ตอนที่ 422 อาเหยี่ยน ท่านดีเหลือเกิน
หลิงอวี้จื้ออยู่ข้างๆ คุยกระจุ๊กกระจิ๊กไม่หยุด เดี๋ยวก็ถามเซียวเหยี่ยนว่าสุกหรือยัง เดี๋ยวก็ถามเขาว่าใส่เกลือเมื่อไหร่ เซียวเหยี่ยนก็ใจดี ไม่มีท่าทีเบื่อหน่ายแม้แต่น้อย มีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ ดังแว่วออกจากห้องครัวไป
มั่วชิงได้กลิ่นหอมมาจากห้องครัว เห็นเซียวเหยี่ยนกำลังผัดผัก ก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง เห็นอู่จิ้นเดินมา ก็ถามอย่างประหลาดใจ
“ท่านอ๋องทำอาหารเป็นด้วยหรือ”
อู่จิ้นพยักหน้า
“นายท่านทำอาหารเป็นจริงๆ เพียงแต่ปีหนึ่งจะเข้าครัวเพียงสองครั้งเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าครัวเพื่อคนอื่น นายท่านชอบคุณหนูมากจริงๆ”
“ท่านอ๋องเหมาะสมกับคุณหนูมาก”
“อยู่มาตั้งหลายปีแล้ว ข้าเห็นมีเพียงแต่คุณหนูเท่านั้น ที่ทำให้ท่านอ๋องหัวเราะมีความสุขเช่นนี้ได้”
อู่จิ้นเหลือบมองเข้าไปในครัว ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อก่อนเขารู้สึกว่าหลิงอวี้จื้อไม่เหมาะสมกับเซียวเหยี่ยน ตอนนี้เห็นเซียวเหยี่ยนมีความสุขเช่นนี้ เขาก็ดีใจแทนเจ้านายของตนเอง
เมื่อก่อนใบหน้าของเซียวเหยี่ยนไม่แสดงความรู้สึกใด แม้ว่าตอนยังเยาว์จะเคยชอบมู่หรงกวานเย่ว์ แต่ก็ยังมีความยับยั้งชั่งใจ ไม่เหมือนตอนนี้จะซ่อนก็ซ่อนไม่อยู่ ถึงขนาดแก้ไขนิสัยหลายๆ อย่างเพื่อเธอ
หากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง เขาก็ไม่กล้าเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าเจ้านายของตนคงไม่มีใจหวั่นไหวให้ใครแล้ว แต่เขากลับชอบสาวน้อยผู้มีใบหน้าอ่อนเยาว์คนหนึ่ง
ตอนที่เพิ่งรับรู้ได้ อู่จิ้นรู้สึกว่าเหลือเชื่อ ต่อมาได้พบปะกันมากขึ้น เขาก็พบว่าหลิงอวี้จื้อมีหลายอย่างที่เหนือกว่าผู้อื่น เขานับถือคุณหนูใหญ่หน้าเด็กแห่งจวนมหาเสนาบดีคนนี้มาก ทั้งแคว้นตะวันตก เกรงว่ามีนางเพียงผู้เดียวที่มีความสามารถนี้
ท่ามกลางเสียงเอะอะวุ่นวายของหลิงอวี้จื้อ ในที่สุดเซียวเหยี่ยนก็ทำกับข้าวได้สองสามอย่าง
หลิงอวี้จื้อรอไม่ไหวแล้ว ใช้มือหยิบไชเท้าออกมาเส้นหนึ่ง เห็นเซียวเหยี่ยนมองตนเอง เธอก็ยิ้มสดใสให้เซียวเหยี่ยน
“เมื่อครู่ข้าล้างมือแล้ว จริงๆ นะ จะตรวจดูหรือไม่”
“เจ้านี่นะ”
เซียวเหยี่ยนส่ายหัวอย่างเหลืออด เห็นได้ชัดว่าไม่รู้จะจัดการนางอย่างไร เขาเป็นโรครักสะอาด หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาแตะกับข้าวจานนี้ เขาจะต้องเทกับข้าวจานนี้ทิ้งแน่ แต่ยกเว้นนาง เขายอมให้นางทำตามอำเภอใจต่อหน้าเขา
“อร่อยจริงๆ รสชาตินี้เยี่ยมมาก ต่อไปข้ามีลาภปากแล้ว อาเหยี่ยน ท่านดีเหลือเกิน”
หลิงอวี้จื้อพูดจบก็อดใจไม่ไหวจูบแก้มเซียวเหยี่ยน เห็นได้ชัดว่าความกระตือรือร้นและคำชมของหลิงอวี้จื้อใช้ได้ผลกับเขา รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกไปอีก
“ทานเถิด!”
