เสียงที่เครียดของผู้ช่วยเหมันตร์ก็ดังขึ้นมา “ประธานเปปเปอร์ สื่อมากมายโทรมาทางผม อยากสัมภาษณ์ท่าน กระผมเดาว่าพวกเขาต้องการสัมภาษณ์ทัศนคติของคุณที่มีต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับส้มเปรี้ยวครับ”
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “สื่อไหนบ้าง”
“ยกเว้นอันที่ใหญ่ที่สุด อันอื่นมีหมดเลยครับ”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากที่บางเข้าหากัน “งั้นก็เตือนพวกเขาหน่อย หากต้องการสัมภาษณ์ ก็เตรียมตัวสำหรับการล้มละลายไว้ให้ดีเลย!”
“ครับ!”ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าตอบอย่างไม่ลังเล
เขาว่าละก็ สื่อเหล่านั้นก็สมควรแล้ว
เพื่ออยากได้ยอดฮิด ถึงกลับต้องการสัมภาษณ์ประธานเปปเปอร์ในเวลาที่สำคัญแบบนี้ หาที่ตาเองชัดๆเลย?
“ใช่ละครับท่านประธานเปปเปอร์” ผู้ช่วยเหมันตร์นำอะไรได้อีก และพูดว่า:“ครั้งที่แล้วที่ท่านให้ผมถามอีธาน ว่าเขารู้ไหมว่าหัวใจของท่านในตอนนี้นั้นมันเป็นหัวใจของโอเว่น ผมได้ถามไปอย่างชัดเจนแล้ว เขาบอกว่าเขารู้ดีเสมอมา ดังนั้นในหกปีที่ผ่านมานี้เขาจึงคอยจับตาดูคุณอยู่ตลอด ดังนั้นในทันทีที่การสะกดจิตของคุณค่อยๆอ่อนแอลงไป เขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาทันที”
เปปเปอรืยกคางขึ้น “อย่างงี้นี่เอง!”
“อีกอย่าง พรุ่งนี้อีธานจะไปที่บริษัทนี้เพื่อช่วยคุณคลายการสะกดจิตและทำการฟื้นฟู ตลอดจนช่วงความทรงจำของท่านที่ถูกปกปิดไว้นั้น” ผู้ช่วยเหมันตร์กล่าวอีก
เปปเปอร์อืมไปคำหนึ่ง เพื่อแสดงว่าเขารู้แล้ว แล้วถามว่า “ตรวจเจอปัญหาอะไรเกี่ยวข้องกับการตายของโอเว่นหรือไม่?”
“ยังครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหัวอย่างเสียใจ “ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปหกปีแล้ว หากต้องการตรวจสอบมันไม่เร็วขนาดนั้นหรอกครับ ผมได้ติดต่อทางแผนกควบคุมการจราจรแล้ว เพื่อดูว่ายังคงสามารถหากล้องวงจรปิดอุบัติเหตุของโอเว่นในหกปีที่แล้วหรือไม่ หากหาเจอ ก็สามารถดำเนินการสอบสวนโดยละเอียดจากกล้องวงจรได้ หากหาไม่พบ งั้นก็จะยากหน่อยครับ”
ดวงตาของเปปเปอร์มืดลง “สามารถลองเริ่มหาได้จากทางส้มเปรี้ยว”
“คงจะไม่ได้เช่นกันครับ!” ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนหายใจ “ถ้าการตายของโอเว่น เกี่ยวข้องกับส้มเปรี้ยวจริงๆ งั้นส้มเปรี้ยวก็จะไม่ยอมรับแน่นอนครับ ต่อให้เธอจะยอมรับก็ตาม เราก็ไม่สามารถเอาหลักฐานอะไรออกมาได้ ถึงตอนนั้นเธอก็สามารถโต้แย้งกับผู้พิพากษาได้ว่าพวกเราเป็นคนบังคับให้เธอยอมรับ และถึงตอนนั้นเธอก็จะยังคงถูกปล่อยออกมาอย่างไร้ความผิด!”
