ตอนที่ 649

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“มีสมาธิกับการต่อสู้ อย่าทำให้ข้าต้องอาเจียน!” หลิงฮันตะโกน “ทักษะหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งจะใช้เวลารวบรวมพลังแค่หนึ่งหรือสองลมหายใจเท่านั้น และสามารถปลดปล่อยการโจมตีออกไปได้อย่างรวดเร็ว แต่ยิ่งรวบรวมพลังได้น้อย พลังโจมตีก็จะน้อยตาม”

หลูหยวนจือกระโจนออกไปพร้อมกับดาบไม้ที่อยู่ในมือที่ปลดปล่อยรัศมีดาบที่น่าสะพรึงกลัวออกมา

หลิงฮันตะโกนและโต้กลับ “ปราณดาบยี่สิบเก้าเล่มถูกหลอมรวมเป็นกึ่งรัศมีดาบที่สามารถเทียบได้กับพลังป้องกันของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา”

นั่นเป็นเพราะ มันเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบ

ตู้ม!

การปะทะกันระหว่างกึ่งรัศมีดาบและรัศมีดาบที่แท้จริงนั้นทำให้เกิดแสงสว่างเจิดจ้าไปทั้งถ้ำ

เมื่อแสงสว่างหายไป หลิงฮันและหลูหยวนจือยังคงยืนอยู่ที่เดิม เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้สร้างความได้เปรียบอะไรเลยจากการโจมตีครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม กายหยาบของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งมาก เขาจึงได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า และเขายังบ่มเพาะพลังของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ทำให้บาดแผลของเขาถูกรักษาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง

หลูหยวนจือนำดาบของเขากลับไปที่ฝักดาบและพูดว่า “ข้าไม่สามารถเอาชนะเจ้าได้”

หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “มันเป็นเรื่องยากสำหรับข้าเหมือนกันที่จะเอาชนะเจ้า” ตอนนี้ทักษะสามดาบเร้นลับไม่ใช่ไพ่ลับของเขาอีกต่อไป แต่เป็นทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามทักษะ

หลูหยวนจือหันหลังกลับและเดินจากไป เขาไม่ได้หันไปมองดอกบัวสายฟ้าแม้แต่น้อย และจากไปแต่โดยดี

คนแบบนี้เป็นคนที่แปลกมาก เขาปรากฏตัวออกมาและจากไปแต่โดยดี มันแปลกเกินไปสำหรับนักดาบ บางคนไร้เหตุผลและใช้อารมณ์เป็นหลัก แต่เขาไม่ได้ถือว่าเป็นคนชั่วร้าย

โลกใบนี้ช่างมีขนาดใหญ่ยิ่งนัก มีผู้คนนับไม่ถ้วนและมีอัจฉริยะนับไม่ถ้วน ชื่อหลูหยวนจือเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จู่ๆเขาก็ปรากฏตัวออกมา

ทันใดนั้น หลังจากที่หลูหยวนจือเพิ่งจากไป มีเสียงฝีเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้

มันยังไม่จบ!

หลิงฮันรีบวิ่งไปที่สระสายฟ้าเพื่อเก็บดอกบัวสายฟ้า มันไม่ใช่สมุนไพรแต่รูปร่างที่พิเศษของมันนั้นเกิดขึ้นจากพลังของสายฟ้า ดังนั้นแม้ว่าเขาจะนำมันไปปลูกในหอคอยทมิฬก็ไร้ประโยชน์

จิตวิญญาณสายฟ้ายังไม่ถูกดูดซับ ตามธรรมชาติแล้วมันไม่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เมื่อสระสายฟ้าแห้งขอด หลิงฮันสามารถดึงดอกบัวสายฟ้าขึ้นมาได้อย่างง่ายดายและเก็บมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ

เขาไม่จำเป็นต้องรีบเพื่อดูดซับมัน

เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ พวกเขามีทั้งหมดห้าคนเป็นชายหนึ่งคนและหญิงสี่คน ชายคนนั้นหล่อเหลามาก ส่วนหญิงสาวสีคนนั้นก็งดงามเช่นกัน แต่พวกเขาดูมีเสน่ห์เกินไป ทุกย่างก้าวและรอยยิ้มดูเหมือนจะทำให้หลงใหลและเคลิ้มตาม

ชายคนนั้นกวาดสายตามองและสีหน้าของเขากลายเป็นหนาวเย็นเมื่อเห็นว่าสระสายฟ้านั้นว่างเปล่า เขาพูดว่า “เจ้าเป็นคนเก็บอสนีเมฆาม่วงงั้นรึ?”

