ตอนที่ 341 รับสมัครทหาร

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 341

รับสมัครทหาร

ครืด…ประตูที่เลื่อนเองโดยอันตโนมัติของขบวนรถไฟเปิดออกช้าๆพร้อมกับเหล่าผู้โดยสารที่เดินออกมาด้วยท่าทีเคยชิน แม้การเดินทางด้วยรถไฟเมื่อ 2 ปีก่อนจะเป็นการเดินทางที่แปลกและน่าตกใจแค่ไหนก็ตาม แต่ความเคยชินของมนุษย์นั้นช่างน่ากลัวจริงๆ ใช้เวลาไม่นานคนของอาณาจักรไป๋ก็ชินกับการเดินทางด้วยรถไฟไปเสียแล้ว

“ยอดเลย มาถึงไวขนาดนี้เชียว”แม้คนส่วนใหญ่จะเคยชินแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเคยชินกันหมดเพราะการเดินทางด้วยรถไฟแม้จะถูกมากแต่ก็ไม่ได้ฟรี เพราะไป๋จูเหวินและน้าไก่ฟ้าลงทุนไปเยอะมากๆไหนจะคนสร้างอย่างรูบี้และหลิวเซียนรวมถึงเหล่าคนงานที่ต้องจ้างมาทำรางรถไฟอีกต่างหาก แม้จะไม่มากแต่ก็ต้องเก็บค่าเดินทางเพื่อเออาเงินกลับเข้าอาณาจักร โดยการเดินทางแต่ละครั้งจะคิดเงินตามระยะทาง จากเมืองหลวงเก่ามายังเมืองหลวงใหม่ใช้ทั้งสิ้น 1 เหรียญทอง ทำให้ชายหนุ่มที่พึ่งเคยนั่งรถไฟมาครั้งแรกต้องจ่ายกว่า 1 เหรียญทองและอีก 20 เหรียญเงินเพื่อเดินทางจากบ้านเกิดตัวเองมายังเมืองหลวงของอาณาจักรไป๋ที่อยู่ทางใต้

“พี่ชาย ค่ายทหารไปทางไหนงั้นเหรอ”ชายหนุ่มถามพลางเดินเข้าไปหาชายคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบของการรถไฟ พวกมันคือคนที่ทำงานให้สถานีรถไฟนั่นเอง

“ออกประตูไปให้เดินตามถนนไปจนเจอถนนใหญ่ พอถึงแล้วเลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆก็ถึงแล้ว”ชายคนนั้นตอบพลางทำมือบอกเส้นทางอย่างเป็นการเป็นงาน

“ขอบใจพี่ชาย”ชายหนุ่มยิ้มพลางแบกห่อผ้าขนาดใหญ่เดินไปตามทางที่พนักงานของสถานีรถไฟเป็นคนบอก สาเหตุที่มันเดินทางมาไกลถึงเมืองหลวงนั่นเพราะประกาศใบหนึ่งที่ทางการส่งไปทั่วอาณาจักร มันคือประกาศรับสมัครทหารนั่นเอง แม้อาณาจักรไป๋จะมีกำลังอสูรที่แข็งแกร่งจนอาณาจักรรอบๆไม่มีใครกล้ายุ่ง แต่การพึ่งพาแต่อสูรไม่ใช่นโยบายขององค์จักรพรรดิ พระองค์ทรงให้หลิวหลงแม่ทัพใหญ่ฝ่ายมนุษย์คอยรวบรวมคนมีฝีมือและพัฒนากำลังฝั่งมนุษย์ขึ้นมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้อาณาจักรไป๋มียอดฝีมือเพิ่มขึ้นหลายคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เท่ากับที่เคยมีอยู่ดี และความแข็งแกร่งก็ยังเทียบกับทัพอสูรไม่ได้เลย

