรงยู่บนพื้นแล้วเรียกตำรวจมาโดยไม่ลังเล จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมหงหลวน
อวิ๋นลั่วเฟิงยังรอพวกเขาอยู่
หนานกงอวิ๋นอี้เห็นบุรุษและสตรีคู่หนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้จากไกลๆ พวกเขางดงามราวกับภาพวาดชั้นสูงแลดูสง่างามเหนือโลกีย์และตัดกับความวุ่นวายโดยรอบ
“อวิ๋นลั่วเฟิง”
เขาหยุดมองสตรีตรงหน้าแล้วดวงตาของเขาก็ฉายแววซาบซึ้ง ถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นลั่วเฟิง เขาก็คงไม่สามารถเอาชนะจ้าวเหม่ยเสวี่ยและหนานกงหลานได้อย่างง่ายดาย…
“พวกเราไปกันเถอะ” อวิ๋นลั่วเฟิงยักไหล่แล้วยิ้ม
แล้วก็เหมือนทุกครั้ง อวิ๋นเซียวที่อยู่ข้างตัวนางมองนางไม่ละสายตาราวกับนางเป็นโลกทั้งใบของเขา
“ตกลง ข้ารู้ที่ตั้งร้านขายยาของเซวียตงแล้ว”
หนานกงอวิ๋นอี้เลิกคิ้ว เมื่อคิดถึงเพื่อนเก่า เขาก็ยิ้มออกมา
…
ร้านขายยาของตระกูลเซวีย
นอนหนังสือที่ใส่แว่นตาทรงสี่เหลี่ยมกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะยาวอย่างเบื่อหน่าย ร้านขายยาเงียบเหงาและว่างเปล่าเพราะวันนี้ไม่มีลูกค้าเลย
หนอนหนังสือถอนหายใจแล้วเงยหน้ามองร้านขายยาที่เงียบสนิทแล้วยิ้มแหย
“หลายวันมานี้แรงกดดันจากคู่แข่งมากเกินไปแล้ว ดูเหมือนว่าฉันอาจต้องปิดกิจการร้านขายยา…”
หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นเขาก็เห็นใครบางคนเข้ามาและเขาก็รีบยืนขึ้นเพื่อต้อนรับ “ให้ผมช่วยอะไรดีครับ”
“อะไรกัน พวกเราไม่ได้เจอกันแค่ห้าปี นายก็ลืมพวกเราแล้วเหรอ นายหนอนหนังสือ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หนอนหนังสือก็เงยหน้ามองอย่างประหลาดใจ เมื่อเขาเห็นใบหน้าคุ้นเคยตรงหน้าเขา เขาก็ตัวแข็งไปทันที “นายคือ…หนานกงอวิ๋นอี้งั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แค่ฉัน แต่อวิ๋นลั่วเฟิงก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน” หนานกงอวิ๋นอี้หัวเราะลั่นแล้วพูดขึ้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกันแต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนกัน ก่อนที่พวกเขาจะจากไปก็ไปเที่ยวกันบ่อยมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สนิทกันมากแต่พวกเขาก็เข้าขากันได้ดี
หนอนหนังสือขยี้ตาแล้วใบหน้าอ่อนโยนของเขาก็แสดงความประหลาดใจ เขามองผู้หญิงสวยคนนั้นแล้วเสียงของเขาก็เริ่มสั่น “เธอ…ยังไม่ตายเหรอ”
“แน่อยู่แล้ว ฉันจะแนะนำคนให้นายรู้จัก เธอคนนี้คือภรรยาฉัน หงหลวน ส่วนอีกคนคืออวิ๋นเซียว เขาเป็นสามีของอวิ๋นลั่วเฟิง”
หนอนหนังสือตะลึงกว่าเดิม
สองคนนี้หายตัวไปห้าปีแต่เมื่อกลับมา พวกเขาก็แต่งงานแล้วงั้นเหรอ
“หนานกง เจ้าคุยกับหนอนหนังสือไป ข้ากับอวิ๋นเซียวจะไปพักหน่อย”
อวิ๋นลั่วเฟิงเทน้ำชาให้ตัวเองและอวิ๋นเซียวแล้วนั่งลง นางบอกหนานกงอวิ๋นอี้เกี่ยวกับแผนการของนางแล้ว และเขาก็รู้ว่าต้องจัดการอย่างไร
“เซวียตง หลายปีมานี้นายเป็นยังไงบ้าง” หนานกงอวิ๋นอี้พาดขนลงบนไหล่ของเซวียตงแล้วถาม
เซวียตงยิ้มแหย “หลังจากเรียนจบ ฉันก็มาสืบทอดร้านขายยาตามคำสั่งของพ่อ แต่ตอนนี้มีร้านขายยาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แรงกดดันจากคู่แข่งมากเกินไปจนทำให้ฉันเกือบจะต้องปิดกิจการแล้ว อย่างไรก็เถอะ ตอนนั้นเกิดอะไรกับพวกนาย ฉันได้ยินว่าพวกนายตายแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นายเห็นศพหรือเปล่าล่ะ”
หนานกงอวิ๋นอี้กลอกตาใส่เขา ใช่แล้ว เขาตายจริงๆ แต่ร่างของเขาเองก็หายไป ตอนนี้เขากลับมามีชีวิตแล้ว เขาจึงไม่ยอมรับว่าตัวเองเคยตายมาก่อน
“ฉันกับอวิ๋นลั่วเฟิงมาหานายที่นี่ก็เพราะอยากช่วย” หนานกงอวิ๋นยิ้มหล่อ