ตอนที่ 262 ขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เซียวจิ่งเงยหน้าขึ้นมองวิเวียนและเลิกคิ้ว “มีอะไรอีกหรือ” 

 

 

วิเวียนขยับริมฝีปาก ก่อนจะถามอย่างไม่สบายใจ “คุณไม่เชื่อว่าฉินซินหยิ่งบาดเจ็บจริงๆ อย่างนั้นหรือคะ” ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ขอให้เธอไปโรงพยาบาลกับฉินซินหยิ่งด้วย 

 

 

เซียวจิ่งยิ้ม วิเวียนเป็นคนฉลาดจึงเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าผู้หญิงที่ชื่อฉินซินหยิ่งโกหก เนื่องจากหล่อนขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของซีซี จึงต้องโกหกว่ามือบาดเจ็บ เพราะตอนนี้หล่อนไม่สามารถส่งงานออกแบบให้พวกเขาได้ เขาไม่ปล่อยหล่อนแน่ อยากจะดูซิว่าหล่อนจะเล่นลูกไม้อะไรอีก 

 

 

เมื่อคิดเช่นนี้เซียวจิ่งก็เลิกคิ้วกล่าวว่า “ถึงแม้ดีไซเนอร์ฉินจะเป็นเพียงนักออกแบบพิเศษของบริษัท แต่เราก็ต้องถือว่าเธอเป็นพนักงานคนสำคัญของบริษัทเรา ในเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บ ผมในฐานะรองประธานบริษัทควรแสดงความห่วงใยต่อเธอ ไม่อย่างนั้นพนักงานของเราจะรู้สึกผิดหวังกับบริษัท บอกเธอว่าบ่ายวันนี้เธอไม่ต้องทำงานแล้ว เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวผมจะไปที่แผนกออกแบบภายในสิบห้านาทีนี้ ผมจะพาเธอไปโรงพยาบาลเอง” 

 

 

วิเวียนรู้สึกประหลาดใจ “ภายในสิบห้านาทีเหรอคะ” ทำไมเขาถึงไม่ไปหาเธอตอนนี้เลยล่ะ 

 

 

เซียวจิ่งเอนกายพิงพนักเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นมองวิเวียน “มีอะไรอีกไหม” 

 

 

“ไม่มีค่ะ” วิเวียนยิ้มและก้าวถอยหลัง “ดิฉันไปก่อนนะคะ ท่านประธานเซียว” 

 

 

หลังจากมองตามหลังวิเวียนเดินออกไปแล้ว เซียวจิ่งก็หลับตาลง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาถังซี ถังซีกำลังถูกซักไซ้จากเฉินจื่อเยียนเรื่องรายละเอียดการถูกลักพาตัว และพยายามหาข้อแก้ตัวเพื่อหลบเลี่ยงการสนทนา เธอโล่งอกทันทีที่เห็นสายเรียกเข้าจากเซียวจิ่ง จึงรีบหยิบโทรศัพท์แล้ววิ่งออกไปข้างนอกพร้อมกับกล่าวว่า “พี่ชายฉันโทรมา เขาต้องมีธุระเร่งด่วนจะพูดกับฉันแน่ๆ ฉันไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ เดี๋ยวมา” 

 

 

ถังซีรับโทรศัพท์ แล้วกล่าวด้วยท่าทางกระตือรือร้นเป็นพิเศษ “พี่จิ่ง มีอะไรเหรอคะ” 

 

 

เซียวจิ่งเลิกคิ้วเมื่อได้ยินน้ำเสียงถังซี “ทำไมเธอดูตื่นเต้นมากมาย มีอะไรทำให้เธอดีใจมากงั้นเหรอ” เขาพลิกหน้าเอกสารบนโต๊ะขณะพูด 

 

 