ในเมืองหลวงของอาณาจักรไป๋มีทั้งคนที่มีพลังวิญญาณและคนที่มีพลังอสูร การเดินตามถนนแล้วสัมผัสพลังวิญญาณจากคนๆหนึ่งไม่ได้แทบจะตีความได้เลยว่าคนๆนั้นคืออสูรอย่างแน่นอน แถมจำนวนอสูรในเมืองหลวงยังมากกว่าเมืองรอบนอกอีกต่างหาก ทำเอาชายหนุ่มที่กำลังจะเดินไปสมัครเข้าร่วมกองทัพอดตื่นเต้นไม่ได้ แม้อาณาจักรอื่นจะมองว่าการอยู่ร่วมกับอสูรราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันเป็นเรื่องประหลาด แต่สำหรับคนในอาณาจักรไป๋กลับมองว่ามันเป็นเรื่องน่าภูมิใจอย่างมาก แม้มนุษย์กับอสูรจะไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ แต่นานๆทีก็มีคู่รักระหว่างมนุษย์และอสูรให้เห็นเช่นกัน แน่นอนว่าคู่รักของอสูรกับอสูรก็มีให้เห็นประจำไม่ต่างจากมนุษย์กับมนุษย์เลย

พรึบ! เหนือหัวของชายหนุ่มปรากฏร่างของอสูรรูปร่างนกสองตนบินเคียงคู่กันอย่างหวานชื่นไม่อายสายตาชาวบ้านชาวช่องทำเอาชายหนุ่มที่ได้เห็นได้แต่เกาแก้มเขินๆ ตัวมันอยู่แต่บ้านนอกพึ่งได้ฝึกฝนพลังวิญญาณจากสำนักที่เข้ามาตั้งรกรากเมื่อ 5 ปีก่อน เรียกได้ว่าพึ่งเคยเปิดหูเปิดตาเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ เมืองหลวงของอาณาจักรไป๋ทำเอามันแทบจะตาลายไปหมดเลย

“รบกวนด้วยขอรับ”ชายหนุ่มเดินเข้าไปในอาคารหลังหนึ่งที่ใช้ก้อนหินทำกำแพง ที่หน้าประตูมีสัญลักษณ์ต้นหลิวอยู่เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพมนุษย์แห่งอาณาจักรไป๋นั่นเอง

“เจ้าหนุ่ม มาทำอะไรที่นี่”เดินเข้าไปยังไม่ทันไรชายหนุ่มก็โดนทหารคนหนึ่งหยุดเอาไว้

“ข้า…ข้ามาสมัครเข้ากองทัพขอรับ”ชายหนุ่มตอบออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มันตื่นเต้นมากในการเดินทางมาที่นี่

“สมัคร? เจ้าอายุเท่าไหร่”ทหารตรงหน้าขมวดคิ้วด้วยท่าทีประหลาดใจ

“15 ขอรับ”ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีใสซื่อ หรือว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนรับสมัครก็เลยถามอายุของมันก่อนงั้นหรือ

“เอ่อ….ระดับหลอมรวมวิญญาณขั้น 6 นับว่าน่าประทับใจ แต่พวกเรารับสมัครคนอายุ 20 ปีขึ้นไป…”นายทหารคนนั้นว่าพลางเดินไปหยิบใบรับสมัครที่ส่งออกไปทั่วอาณาจักรมาให้ชายหนุ่มดู ก่อนจะชี้ไปที่เกณการรับสมัครที่เขียนเอาไว้ด้านล่าง นอกจากระดับพลังวิญญาณขั้นต่ำที่ระดับหลอมรวมวิญญาณแล้ว ยังมีเกณอายุ 20 ปีเขียนเอาไว้ด้านล่างอีกต่างหาก แม้เด็กอายุ 15 ที่มีพลังพอๆกับผู้ใหญ่อายุ 20 จะน่าประทับใจ แต่เกณการสมัครถือเป็นกฎ จะฝ่าฝืนไม่ได้

“อะไรกัน ข้าอ่านข้ามไปงั้นเหรอ”ชายหนุ่มหน้าหมองลงทันทีเมื่อเห็นข้อความบนกระดาษ ตอนนั้นมันเห็นแค่ว่ารับสมัครคนระดับพลังหลอมรวมวิญญาณขึ้นไปมันก็รีบไปขออาจารย์ทันที เพราะอาชะทหารในเมืองหลวงนั้นเงินค่อนข้างดี สำหรับเด็กบ้านจนอย่างชายหนุ่มแล้วเงินเดือนของทหารทำให้บ้านของมันสุขสบายได้เลย

“ขอโทษด้วย แต่เราต้องทำตามกฎ”นายทหารพูดด้วยท่าทีเห็นใจ การเปิดรับสมัครเปิดมาหลายวันแล้ว การที่เด็กหนุ่มพึ่งเดินทางมาถึงนั่นหมายความว่ามันเดินทางมาไกลทีเดียว

