บทที่ 275 เริ่มงานแถลงข่าว

รักหวานอมเปรี้ยว

เปปเปอร์พยักหน้าอย่างเฉยชา “ใช่ ทั้งหมด!”

ผู้ช่วยเหมันตร์อ้าปากค้าง “ประธานเปปเปอร์ครับ นี่มันจะเยอะไปหน่อยไหมครับ ผมพึ่งกินข้าวเช้าไปไม่นาน……”

“กิน!” เปปเปอร์ขัดจังหวะเขา

ผู้ช่วยเหมันตร์เอาอาหารเช้าที่เพียงพอสำหรับคนสองคนกิน ทำให้เขาอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา

แก้แค้น ต้องเป็นการแก้แค้นแน่นอน แก้แค้นในสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้

รู้ว่าประธานเปปเปอร์จิตใจคับแคบเช่นนี้ เขาก็ไม่ปากมากขนาดนี้แล้ว!

การก้าวพลาดกลายเป็นความเกลียดชังชั่วนิรันดร์!

ผู้ช่วยเหมันตร์มองดูถุงกระดาษในอ้อมแขนของเขา ส่ายหัวแล้วฝืนยิ้ม

เวลาค่อยผ่านไป ไม่นานก็ถึงสิบโมงแล้ว

มายมิ้นท์นำเอกสารที่ดำเนินการเสร็จแล้วส่งให้กับเลขาซินดี้ จากนั้นก็มองไปที่คอมพิวเตอร์ กัดริมฝีปากของเธอและลังเลอยู่ว่าเธอจะดูงานแถลงข่าวของเปปเปอร์ดีหรือไม่

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดมายมิ้นท์ก็ตัดสินใจที่จะดู

อีกอย่างแล้ว ทำไมถึงไม่ดูละ

ส้มเปรี้ยวถูกถอนหมั้น เรื่องสะใจเช่นนี้ ไม่ดูก็เสียดายสิ

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว มายมิ้นท์ก็เอื้อมมือไปแตะเมาส์และคลิกเข้าเว็บไซต์ทางการของนวบดินทร์กรุ๊ป

ในห้องถ่ายทอดสด เปปเปอร์ถือไมโครโฟนไว้และยืนอยู่บนตำแหน่งของประธานณที่ห้องประชุม และมองไปที่พวกนักข่าวด้านล่างอย่างเฉยชา

นักข่าวเหล่านั้นถูกเขาจ้องมองจนขวัญอ่อนไปหมด จนห้องประชุมที่ส่งเสียงดังเงียบลงในทันที มีเพียงแต่คอมเม้นในห้องถ่ายทอดสดเท่านั้นที่ยังเด้งอยู่เรื่อย ไม่ใช่ชมว่าเปปเปอร์หล่อเหลาก็สงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาของงานแถลงข่าว

มีชาวเน็ตหลายคนเดาออกแล้วว่าเนื้อหาของงานแถลงข่าวนี้เกี่ยวข้องกับส้มเปรี้ยว อย่างไรก็ตามเมื่อคืนส้มเปรี้ยวพึ่งประสบอุบัติเหตุ วันนี้เปปเปอร์ก็จัดงานแถลงข่าวขึ้น แค่คิดก็รู้ว่าเพราะว่าอะไร

“เงียบสักที?” ในที่สุดเปปเปอร์ก็เอ่ยปากพูดขึ้นสักที

นักข่าวด้านล่างนั้นดูเหมือนนักเรียนชั้นประถมเลย รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และทำเอาผู้ชมที่กำลังชมการถ่ายทอดสดอยู่หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เลย

ใครไม่รู้ว่านักข่าวนั้นยากที่จะสลัดหลุด และเป็นสิ่งมีชีวิตที่กล้าหาญที่สุด ตราบใดที่มีข่าว พวกเขาถึงกับสามารถทิ้งชีวิตไปได้

แต่ตอนนี้พวกเขาได้พบกับเปปเปอร์ มันก็เหมือนกับหนูที่พบกับแมว ของอย่างหนึ่งย่อมพิชิตอีกอย่างหนึ่งได้จริงๆด้วย

“ในเมื่อสงบลงแล้ว งั้นผมก็มาพูดถึงเนื้อหาของงานแถลงข่าวในวันนี้ นั่นก็คือผมจะถอนหมั้นกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ฉันประกาศว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การหมั้นของผมกับคุณส้มเปรี้ยวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการแล้ว!” เปปเปอร์มองไปที่กล้องและพูดอย่างเฉยเมย

นอกเหนือกับการคาดเดาไว้ก็คือ นักข่าวด้านล่างและผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดนั้น ไม่ได้รู้สึกตกใจมากนัก

เพราะพวกเขาคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว

ส้มเปรี้ยวเกิดเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องปกติที่จะถอนหมั้น

