“แล้วตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นทำสิ่งที่เลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิม หล่อนต้องการฆ่าเพื่อนพี่ชายฉัน แล้วยึดเอาภาพสเก็ตช์งานออกแบบทั้งหมดไปเป็นของหล่อน เพื่อหล่อนจะได้หลงระเริงกับความโด่งดังไปตลอดกาล ตอนนี้เพื่อนพี่ชายฉันรู้แล้วว่าเพื่อนผู้ชั่วร้ายทำอะไรไว้กับตนเองบ้าง เธอจึงต้องการได้สิ่งที่ควรจะเป็นของเธอกลับคืนมา และปล่อยให้เพื่อนผู้ชั่วร้ายกลับไปสู่สถานที่ที่เธอสมควรจะอยู่ จื่อเยียน เธอคิดว่าเพื่อนพี่ชายฉันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า ที่ทำแบบนี้” 

 

 

เฉินจื่อเยียนขมวดคิ้ว มองถังซีด้วยสายตาขุ่นเคือง “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าในโลกนี้จะมีคนไร้ยางอายขนาดนี้! เลวจริงๆ ไร้ยางอายที่สุดในบรรดาคนไร้ยางอายทั้งหมด! ขโมยงานของเพื่อนพี่ชายเธอ เอาไปแอบอ้างว่าเป็นงานของตัวเอง แล้วตอนนี้ยังจะอยากฆ่าเธออีก ผู้หญิงคนนั้นสมควรถูกส่งไปลงนรก!” 

 

 

ถังซีกระตุกแขนเฉินจื่อเยียน กล่าวเสียงต่ำว่า “ช่วยลดเสียงลงหน่อย” 

 

 

เฉินจื่อเยียนหยุดชะงัก ทำปากยื่น “ขอโทษที ฉันโกรธมากไปหน่อย เธอก็รู้ว่าเพราะอะไร เพื่อนพี่ชายเธอควรฆ่าผู้หญิงสารเลวไร้ยางอายคนนั้น แล้วโยนลงท่อน้ำทิ้ง ปล่อยให้เน่าตายอยู่ในนั้นเลย” 

 

 

ถังซีเม้มริมฝีปาก “การฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ” 

 

 

“แต่หล่อนสมควรตาย!” เฉินจื่อเยียนทุบโต๊ะอย่างแรง ทุกคนหันมามองเธอ เฉินจื่อเยียนจึงค่อยๆ ฉีกยิ้มออกมาขณะหันไปมองเพื่อนๆ นักเรียน “ไม่ต้องมามองฉัน เข้าชั่วโมงเรียนแล้ว เตรียมตัวเรียนให้พร้อมสิ!” จากนั้นเธอก็หันไปหาถังซี กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาลง “บอกเพื่อนพี่ชายเธอเลยว่าไม่ต้องให้อภัยนังผู้หญิงสารเลวคนนั้น สั่งสอนบทเรียนที่หล่อนจะไม่มีวันลืม!” ยิ่งพูดเธอก็ยิ่งโกรธแค้น เธอคำรามออกมา “ถ้าฉันเป็นเพื่อนพี่ชายเธอ ฉันจะบีบคอหล่อน! ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!” 

 

 

ถังซียิ้มมุมปาก เธอตบหลังมือเฉินจื่อเยียนเบาๆ และเลิกคิ้ว “ฉันไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย ว่าเธอก็รุนแรงไม่เบา” 

 

 

เฉินจื่อเยียนกะพริบตาปริบๆ อึ้งไปหลายวินาที คิดว่าถังซีตำหนิเธอ เธอเท้าเอวจ้องหน้าถังซีและบ่นว่า “ฉันกำลังให้คำแนะนำเธออยู่นะ มาบอกว่าฉันรุนแรงไม่เบาแบบนี้ได้ยังไง!” 

 

 

ถังซีอธิบายด้วยท่าทาง ‘ตื่นกลัว’ “ก็ฉันเป็นผู้หญิงบอบบางนี่ ฉันกลัวความรุนแรง” 

 

 

เฉินจื่อเยียนมองหน้าเธอ ยิ้มอย่างมีเลศนัย จับมือถังซีและถามอย่างตื่นเต้นว่า “เพื่อนพี่ชายเธอเป็นใครเหรอ เธอแนะนำให้ฉันรู้จักสิ ฉันจะจัดการกับเพื่อนที่ไร้ยางอายของเพื่อนพี่ชายเธอเอง” 

 

 

ถังซีมองเฉินจื่อเยียนด้วยความประหลาดใจ เฉินจื่อเยียนเขย่าแขนถังซีถามว่า “มีอะไร” 

 

 

“ไม่มีอะไร” ถังซีดึงแขนกลับมานั่งตัวตรง มองกระดานดำ “ฟังคุณครูเถอะ ฉันจำได้ว่าเธอบอกว่าเธออยากสอบได้ที่สามในการสอบกลางภาคไม่ใช่เหรอ” จากนั้นเธอก็หันมามองหน้าเฉินจื่อเยียน ยิ้มมุมปากทั้งสองข้าง “ดูเธอสิ คิดว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เหรอ ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ ถ้ามัวแต่คิดเรื่องทะเลาะวิวาท แก้แค้นกันตลอดทั้งวัน เธออาจกลายเป็นที่สามจากบ๊วยของห้องก็ได้นะ” 

 

 

เฉินจื่อเยียนอึ้ง “…” บ้าบอที่สุด โหรวโหรวตำหนิเธออีกแล้ว! 