“ขอรับ ข้าผิดเองที่อ่านไม่ครบถ้วน”ชายหนุ่มตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีเสียดาย

ปึง!! อยู่ๆประตูด้านหลังของชายหนุ่มก็เปิดออกด้วยเสียงดังสนั่น แต่ทันทีที่นายทหารเห็นว่าใครเป็นครกระแทกประตูเข้ามามันกลับไม่โกรธแถมยังรีบขยับตัวไปชิดกำแพงพลางประสานมือคารวะค้างเอาไว้อีกต่างหาก ทำเอาชายหนุ่มที่มาสมัครรีบหลบไปอยู่ข้างๆเช่นกัน

“ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพคิดอะไรอยู่ เกณรับสมัครก็ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป แล้วข้าจะไปหาเด็กอายุ 14 15 มาจากไหน”ชายคนนั้นบ่นด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย สาเหตุของความขุ่นเคืองนั้นคงมาจากจดหมายในมือของมันนั่นเอง

“มีอะไรหรือขอรับท่านขุนพล” นายทหารที่อยู่ข้างๆชายหนุ่มถามเมื่อเห็นชายที่เปิดประตูเดินเข้ามาใกล้ตนเองมากแล้ว เช่นเดียวกับขุนพลอสูร ขุนพลของฝั่งมนุษย์เองก็มี 8 คนเช่นกัน ตำแหน่งนั้นเป็นรองแต่เพียงแม่ทัพใหญ่อย่างหลิวหลงเท่านั้น

“ท่านแม่ทัพนะสิ บอกว่าอยากได้ทหารอายุน้อยๆสักคน”ได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็เบิกตากว้างแทบจะพุ่งพรวดไปข้างหน้าทันที

“ข้าเองขอรับ ข้าขอสมัคร”ชายหนุ่มว่าพลางเดินพรวดๆเข้าไปหาท่านขุนพลอย่างไม่กลัวตาย ทั้งๆที่นายทหารข้างๆยังเกรงใจไม่กล้าเข้าไปใกล้แท้ๆ

“เจ้าอายุเท่าไหร่”ท่านขุนพลถามพลางใช้พลังวิญญาณตรวจสอบพลังของอีกฝ่าย ซึ่งระดับพลังของอีกฝ่ายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร นับว่าพอรับได้

“15 ขอรับ”ได้ยินที่ชายหนุ่มตอบท่านขุนพลก็มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แม้จะเรียกได้ว่าด้วยอายุเท่านี้ชายหนุ่มเพิ่มพลังวิญญาณของตนเองได้ยอดเยี่ยมทีเดียว เพียงแต่งานที่มันถูกไหว้วานมาต้องใช้คนที่ค่อนข้างพิเศษจริงๆ

“เจ้ามีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง”ท่านขุนพลถามพลางจ้องชายตรงหน้านิ่ง

“ขะ ข้าฝึกฝนวิชากับสำนักเหยียวทะเลทรายขอรับ ถนัดวิชาเหยียวเทาท่องลมขอรับ”ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทีจริงจังและหนักแน่น วิชาของสำนักเหยี่ยวทะเลทรายนับว่ามีชื่อเสียงพอตัว แถมวิชาที่พูดออกมายังเป็นวิชาเอกของสำนักอีกต่างหาก ท่าทางเจ้าหนูนี่จะได้รับความเชื่อใจจากเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายไม่น้อย

“ไม่เลว…แล้วมีอย่างอื่นอีกไหม”ท่านขุนพลถาม แม้วิชาเหยี่ยวเทาท่องลมจะเป็นวิชาท่าเท้าที่ไม่เลว รวดเร็วและแม่นยำ แต่งานที่ท่านแม่ทัพระบุมาค่อนข้างต้องใช้ความสามารถพิเศษอื่นร่วมด้วย อย่างน้อยก็ต้องมีเนตรจิตเข้าช่วย

“ข้าจมูกดีขอรับ”ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มกว้าง

“จมูกดี?”ทั้งขุนพลทั้งนายทหารต่างขมวดคิ้วงุนงง จมูกดีแล้วมันอย่างไร?