ผู้ชายธรรมดาก็ไม่สามารถยอมรับได้ที่คู่รักของตนถูกคนอื่นเล่น แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้ชายเศษฐีละ

ดังนั้น เมื่อทุกคนได้ยินว่าเปปเปอร์จะถอนหมั้น จึงไม่มีใครรู้สึกว่าเขาทำผิดอะไร

แน่นอนว่ามีบางคนที่คิดว่าเขาทำเกินไปหน่อย และคิดว่าต่อให้จะถอนหมั้น ก็ไม่ควรถอนหมั้นในเวลาที่คู่หมั้นกำลังทุกข์อยู่ ควรรอคู่หมั้นหายทุกข์ก่อน มิฉะนั้น คู่หมั้นเขาจะสิ้นหวังมากขนาดไหน

แต่เสียงเหล่านี้ ก็ถูกชาวเน็ตที่ความคิดดีดุว่ากลับอย่างเร็ว ซึ่งทำให้คนที่มีความคิดที่ไม่ดีไม่กล้าส่งเสียงอีกเลย

มายมิ้นที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เมื่อได้ยินคำพูดของเปปเปอร์ เธอก็เข้าใจว่า นับตั้งแต่นี้ไปเขาส้มเปรี้ยวจะไม่ความเกี่ยวข้องอะไรกันอีกต่อไป

แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกเล็กน้อย

เมื่อสามเดือนก่อน เปปเปอร์และส้มเปรี้ยวทั้งสองคนนี้ ยังจัดพิธีหมั้นที่ยิ่งใหญ่ในงานเลี้ยงการหายป่วย แม้ว่าสุดท้ายพิธีหมั้นนั้นจะถูกเธอทำลายไป แต่คนทั่วโลกก็ได้รู้แล้วว่าพวกเขาเป็นคู่หมั้นกัน

หลังจากนั้นทั้งสองก็มักจะโชว์ความรักให้คนอื่นเขาอิจฉาหมั่นไส้ไปหมด แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว

ส้มเปรี้ยวถูกรังแก กลายเป็นเรื่องตลกของทั้งในและนอกแวดวง และคาดว่าต่อไปเธอคงจะไม่กล้าออกมาให้คนอื่นเห็นหน้าอีกต่อไปแล้ว

ส่วนเปปเปอร์ เขามีฐานะที่สูง คนอื่นจึงไม่กล้านินทาเขาต่อหน้า แต่ลับหลัง ก็อาจจะหัวเราะเยาะที่เขาถูกสวมเขาอย่างแน่นอน

มายมิ้นท์หมุนปากกาเล่นไปมา และรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น

อีกที่หนึ่ง ราเม็ง ลาเต้และทามทอยทั้งสามก็ดูการถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวในที่บ้านของพวกเขา หลังจากฟังเปปเปอร์ประกาศถอนหมั้นกับส้มเปรี้ยว ถึงทั้งสามจะทำสีหน้าที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสามก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั้นก็คือ ไม่สะใจเลยยยย!

พวกเขาอยากจะเอาเปปเปอร์กับส้มเปรี้ยวผูกติดกันไว้อย่างแน่ๆ

แต่พวกเขาก็รู้ว่า นี่มันเป็นเพียงความคิดของพวกเขาเอง และพวกเขาก็ทำได้เพียงมองดูเปปเปอร์และ ส้มเปรี้ยวถอนหมั้นกัน

ในงานแถลงข่าว มีนักข่าวเริ่มถามคำถาม “ประธานเปปเปอร์ค่ะ ไม่ทราบว่าที่คุณถอนหมั้นนั้นได้เจรจากับตระกูลภักดีพิศุทธิ์หรือยังคะ หรือคุณเป็นคนประกาศถอนหมั้นเพียงฝ่ายเดียวเองค่ะ?”

เปปเปอร์เงยหน้าและเหลือบมองนักข่าวอย่างเฉยเมย “ระหว่างการเจรจากับการประกาศเพียงฝ่ายเดียวมีความแตกต่างอะไรมากเหรอ? คำถามอย่างนี้ มันจะทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆเอง คำถามต่อไป!”

นักข่าวกลับไปนั่งลงอย่างหน้าแดง

นักข่าวอีกคนก็ลุกขึ้นมาต่อ “ประธานเปปเปอร์ครับ ผมได้ยินมาจากที่อื่นว่าก่อนหน้านี้คุณก็ตั้งใจจะถอนหมั้นกับคุณส้มเปรี้ยวแล้ว ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ครับ?”

ทันทีที่คำถามนี้ออกมา ดวงตาของคนอื่นๆ ก็สว่างขึ้นทันที

ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดที่จะถอนหมั้นกับลูกสาวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์มาก่อน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ จะมีข่าวที่ใหญ่โตกว่านี้นะเนี่ย

เปปเปอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณไปได้ฟังมาจากไหน?”