 

 

… 

 

 

ทางด้านวิเวียน เมื่อกลับไปที่แผนกออกแบบ เธอก็บอกกับฉินซินหยิ่งว่าเซียวจิ่งพูดอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าฉินซินหยิ่งเปลี่ยนเป็นนิ่งขึงทันทีเมื่อได้ยิน เธอจ้องหน้าวิเวียน ถามซ้ำราวกับได้ยินสิ่งที่วิเวียนบอกไม่ชัดเจน “ผู้อำนวยการคะ ฉันไม่เข้าใจค่ะ คุณหมายความว่าท่านประธานเซียวจะพาฉันไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลเหรอคะ” 

 

 

หัวใจฉินซินหยิ่งเต้นระทึกขณะถามเช่นนี้ เขารู้แล้วใช่ไหมว่าเธอโกหก เขาถึงบอกว่าจะทำแบบนี้ เพื่อให้เธออับอาย 

 

 

เซียวจิ่งเป็นพี่ชายเซียวโหรว เขารู้เรื่องทุกอย่างที่เธอทำกับเซียวโหรวแล้ว ตอนนี้เขาจึงพยายามทำให้เธอตกที่นั่งลำบาก แต่เขาไล่เธอออกก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย! 

 

 

วิเวียนยิ้ม จับมือฉินซินหยิ่งเมื่อเห็นว่าเธอดูสับสน “เพราะว่าคุณเป็นพนักงานคนสำคัญของแผนกออกแบบไงล่ะ ท่านประธานเซียวถึงให้ความสำคัญกับคุณมาก เขาบอกว่าคุณเป็นกระดูกสันหลังของแผนกออกแบบของเรา หรือแม้แต่ในเฉียวกรุปทั้งหมด เขาเป็นห่วงคุณ และจะพาคุณไปโรงพยาบาลเอง เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติของเรา” 

 

 

ฉินซินหยิ่งดีใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอยิ้ม มองหน้าวิเวียนและถามเบาๆ “ท่านประธานเซียวพูดอย่างนั้นจริงเหรอคะ” 

 

 

วิเวียนพยักหน้า ปล่อยมือฉินซินหยิ่งและตบไหล่เธอเบาๆ “จริงสิ เดี๋ยวเขาจะมารับคุณที่นี่ เตรียมตัวให้พร้อมนะ คุณก็รู้ว่าเรารอคอยผลงานชิ้นเอกของคุณ เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว แล้วเจอกัน” 

 

 

ฉินซินหยิ่งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวขอบคุณวิเวียน หลังจากวิเวียนไปแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็หายวับไปทันที เธอคำรามและสะบัดไหล่ที่วิเวียนสัมผัสเมื่อกี้ด้วยความรังเกียจ พร้อมกับพึมพำ “เธอคิดว่าเธอเป็นใคร อย่ามาเล่นบทเจ้านายใส่ฉัน!” 

 

 

ถ้าเฉียวเหลียงไม่ได้ถูกร่ายมนตร์สะกดโดยนังแม่มดคนนั้นละก็ เธอคงไม่ต้อง… 

 

 

ในขณะเดียวกัน เมื่อวิเวียนหันหลังให้ฉินซินหยิ่งรอยยิ้มบนใบหน้าเธอก็หายวับไปเช่นกัน เธอกลับไปที่ห้องทำงาน หยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมือ แล้วโยนทิ้งลงถังขยะ จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เธอคิดว่าเธอเป็นใครหรือ ก็แค่นักออกแบบพิเศษ!” 

 

 

หลายนาทีต่อมาเซียวจิ่งก็ปรากฏตัวที่ห้องทำงานฉินซินหยิ่ง เมื่อเห็นเซียวจิ่งดวงตาเธอส่องประกายประหลาดใจ เซียวจิ่งเห็นเธอประหลาดใจจึงเลิกคิ้วถามว่า “อ้าว ผู้อำนวยการของคุณไม่ได้บอกคุณหรือว่าผมจะมาพาคุณไปโรงพยาบาล” 

 

 

ฉินซินหยิ่งส่ายศีรษะแล้วกล่าวอย่างสุภาพ “บอกค่ะ ฉันแค่ประหลาดใจ” 

 

 

เซียวจิ่งมองฉินซินหยิ่งแล้วเลิกคิ้ว “ทำไมต้องประหลาดใจ” 

 

 

“ฉันคิดไม่ถึงว่าคุณจะทำแบบนี้” ฉินซินหยิ่งกล่าว “ฉันเป็นแค่นักออกแบบพิเศษ และเพิ่งออกแบบเสื้อผ้าให้บริษัทแค่ชุดเดียว ฉันรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ค่ะ ที่คุณจะพาฉันไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง มีใครขอให้คุณ…” 

 

 

“ไม่มีใครขอให้ผมทำแบบนี้ คุณคิดว่าใครหรือ ที่ขอให้ผมทำแบบนี้” เซียวจิ่งยิ้มอย่างสุภาพ แต่ในใจเขายิ้มเยาะว่า ผู้หญิงคนนี้ปลาบปลื้มอะไรหรือ เธอคิดว่าเฉียวเหลียงขอให้เขาพาเธอไปโรงพยาบาลอย่างนั้นหรือ 

 

 

ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่เง่า ตกหลุมพรางแล้วยังไม่รู้ตัว ยังจะอยู่ภายใต้ภาพหลอนว่าเฉียวเหลียงรักเธออีก 

 

 

ฉินซินหยิ่งชะงัก ส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว “เปล่าคะ ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะทำแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องขอบคุณท่านประธานเซียวมากนะคะ” 

 

 

เซียวจิ่งเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม “คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมทำทุกอย่างก็เพื่อบริษัท ไปกันเถอะ คุณฉิน”