“มันอธิบายยากขอรับ ข้าจมูกดีมาตั้งแต่เกิด ขนาดอสูรสุนัขในเมืองข้ายังชมเลย”ชายหนุ่มยิ้มหน้าแดงด้วยท่าทีเขินๆราวกับพูดเรื่องน่าอายของตัวเอง

“แล้ว จมูกของเจ้าทำอะไรได้บ้าง”คราวนี้นายทหารถามด้วยตนเองเพราะอยากรู้ขึ้นมา

“ก็ตามหาของขอรับ เหมือนกับที่พวกอสูรสุนัขทำกัน ถ้าเคยได้กลิ่นละก็ข้าสามารถตามหาคนๆนั้นในระยะ 5 กิโลเมตรได้สบายเลย”ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มกว้าง จมูกของมันเทียบเท่าหรือเหนือกว่าอสูรสุนัขเสียอีก นับว่าเป็นเรื่องประหลาดอย่างมาก

หมับ!! อยู่ๆท่านขุนพลก็คว้าหมับเข้าที่ไหล่ทั้งสองข้างของชายหนุ่ม ทำเอามันตกใจจนหัวใจจะวาย

“ยอดเยี่ยม!”แม้จะงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นท่านขุนพลพอใจก็ทำให้ชายหนุ่มพลอยตื่นเต้นไปด้วย

“ข้าจะให้เจ้าเข้าฝึกฝนที่นี่ 1 เดือน ถ้าเจ้าสอบผ่านข้าจะมอบงานให้เจ้า”ท่านขุนพลว่าพลางยิ้มกว้างออกมา งานยุ่งยากยิบย่อยที่ตนเองได้รับมากลับเสร็จสิ้นในพริบตา ทำเอามันหายโกรธเป็นปริดทิ้ง

“ขะ ขอรับ”ชายหนุ่มตาเป็นประกายพลางตอบรับด้วยท่าทีแข็งขัน แบบนี้มันเหมือนถูกหวยเลยไม่ใช่หรือไง

“งั้นเจ้าตามข้ามา”นายทหารพูดพลางโบกมือไปทางชายหนุ่ม ในเมื่อท่านขุนพลรับมาแล้ว หน้าที่ฝึกฝนก็ต้องตกอยู่กับคนในกรมอย่างพวกมันนี่เอง

“ขอรับ”ชายหนุ่มยิ้มกว้างพลางบอกลาท่านขุนพลเพื่อจะตามนายทหารไป พอได้งานแล้วมันก็โล่งอก แบบนี้มันคงสามารถส่งเงินให้แม่ที่บ้านนอกได้แล้วกระมัง

“จริงสิ เจ้าชื่ออะไรนะ”นายทหารถามพลางเอาพู่กันออกมาเขียนลงบนแผ่นไม้

“ชิงชิวขอรับ”ชิงชิวตอบพลางยิ้มกว้าง

“อืม..”นายทหารว่าพลางเขียนชื่อของชิงชิวลงบนแผ่นไม้ ก่อนจะหันไปหยิบชุดเครื่องแบบก่อนจะยัดทั้งสองอย่างให้ชิงชิวไป

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเจ้าต้องตื่นตี 4 เพื่อเริ่มฝึกซ้อม”นายทหารว่าพลางชี้ไปที่ห้องๆหนึ่งในอาคาร

“เป้าหมายของเจ้าคือเลื่อนระดับเป็นระดับชำระกล้ามเนื้อในเดือนหน้า เพราะฉะนั้นเจ้าเจอฝึกนรกแน่ๆ”นายทหารยิ้มด้วยท่าทีใจดี ปกติทหารใหม่จะต้องมาฝึกอยู่ที่กรมเป็นเวลา 1 ปี หากคนๆนั้นมีพลังต่ำกว่าชำระกล้ามเนื้อ ก็ต้องฝึกให้ถึงชำระกล้ามเนื้อภายใน 1 ปีถึงจะออกไปรับหน้าที่ได้ แต่ชิงชิวไม่เหมือนคนอื่น ท่านขุนพลบอกว่าให้มันรับงานในอีก 1 เดือน นั่นหมายความว่ามันจะต้องไปให้ถึงระดับชำระกล้ามเนื้อก่อนรับงานเหมือนๆคนอื่นเช่นกัน

“ท่าน..ท่านล้อเล่นใช่หรือไม่”ชิงชิวเหงื่อตก กว่ามันจะเลื่อนระดับจากระดับ 5 มาเป็น 6 ได้ก็ใช้เวลาเกือบเดือน นี่อีกฝ่ายจะให้มันเลื่อนจาก 6 ไปเป็น 10 แล้วข้ามไปอีกระดับใน 1 เดือนเนี่ยนะ….