“ได้เลย ข้าไปยกกับข้าว”
พูดจบหลิงอวี้จื้อก็ยกกับข้าว ฮัมเพลงออกมาจากห้องครัว เจอมู่หรงนี่อวิ๋นข้างนอก หลิงอวี้จื้อก็อดไม่ได้ที่จะคุยโวสักยก
“นี่อวิ๋น ได้กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารหรือยัง ได้กลิ่นแล้วอยากกินเลยใช่หรือไม่”
“เจ้าเอาอาหารไปอุ่นอีกรอบหรือ”
“จะอุ่นอีกทำไม นี่อาเหยี่ยนเป็นคนทำ อร่อยมากเลย เจ้าว่าเหตุใดอาเหยี่ยนของข้าถึงเก่งปานนี้เล่า ขนาดกับข้าวยังทำเป็น ซ้ำยังทำอร่อยมากด้วย เก่งทุกด้านจริงๆ ชาติที่แล้วข้าคงเคยกอบกู้ทางช้างเผือกเอาไว้ ถึงได้เจอพ่อเทพบุตรที่ยอดเยี่ยมอย่างเขา”
ความชื่นชมในแววตาของหลิงอวี้จื้อจะซ่อนก็ซ่อนไม่อยู่ ขาดแค่เพียงชมให้เซียวเหยี่ยนจนลอยขึ้นฟ้าไป
“ถึงแม้ท่านอ๋องจะทำครัวเป็น แต่ปกติก็เข้าครัวน้อยมาก เช่นนี้แล้วรสชาติที่ทำออกมาจะดีได้อย่างไร”
“ประเดี๋ยวเจ้าชิมก็รู้เอง ถือว่าเจ้ามีลาภปาก เจ้าไม่ต้องไปยกชามกับตะเกียบ เดี๋ยวข้าทำเอง”
หลิงอวี้จื้อไปแล้ว แต่นี่อวิ๋นกลับรู้สึกหงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ พูดงึมงำคนเดียว
“ไม่ใช่แค่ทำกับข้าวหรือไร ข้าก็เรียนได้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคุณชายอย่างข้าจะเรียนไม่ได้”
ตอนที่ 423 ไม่มีการแยกนายบ่าว
ครั้นจัดวางชามกับตะเกียบเรียบร้อยแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ให้มั่วชิงกับอู่จิ้นมากินด้วยกัน เรียกอย่างกระตือรือร้น
“วันนี้เป็นวันสิ้นปี พวกเรามีเงื่อนไขจำกัดก็กินเท่าที่มีนะ กับข้าวพวกนี้เป็นฝีมือของท่านอ๋อง ทุกคนกินเยอะๆ หน่อย อย่าให้เสียของ”
อู่จิ้นกล้ากินอาหารที่เซียวเหยี่ยนทำเสียที่ไหน นั่งตรงนี้ก็ไม่ค่อยสะดวกใจ ยืนขึ้นทันที
“ท่านอ๋อง คุณหนู ข้าน้อยจะไปเฝ้าข้างนอก พวกท่านทานเถิด!”
“ไปเฝ้าข้างนอกก็ต้องกินข้าวนะ เราอยู่นอกเมืองหลวงกัน มีพิธีรีตองมากมายเสียที่ไหน นั่งลงกินด้วยกัน พวกเจ้าก็ลำบากมามากแล้ว”
หลิงอวี้จื้อเห็นอู่จิ้นลุกขึ้น ก็ส่งเสียงห้ามทันที
“อู่จิ้น นั่งลงเถิด! ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกกัน ไม่มีการแยกนายบ่าว”
“ขอรับ นายท่าน”
อู่จิ้นตอบรับด้วยความตกตะลึง เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าเจ้านายของเขาพูดง่ายเช่นนี้ ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เพียงแต่ให้พวกเขามากินข้าวร่วมโต๊ะ ซ้ำยังเข้าครัวเองด้วย เรื่องที่แม้แต่ในฝันก็ไม่มีทางเกิดขึ้น นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง หลิงอวี้จื้อมีอิทธิพลต่อเซียวเหยี่ยนมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก
แม้มั่วชิงกับอู่จิ้นจะนั่งลงแล้ว แต่มีเซียวเหยี่ยนนั่งอยู่ข้างๆ ทั้งสองคนระมัดระวังกิริยาเป็นอย่างยิ่ง ไม่พูดจาอะไร หลิงอวี้จื้อกลายเป็นผู้รักษาบรรยากาศ คุยทักพวกเขาไม่หยุด ข้าวมื้อนี้ เมื่ออยู่ใต้อิทธิพลของเธอ ก็สามารถกินกันได้อย่างมีความสุข ทำให้อู่จิ้นกับมั่วชิงลืมฐานะของตัวเองไปชั่วครู่