ถังซีเดินถือโทรศัพท์ไปตามทางเดิน เม้มริมฝีปากแล้วอธิบายว่า “พี่โทรคุยกับหนิงเหยี่ยนเมื่อคืนนี้ใช่ไหม บอกเขาใช่ไหมว่าฉันถูกลักพาตัว หนิงเคอน้องชายเขาถามฉันกลางห้องเรียนเลยเรื่องการลักพาตัว และเพื่อนร่วมชั้นก็ซักรายละเอียดเรื่องที่เกิดขึ้นกันใหญ่ ฉันไม่รู้จะตอบคำถามพวกนี้ยังไง ฉันสร้างเรื่องไม่เก่งซะด้วย ฉันเลยโล่งอกที่ได้รับโทรศัพท์จากพี่” 

 

 

ถ้าเธอเก่งในการสร้างเรื่อง เธอคงไม่ต้องบอกพวกเขาเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเธอหรอก 

 

 

เซียวจิ่งกล่าวว่า “โธ่เอ๊ย ก็พี่ไม่รู้นี่ว่าไอ้เด็กเหลือขอนั่นกำลังแอบฟังอยู่ พี่จะบอกให้หนิงเหยี่ยนสั่งสอนน้องชายคนเล็กของเขาเอง!” 

 

 

ถังซียิ้มแล้วรีบกล่าวว่า “ฮือ…อย่านะคะ ได้โปรด ว่าแต่ทำไมพี่ถึงโทรหาฉันตอนนี้” 

 

 

เซียวจิ่งไม่เคยโทรมาขัดจังหวะขณะที่เธออยู่ในชั้นเรียน เว้นเสียแต่เขาจะมีเรื่องด่วนต้องบอกเธอ 

 

 

เซียวจิ่งหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเล่าให้ถังซีฟังเรื่องการโกหกของฉินซินหยิ่ง และแผนการของเขา เขากลัวว่าถังซีจะไม่ต้องการให้เขาจัดการกับฉินซินหยิ่งรุนแรงเกินไป จึงถามเธอว่า “ซีซี เธอไม่พอใจแผนของพี่หรือเปล่า” 

 

 

ถังซีรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เซียวจิ่งต้องการให้ฉินซินหยิ่งเจอกับบทลงโทษ เพราะเขาเห็นถังซีเป็นคนในครอบครัว และที่เขาถามเธอก่อนอย่างนี้ ก็เพราะเขาห่วงความรู้สึกเธอจริงๆ ก่อนหน้านี้มีคนเพียงไม่กี่คนที่กล้ามีเรื่องกับเธอ โดยทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่จะตามใจเธอ ถ้ามีใครสักคนทำให้เธอขุ่นเคือง คุณปู่จะไล่คนคนนั้นออกไปให้ไกลเธอ แต่ถึงอย่างไรก็มีเพียงคุณปู่เท่านั้นที่ใจดีกับเธอมากๆ อย่างนี้ ตอนนี้เมื่อสัมผัสได้ถึงการปกป้องจากพี่ชาย เธอก็รู้สึกดีเช่นกัน 

 

 

เธอตอบรับเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ยังไงก็ได้ค่ะ ขอเพียงให้พี่ไม่ได้รับอันตราย ขอบคุณมากนะคะ พี่จิ่ง” 

 

 

เมื่อได้ยินถังซีขอบคุณแทนที่จะตำหนิเขา เซียวจิ่งก็ยิ้ม เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ กล่าวอย่างอ่อนโยน “พี่เป็นพี่ชายเธอ พี่ควรทำแบบนี้ให้เธอ เอาล่ะ กลับไปเรียนได้แล้ว นี่พี่ยังคงต้องทำงานเหมือนเป็นทาสเฉียวเหลียงต่อไปอีก” 

 

 

ถังซีหัวเราะ วางสายโทรศัพท์ เดินยิ้มกลับไปที่ห้องเรียน เมื่อเฉินจื่อเยียนเห็นเธอกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ใบหน้าเธอก็ปรากฏรอยยิ้มแสนซุกซนทันที เธอลุกขึ้นก่อนจะคว้ามือถังซีและถามว่า “ชายหนุ่มรูปงามโทรมาเหรอ ยิ้มหวานเชียว!” 