หลิงฮันไม่ตอบ แต่หันหลังไปมองกำแพงที่เต็มไปด้วยอักขระ

“กล้าหาญยิ่งนัก นายน้อยของข้ากำลังถามเจ้าอยู่ แต่เจ้ากล้าที่จะไม่ตอบงั้นหรือ?” หญิงสาวคนหนึ่งตะโกน

“หญิงสาวอัปลักษ์ นี่เจ้ากล้าดุหลิงฮัน?” ฮูหนิวรู้สึกโกรธและจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย

“กัดนาง กัดนางเลย!” เจ้ากระต่ายกล่าวยั่วยุราวกับว่ามันกลัวว่าโลกจะวุ่นวายไม่พอและตะโกนอยู่ด้านข้าง

ฮูหนิวยิ้มและพูดว่า “กลิ่นของนางเหม็นเกินไป หนิวไม่อยากกัด!”

“ถ้างั้นทำไมเจ้าถึงกัดกระต่ายอย่างข้าและดูมีความสุขขนาดนั้นกันล่ะ?” เจ้ากระต่ายถาม

“ก็เนื้อกระต่ายมันอร่อยนิ!” ฮูหนิวจ้องมองมันด้วยสายตาเปล่งประกาย

“เจ้า -” หญิงสาวที่พูดออกมาก่อนหน้านี้รู้สึกโกรธ ผู้ชายและกระต่ายตัวนี้กล้าที่จะมองข้ามนางได้อย่างไร? หืม เดี๋ยวก่อน เจ้ากระตายตัวนี้พูดได้ด้วยงั้นรึ?

ชายคนนั้นดูร้อนรนและพูดว่า “ข้ามีนามว่าซีเหมินจวิ้นแห่งนิกายเฟิงเย่ว จงส่งมอบอสนีเมฆาม่วงมาให้ข้าแต่โดยดี มิฉะนั้นข้าจะสังหารเจ้า”

นิกายเฟิงเย่ว?

หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและถามว่า “นิกายเฟิงเย่วน่ากลัวขนาดนั้นเลย?”

“หึ นายน้อยของข้าเป็นศิษย์คนที่สี่ของประมุขนิกายเฟิงเย่ว เมื่อเขาอายุสามสิบสี่ปี เขาก็ทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว ด้วยระดับพลังของนายน้อยของข้า ในภูมิภาคกลางเขาสามารถติดหนึ่งในสิบผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุด!” หญิงสาวคนที่สองกล่าวยกย่อง

นี่ทำให้ซีเหมินจวิ้นรู้สึกภาคภูมิใจมาก เขายืนกอดอกอย่างทนงตัวราวกับรอให้อีกฝ่ายเข้ามากราบไหว้

หลิงฮันพูดว่า “ดูเหมือนว่าประมุขนิกายเฟิงเย่วไม่เพียงแค่ลูกชายจะถูกฆ่าตาย แม้แต่ศิษย์ของเขายังต้องหายสาบสูญ! วันหนึ่งข้าจะกัดจำนิกายที่ชั่วร้ายออกไปให้หมด”

“ว..ว่าไงนะ!” ซีเหมินจวิ้นรู้สึกตกใจและจ้องมองไปที่หลิงฮันสองสามครั้ง “น้องชายหูชิ่งฟางถูกเจ้าฆ่างั้นรึ?”