กินข้าวเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ยกข้าวชามใหญ่มาที่ห้องเก็บของ เมื่อหมาป่าผีได้รับบาดเจ็บแล้วก็อาการไม่ค่อยดีมาตลอด จิตใจก็ย่ำแย่มาก อยู่รักษาแผลในห้องเก็บของตลอดมา หลิงอวี้จื้อกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไปอีก จึงไม่ได้ไปรบกวนมัน
เห็นหลิงอวี้จื้อเข้ามา หมาป่าผีก็ร้องเอ๋งหนึ่งครั้ง หลิงอวี้จื้อยื่นมือไปลูกหัวหมาป่าผี
“เจ้าดีขึ้นบ้างหรือยัง วันนี้เป็นวันสิ้นปี ที่นี่เราไม่มีเนื้อ เจ้ามาร่วมกินสักหน่อยนะ”
หมาป่าผีเลียมือหลิงอวี้จื้ออย่างสนิทสนม สองสามวันมานี้หลิงอวี้จื้อส่งข้าวให้มันตลอด ด้วยเหตุนี้หมาป่าผีจึงสนิทกับหลิงอวี้จื้อมากขึ้นเยอะ
หลิงอวี้จื้อเอากับข้าววางบนพื้น นั่งยองๆ กับพื้นมองหมาป่าผี
“เจ้ารีบดีขึ้นไวๆ นะ ข้าอยากพาเจ้ากลับเมืองหลวงด้วย เจ้าอยากไปกับข้าและมั่วชิงหรือไม่”
หมาป่าผีร้องเอ๋งอีกครั้ง มุมปากของหลิงอวี้จื้อมีรอยยิ้ม ยื่นมือออกไปลูบหัวหมาป่าผีอีกครั้ง
“รีบกินเข้า ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว”
หลิงอวี้จื้อจึงนั่งลง อยู่เป็นเพื่อนหมาป่าผีขณะมันกินข้าว ยิ้มร่าขณะมองหมาป่าผี มันเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตเธอ ที่สำนักอู๋จี๋ครั้งนั้น ยังดีที่หมาป่าผีช่วยชีวิตเธอไว้ มิเช่นนั้นป่านนี้เธอคงไปพบยมบาลแล้ว
เดิมทีเธอกลัวหมาป่ามาก ตั้งแต่ได้คลุกคลีกับเจ้าหมาป่าผี เธอก็พบว่าหมาป่าผีน่ารักมาก สิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริงคือความวิปริตวิตถารของเจียงสือต่างหาก
การเดินทางมาอำเภอฉางหนิงคราวนี้ คงจำได้แม่นยำไปตลอดชีวิต
จางผิงวางยาพิษแก่ชาวบ้านที่ติดเชื้อแล้ว ก็จุดไฟจัดการศพ การกระทำเด่นชัดเช่นนี้ อย่างไรก็แพร่กระจายไปในหมู่ชาวบ้านอยู่ดี คนไม่น้อยเริ่มมีอารมณ์ โวยวายจะไปหาเซียวเหยี่ยน
เพื่อปกป้องความปลอดภัยของเซียวเหยี่ยน จางผิงย่อมเตรียมการปราบปรามอย่างรุนแรง พวกเขาต่างเป็นคนหยาบ ไม่รู้ว่าควรจะปลอบขวัญชาวบ้านที่ประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตอย่างไร หลิงอวี้จื้อกลัวว่าจะเกิดเรื่อง จึงให้จางผิงพาชาวบ้านมารวมตัวกัน
เธอสวมชุดเจี๋ยอ่าวสีขาวครีม ผมแค่ปักปิ่นเงินธรรมดาหนึ่งเล่ม ไม่ลงแป้งที่หน้า ใบหน้าสะอาดเรียบง่าย ท่าทางเคร่งขรึม ยืนอยู่บนประตูเมืองตำบลเถาหยวน ตะโกนเสียงดัง
“พ่อแม่พี่น้อง ขอโทษด้วย เรื่องนี้เดิมทีควรบอกพวกเจ้าให้เร็วกว่านี้ แต่เพราะเป็นวันขึ้นปีใหม่ พวกเราอยากให้พวกเจ้าผ่านปีใหม่ไปอย่างสงบสบายใจ ดังนั้นจึงปิดพวกเจ้าไว้ ความรู้สึกของพวกเจ้า ข้าเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะข้าเองก็เคยเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน”
พูดไปหลิงอวี้จื้อก็แทบจะพูดต่อไปได้ยาก เธอสะอื้นเสียงต่ำๆ ดูแล้วทุกข์ใจอย่างยิ่ง