เมื่อเปปเปอร์ได้ยินเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ใช่ ถ้าไม่มีหลักฐาน มันคงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินคดีความผิดของส้มเปรี้ยวได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะนำส้มเปรี้ยวเข้าคุกไปในตอนที่การสะกดจิตของเธออ่อนแอลงไปนานแล้ว
แต่ในมือของเขาไม่มีหลักฐานอะไรที่แสดงได้ว่าส้มเปรี้ยวลงมือกับมายมิ้นท์ มีเพียงแต่ลาเต้กับทามทอยและคนอื่น ๆเท่านั้นที่เป็นพยาน และพยานเหล่านี้ทั้งหมดก็เป็นคนฝ่ายมายมิ้นท์ ต่อให้ขึ้นศาล ส้มเปรี้ยวก็ยังสามารถพูดได้ว่าพยานเหล่านี้กำลังช่วยมายมิ้นท์ และจงใจใส่ร้ายเธอ ดังนั้นพยานเยอะขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ตามต้องมีหลักฐานที่แน่ชัด มิฉะนั้นส้มเปรี้ยวก็ยังคงสามารถลอยนวลอยู่ได้เหมือนเดิม
แน่นอนว่า ถึงแม้กฎหมายจะไม่สามารถให้ส้มเปรี้ยวชดใช้กับเรื่องที่เธอเคยทำมาก่อนได้ แต่เขาสามารถแอบลงมือเองได้
เมื่อครุ่นคิด ดวงตาของเปปเปอร์ก็เปล่งประกาย เสียงเย็นชาและพูดว่า “ฉันรู้แล้ว สืบสวนการตายของ โอเว่นต่อไป นอกจากนี้ ทำแบบสรุปผลของโครงการความร่วมมือระหว่างบริษัทตระกูลนวบดินทร์และเอสซีกรุ๊ปมาทั้งหมด และต้องให้ฉันเห็นก่อนงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้”
ผู้ช่วยเหมันตร์รู้ว่าเขาต้องการจะยุติความร่วมมือทั้งหมดกับเอสซีกรุ๊ป และรีบพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว “เข้าใจครับ!”
เปปเปอรืหยุดพูดและวางโทรศัพท์ลง
เช้าวันรุ่งขึ้น มายมิ้นท์เก็บของเสร็จรีบร้อบ เปลี่ยนรองเท้าตรงที่ทางเข้า และกำลังเตรียมจะไปที่บริษัท
ทันทีที่เปิดประตู เธอก็เห็นชายที่พิงอยู่บนผนังข้างประตู
“ทำไมถึงเป็นคุณ?” มายมิ้นท์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว และถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “คุณมาทำไม?”
เปปเปอร์ยืนตัวตรงและยื่นถุงกระดาษที่เขาถือไว้ให้เธอ “กินข้าวเช้าหรือยัง?”
มายมิ้นท์เหลือบมองถุงที่อยู่ตรงหน้าเธอ “คุณมาที่นี่ ก็เพื่อเอาอาหารเช้ามาให้ฉันเหรอ?”
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย “แล้วก็อยากเห็นคุณด้วย”
“ฮ่าฮ่า” มายมิ้นท์หัวเราะเยาะเย้ย “แต่ฉันไม่อยากเห็นคุณ!”
นัยน์ตาของเปปเปอร์มืดลงไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า:“ข้างในนี้มีโจ๊กมะม่วง สาคูกับมะม่วง ฯลฯ ต่างก็เป็นของที่คุณชอบกินทั้งนั้น ลองชิมดู?”
มายมิ้นท์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรอกที่เขาจะรู้ว่าเธอชอบกินอะไร เพราะอดีตเธอเคยเขียนไว้ในจดหมายเหล่านั้นอยู่
“ของพวกนี้ คุณก็มักจะเตรียมไว้ให้ส้มเปรี้ยวเหรอ?” มายมินท์ก็ยังไม่รับของพวกนั้นมา เลิกคิ้วขึ้นแล้วถาม
ถึงเปปเปอร์จะตระหนักได้ว่ามันไม่ดี และรู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นคำถามที่อันตราย แต่ริมฝีปากที่บางของเขาก็ค่อยๆขยับ และตอบว่า “ใช่!”
อย่างแรกคือ เขาไม่จำเป็นต้องโกหกอยู่แล้ว เพราะเขาเคยทำจริงๆ
แต่ในตอนนั้น เขาไม่รู้ว่าส้มเปรี้ยวมันจอมปลอม!
มายมิ้นท์ค่อนข้างนึกไม่ถึงว่าเปปเปอร์จะเที่ยงตรงขนาดนี้
แต่ถึงเที่ยงตรงแล้วจะทำไม เมื่อนึกถึงอดีตที่เขาเคยเอาอาหารเช้าแบบเดียวกันกับส้มเปรี้ยวมาให้เธอ ในใจเธอก็รู้สึกขยะแขยงขึ้น
“ประธานเปปเปอร์ค่ะ อาหารเช้านี้คุณเอากลับไปให้คุณส้มเปรี้ยวเถอะค่ะ ฉันไม่ต้องการ อีกอย่าง ฉันก็ไม่ชอบกินของพวกนี้มานานแล้ว” พูดจบ มายมิ้นท์ก็กำลังจะเดินผ่านไปจากข้างเปปเปอร์
ทันใดนั้นเปปเปอร์ก็ดึงเธอไว้ และบนใบหน้าของเขาก็มีความรู้สึกผิดเล็กน้อย “ขอโทษ ผมคิดไม่รอบคอบเอง ต่อไปผมจะ……”
“ไม่มีต่อไปแล้วค่ะ!” มายมิ้นท์ยกมือขึ้นขัดจังหวะเขาและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ประธานเปปเปอร์ คุณฟังไม่ออกเหรอคะ? ฉันก็แค่ไม่อยากจะรับของของคุณ แค่นี้เองค่ะ!”