 

 

ถังซีมองหน้าเฉินจื่อเยียนอย่างอ่อนใจ “ฉันบอกเธอแล้วนี่ว่าพี่ชายฉันโทรมา เธอยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยนะ จะมาคิดถึงเรื่องชายหนุ่มรูปงามได้ยังไง ไม่ดีเลย” 

 

 

เฉินจื่อเยียนเลิกคิ้วและยักไหล่ “ฉันอายุสิบแปด ในฐานะที่ฉันบรรลุวุฒิภาวะแล้ว ฉันสามารถมีความรักได้ อย่าพูดเหมือนที่คุณครูพูดกับฉันสิ พ่อฉันยังบอกเลยว่าฉันมีความรักได้” เมื่อกล่าวจบเธอก็ทำหน้างอนใส่ถังซี 

 

 

ถังซีถอนหายใจอย่างอ่อนใจอีกครั้ง แล้วนั่งลงข้างเฉินจื่อเยียน เมื่อคิดถึงเรื่องที่เซียวจิ่งเพิ่งเล่าให้ฟัง เธอก็กระตุกแขนเฉินจื่อเยียน ถามเสียงอ่อนว่า “จื่อเยียน ฉันถามอะไรเธอหน่อยได้ไหม” 

 

 

เฉินจื่อเยียนเบิกตาโต เต็มไปด้วยประกายความตื่นเต้น มองถังซี “ถามอะไรเหรอ พระเจ้า! เซียวโหรวมีปัญหามาถามฉัน! นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า” 

 

 

ถังซีดึงเธอให้นั่งลง ขณะกล่าวว่า “เธอไม่ได้ฝันหรอก ใช่ ฉันมีปัญหาจะให้เธอช่วยหาคำตอบ พี่ชายฉันถามฉันเมื่อกี้ แต่ฉันตอบไม่ได้ ช่วยให้คำแนะนำและช่วยฉันหาคำตอบให้พี่ชายฉันหน่อยสิ ไม่งั้นเขาต้องว่าฉันโง่แน่ๆ” 

 

 

“เขาจะว่าเธอโง่ได้ยังไง เธอฉลาดออกขนาดนี้!” เฉินจื่อเยียนอุทานด้วยความประหลาดใจ แล้วโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เอาละ ถามฉันได้เลย ฉันจะช่วยเธอคิดเอง” 

 

 

ถังซียิ้ม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงชอบเฉินจื่อเยียน เธอกระซิบว่า “มีเรื่องเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นกับเพื่อนของพี่ชายฉัน พี่ชายฉันไม่รู้ว่าจะปลอบใจเธออย่างไรดี เขาก็เลยมาถามฉัน ตอบฉันอย่างจริงจังนะ” 

 

 

เฉินจื่อเยียนโบกมืออีกครั้ง “โธ่ เธอวางใจได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอให้ฉันช่วยแก้ปัญหา ฉันต้องใส่ใจอย่างจริงจัง ไม่พลาดโอกาสนี้แน่นอน เพราะฉะนั้นขอแค่เธอเล่าให้ฉันฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนพี่ชายเธอ” 

 

 

ถังซีถอนหายใจ “คืออย่างนี้ เพื่อนพี่ชายฉันรวยและมีความสามารถมาก เธอมีพร้อมทุกอย่างจึงไม่สนใจเรื่องชื่อเสียงหรือเงินทอง อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนของเธอนำภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอ ไปเข้าร่วมการแข่งขันงานออกแบบในนามของตัวเอง ซึ่งเพื่อนพี่ชายฉันไม่ว่าอะไร แต่หลังจากนั้นเพื่อนเธอก็ขโมยภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอไปอีกเรื่อยๆ โดยบอกใครๆ ว่าภาพสเก็ตช์เหล่านั้นเป็นผลงานของตัวเอง แล้วก็ได้รับชื่อเสียงเงินทองจากงานออกแบบนั้น…”