“เป็นคำตอบที่ถูกต้อง!” หลิงฮันปรบมือ

ซีเหมินจวิ้นหัวเราะออกมาทันทีและพูดว่า “เจ้าช่วยข้าไว้ได้มากเลย!” อาจารย์ของข้าได้ออกคำสั่งไว้ว่า ถ้าผู้ใดสามารถฆ่าคนที่ฆ่าศิษย์น้องหูชิ่งฟางได้จะได้เป็นประมุขนิกายคนต่อไป!”

“ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าไม่เพียงแต่จะเก็บเกี่ยวอสนีเมฆาม่วงได้เท่านั้น แต่จะได้กลายเป็นประมุขนิกายเฟิงเย่วคนต่อไปด้วย!”

เขารู้สึกมีความสุขมาก และรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดี

“ขอแสดงความยินดีด้วยนายน้อย”

“ไม่สิ ข้าควรจะพูดว่าขอแสดงความยินดีด้วยท่านประมุขนิกาย!”

“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านประมุขนิกาย!”

หญิงสาวทั้งสี่คนรู้สึกมีความสุข พวกนางรีบเขาไปส่งจูบให้เขาทีละคน ในขณะที่มือของซีเหมินจวิ้นโอบกอดและสัมผัสพวกนางทั้งสี่คน ราวกับไม่มีหลิงฮันอยู่ที่นี่

หลิงฮันใช้มือปิดตาของฮูหนิวและปลดปล่อยจิตสังหารออกมา เขาพูดว่า “หึ่ม อย่างกับกลุ่มหมาตัวผู้และหมาตัวเมียไม่มีผิด ถ้าข้าไม่สังหารพวกเจ้า ท้องฟ้าสีครามคงจะถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรก”

หลิงฮันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว และกลายเป็นแสงกระพริบหายไปพุ่งโจมตีฝ่ายตรงข้าม

“เจ้ากล้า!” หญิงสาวทั้งสี่คนกระโจนเข้าหาหลิงฮันพร้อมกัน

เมื่อหลิงฮันใช้ดาบกำเนิดมาร ใครจะสามารถต่อกรด้วยได้? ตู้ม หัวสี่หัวลอยอยู่บนอากาศและร่างที่ไร้หัวกำลังดิ้นไปมาและมีเลือดพุ่งออกมาจากคอ

“ไม่!” ซีเหมินจวิ้นกรีดร้อง แม้ว่ามันไม่ได้ขาดแคลนสาวงาม แต่หญิงสาวทั้งสี่คนนั้นคือคนที่มันติดใจมากที่สุด

“เจ้าจะต้องตาย!” ซีเหมินจวิ้นจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธในดวงตา

“ตายน้องสาวเจ้าสิ!” หลิงฮันกระโจนออกไปอีกครั้งด้วย และเกิดประกายแสงสายฟ้ากระพริบ ความเร็วของเขานั้นน่าตกตะลึงมาก

ซีเหมินจวิ้นทำได้แค่พึ่งสัญชาตญาณเท่านั้น มันมีค้อนด้ามสั้นอยู่ในมือทั้งสองข้างและมีลวดลายอักขระอยู่บนค้อน ซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่ากลัวออกมาแสดงให้เห็นว่ามันไม่ธรรมดา

ตู้ม!

มันทำได้แค่ป้องกันดาบของหลิงฮัน แต่ไม่สามารถป้องกันพลังของมันได้ ทำให้ร่างของมันกระแทกเข้ากับกำแพงถ้ำและกระอักเลือดออกมา

เจ้าไม่รู้หรือว่ากำแพงถ้ำแห่งนี้มันแข็งแค่ไหน?

ใบหน้าของซีเหมินจวิ้นซีดขาว มันเป็นถึงจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณ แต่ไม่อาจรับมือหลิงฮันได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน!

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เจ้ามันก็แค่กบก้นบ่อ ที่ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่าเจ้ามากมายแค่ไหนอยู่ใต้ดวงอาทิตย์!” หลิงฮันโจมตีออกไปด้วยดาบอีกครั้ง ศิษย์ของนิกายเฟิงเย่วต่างเป็นคนไร้ยางอาย และทุกคนจะต้องตาย

หัวของซีเหมินจวิ้นลอยหลุดออกจากบ่าเช่นกัน