ริมฝีปากที่บางของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาฟังออก แต่แค่เขาจงใจไม่ยอมรับมันเท่านั้นเอง
“ประธานเปปเปอร์ คุณปล่อยฉันได้ยังคะ?” เสียงของมายมิ้นท์ดังขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาของเปปเปอร์กะพริบเล็กน้อย เขาฟื้นคืนสติแล้วปล่อยมือ
มายมิ้นท์ปาดแขนเสื้อของเธอ ราวกับว่ามีสิ่งสกปรกติดอยู่บนแขนเสื้อ
เมื่อเห็นเช่นนี้ มือของเปปเปอร์ที่ถือถุงกระดาษไว้ก็ค่อยๆ กำแน่น
เธอรังเกียจเขามากขนาดนี้เลยเหรอ?
“พอแล้วค่ะประธานเปปเปอร์” มายมิ้นท์วางมือลงหลังจากปาดแขนเสื้อเสร็จ และมองดูเปปเปอร์ด้วยสายตาที่เฉยชา “ขอคุณไม่ต้องมาหาฉันที่นี่อีกต่อไปได้หรือไม่?มันทำให้ฉันรู้สึกรำคาญมาก อยู่กับคู่หมั้นของคุณไม่ดีเหรอคะ?และเมื่อคืนคู่หมั้นของคุณก็เกิดเรื่องด้วย ฉันคิดว่าตอนนี้เธอต้องการคุณอยู่เคียงข้างเธอเป็นอย่างยิ่งแน่เลยค่ะ แต่คุณกลับมาหาฉัน อดีตภรรยาของคุณ คุณไม่รู้สึกผิดต่อเขาเหรอ? ”
“ผมไม่เคยทำที่ผิดต่อเธอ” เปปเปอร์ไม่ชอบที่เธอดันเขาไปให้ผู้หญิงคนอื่น ทำสีหน้าเหม็นๆแล้วพูดว่า:“และหลังจากเช้านี้เป็นต้นไป เธอก็จะไม่ใช่คู่หมั้นของผมอีกต่อไปแล้ว”
“คุณพูดอะไรนะ?” มายมิ้นท์ลืมตาโตอย่างไม่น่าเชื่อ
จากนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน ปีโป้โทรหาเธอและบอกกับเธอว่า เปปเปอร์ต้องการถอนหมั้นกับส้มเปรี้ยว
ดังนั้น ที่ปีโป้พูดนั้นเป็นความจริง ไม่ได้ล้อเล่น?
และแล้ววินาทีถัดมา คำพูดของเปปเปอร์ก็ยืนยันความคิดของเธอ
“ผมจะถอนหมั้นกับส้มเปรี้ยว จะจัดงานแถลงข่าวขึ้นในเวลาสิบโมง คุณต้องดูนะ!” เปปเปอร์มองมายมิ้นท์แล้วพูด
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “ทำไมฉันต้องดูด้วย? ฉันไม่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องของคุณหรอกนะ”
ได้ยินคำปฏิเสธของเธอ เปปเปอร์ก็ไม่ได้โกรธและยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า:“ไม่ดูไม่เป็นไร หลังจากงานจบแล้ว ผมสามารถโทรบอกคุณเกี่ยวกับกระบวนการทั้งหมดของการแถลงข่าวได้ ”
พูดจบ เขาก็มองดูเธอครู่หนึ่ง แล้วหันหลังเดินไปที่ลิฟต์
มายมิ้นท์มองดูหลังของเขา “ใครจะอยากฟังกระบวนการอะไรของคุณ ฉันจะบอกคุณนะว่า ถ้าคุณโทรมาละก็ ฉันจะไม่รับสายแน่นอน!”
เท้าของเปปเปอร์หยุดเดินไปครู่หนึ่ง ไม่นานเขาก็เข้าไปในลิฟต์ราวกับว่าเขาไม่ได้ยิน
ชั้นล่าง
ผู้ช่วยเหมันตร์เห็นเขาเดินออกมา ในมือยังถือถุงกระดาษไว้อยู่ ผู้ช่วยเหมันตร์ดันแว่นและก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ เขาพูดอย่างเห็นอกเห็นใจว่า:“ว่าแล้ว คุณมายมิ้นท์จะรับของของทุกคน แต่เธอจะไม่ยอมรับของที่ท่านประธานเปปเปอร์ส่งให้แน่นอนครับ”
แม้ว่าเปปเปอร์จะรู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง แต่ใบหน้าของเขาก็มืดลง “ไม่พูด ก็ไม่มีใครคิดว่าแกเป็นใบ้หรอก!”
“ฮี่ฮี่!”ผู้ช่วยเหมันตร์เกาหัวแล้วหัวเราะ
เปปเปอร์โยนถุงกระดาษให้เขา “กินให้หมด!”
“ทั้ง……ทั้งหมด?”ผู้ช่วยเหมันตร์รับไว้อย่างมือไม้อ่อนจนทำอะไรไม่ถูก และพูดเสียงดังเหมือนไม่เชื่อที่ตัวเองได้ยิน