นักข่าวก็ไม่ได้ปิดบังอะไรไว้ และตอบตามความจริงว่า:“ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในเอสซีกรุ๊ป เขาบังเอิญได้ยินประธานเยี่ยมบุญคุยกับใครบางคนทางโทรศัพท์ครับ”

เปปเปอร์ยกคางขึ้นเล็กน้อย “คุณพูดถูก ก่อนที่คุณส้มเปรี้ยวจะเกิดเรื่องขึ้นในเมื่อคืนนี้ ผมก็คิดจะถอนหมั้นกับเธอแล้ว”

คำเหล่าพูดนี้ทำให้นักข่าวและผู้ชมในห้องถ่ายทอดสดตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะที่ตกตะลึงก็ยังสงสัยว่าทำไม

มายมิ้นท์ก็อยากรู้เหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ปีโป้โทรมาบอกว่าเปปเปอร์กำลังเตรียมจะถอนหมั้นกับส้มเปรี้ยว แต่ปีโป้ไม่ได้บอกเหตุผลอะไรเลย

ดังนั้นตอนนี้เธอก็อยากรู้เหมือนกัน

นอกจากเธอแล้ว ราเม็ง ลาเต้และทามทอยเองก็อยากรู้เหมือนกัน และจ้องดูเปปเปอร์ที่กำลังถ่ายทอดสดอย่างไม่กะพริบตา

“ประธานเปปเปอร์ครับ ทำไมเหรอครับ ช่วยบอกเหตุผลหน่อยได้ไหมครับ?” นักข่าวถามต่ออย่างไม่ปิดบังความตื่นเต้นของเขาเลย

เปปเปอร์เม้มปากที่บาง “เพราะผมไม่สามารถอยู่กับผู้หญิงที่วางแผนผมและมีจิตใจที่โหดร้ายได้!”

ทุกคนอยู่ในความโกลาหล

วางแผน จิตใจโหดเหี้ยม

สองคำนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนคิดเรื่องต่างๆ มากมาย

ในหอผู้ป่วย เมื่อเยี่ยมบุญเห็นเช่นนี้ โกรธมากจนเกือบโยนรีโมทใส่ทีวี

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ปาดน้ำตา “เปปเปอร์พูดอย่างนี้ได้อย่างไร เขาถอนหมั้นแล้วไม่พอ ยังจะมาทำให้ชื่อเสียงของส้มเปรี้ยวแปดเปื้อนอีก เขาจะให้ส้มเปรี้ยวตกนรกชัดๆเลย!”

การที่ถูกเปปเปอร์บอกว่าจิตใจโหดร้ายต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ มันจะทำให้ทุกคนเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงว่าส้มเปรี้ยวโหดร้ายจริงๆ

เพราะไม่มีใครคิดหรอกว่าเจ้านายของธุรกิจแนวหน้านั้นจะโกหกต่อหน้าผู้คนมากมาย

ส่วนส้มเปี้ยวที่ถูกบอกว่าโหดร้ายนั้น ต่อจากนี้ไปก็จะกลายเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน แม้ว่าเรื่องที่เธอถูกรังแกนั้นจะจบลงแล้ว แต่ทุกคนก็จะจดจำความชั่วร้ายของเธอและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีกเลย

ยิ่งกว่านั้น ทั้งในและนอกแวดวงก็จะสงสัยการสั่งสอนอบรมลูกของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ และบุคลิกลักษณะประจำตัวของคู่สามีภรรยานี่ จากนั้นก็เริ่มออกห่างและบีบคั้นพวกเขา

แม้แต่ภรรยาฟูลไทม์อย่างคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ยังคิดได้ แล้วทำไมเยี่ยมบุญจะคิดไม่ได้ละ

เขากัดฟันและมองดูเปปเปอร์ที่อยู่บนทีวี โดยไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ณ เทนเดอร์กรุ๊ป มายมิ้นท์เองก็คิดไม่ถึงว่าเปปเปอร์จะบอกว่าส่มเปรี้ยวชั่วร้ายต่อหน้าทุกคน

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประกาศเรื่องที่ส้มเปรี้ยวเคยทำมาก่อน แต่เพียงคำพูดที่ว่าจิตใจชั่วร้าย ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนคิดมันขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย

นี่คือการเอามีดแทงหัวใจของส้มเปรี้ยวอีกครั้ง ทำให้ส้มเปรี้ยวไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก

ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้?

เพียงแค่เพราะว่าส้มเปรี้ยวปลอมตัวเป็นเธอเหรอ

แม้แต่ทามทอยเองก็ยังตกใจเลย แต่หลังจากตกใจแล้ว เขาก็ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “รักเธอก็ปกป้องดูแลเธอ เกลียดชังเธอก็ทำให้เธอตาย เปปเปอร์ แกนี่มันช่างทำให้คนรู้สึกน่ากลัวจริงๆเลยนะเนี่ย!”