ตอนที่ 217 เตือนสติเธอ + ตอนที่ 218 เหยียนหมิงซุ่นทายาให้

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 217 เตือนสติเธอ + ตอนที่ 218 เหยียนหมิงซุ่นทายาให้ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 217 เตือนสติเธอ

อู่เหมยพูดอย่างนิ่มนวล “อาจารย์เฮ่อ คุณอาของหนูนิสัยไม่ค่อยดี เวลาอารมณ์ร้ายก็เหมือนประทัดระเบิด เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่”

เมื่อพูดจบเธอก็คิดว่าตัวเองยังใช้คำพูดไม่ถูกสักเท่าไหร่เลยพูดเสริมไปว่า “สรุปคือคุณอาเขาก็เหมือนผู้หญิงบ้านนอกปากร้ายแถมยังสามารถทำเรื่องที่ไม่อาจหาคำบรรยายได้”

การที่เฮ่อเหวินจิ้งเข้าไปยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นแน่นอนว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่ขณะเดียวกันอู่เหมยกลับคิดว่าเฮ่อเหวินจิ้งไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่หลงตัวเอง แต่จี้เจี้ยนโปเองก็เถอะ เขามีอะไรที่คนอื่นจะมาให้เกียรติกันได้ด้วยหรือ?

ถ้าหากว่าอู่เจิ้งหงรู้เรื่องของเฮ่อเหวินจิ้ง คุณอาใจกล้าคนนี้ต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องวุ่นวายแน่ๆ ยิ่งในยุคนี้ สำหรับหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าหากว่าถูกคนดึงเสื้อผ้าออกต่อหน้าหน่วยงาน แถมยังถูกแปะใบประกาศจนต้องอับอาย สุดท้ายก็ไม่พ้นถูกปลดออกจากตำแหน่งราชการ จะดำเนินชีวิตต่อไปยังไงก็ไม่รอด

เธอทนไม่ไหวจริงๆ หากเห็นเฮ่อเหวินจิ้งเป็นแบบนี้!

เมื่อชาติก่อนอู่เจิ้งหงก็เคยทำแบบนี้มาแล้ว วันครูวันนั้นอู่เจิ้งหงสร้างเรื่องวุ่นวายไปหมด หลังจากนั้นถึงแม้ว่าจะคุยกับจี้เจี้ยนโปดีแล้ว แต่ว่าเธอก็ยังมีอารมณ์ค้างอยู่ สุดท้ายพอเธอมาพบว่าเป็นเฮ่อเหวินจิ้ง ก็เลยวิ่งไปที่ทำงานของเธอ และไม่เพียงแค่ดึงเสื้อของเฮ่อเหวินจิ้งแต่ยังโกนหัวเธออีก

ยังดีที่จี้เจี้ยนโปรีบไปหยุดอู่เจิ้งหงไว้ได้ อย่างไรก็ตามชื่อเสียงของเฮ่อเหวินจิ้งก็เสียหายไปแล้ว แถมยังโดนไล่ออก เล่ากันว่าต่อมาเฮ่อเหวินจิ้งออกไปจากเมืองจินแล้ว แต่รายละเอียดของสถานการณ์ในตอนนั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน

เรื่องพวกนี้เธอเคยได้ยินตอนที่เหอปี้อวิ๋นพูดที่บ้าน ตอนนั้นเธอก็ไม่รู้จักกับเฮ่อเหวินจิ้ง แต่ตอนนี้นึกออกแล้ว เรื่องที่ขมขื่นในชาติก่อนของเฮ่อเหวินจิ้ง เธอน่าจะเป็นชนวนระเบิดหนึ่ง ตอนนั้นถ้าไม่มีอู่เยวี่ยเป็นต้นเหตุ ก็น่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้กับเฮ่อเหวินจิ้ง

แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องเกิด อู่เยวี่ยรู้เรื่องของเฮ่อเหวินจิ้งแล้ว และเธอก็เป็นคนต่ำทรามหน้าเนื้อใจเสือ ใครจะไปรู้ว่าจะถูกเปิดโปงอีกครั้งเมื่อไร วันหนึ่งถ้าอู่เจิ้งหงรู้เข้า เหตุการณ์แบบชาติที่แล้วก็จะต้องเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน

เฮ่อเหวินจิ้งค่อยๆ ยิ้ม เธอรู้สึกอับอายมาก ที่นักเรียนของเธอรู้เรื่องที่สุดที่จะทนของเธอ เธออยากที่จะเอาหน้ามุดแผ่นดินหนีเลยทีเดียว เฮ่อเหวินจิ้งแสยะยิ้มและพูดว่า ”เหมยเหม่ยเธอไม่โทษฉันหรอ? ฉัน…”

อู่เหมยยักไหล่ “หนูไม่ชอบคุณอาของหนู อีกอย่างหนูก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะโทษใครทั้งนั้น เพียงแต่อาจารย์เฮ่อ คุณเหมาะสมกับผู้ชายที่ดีกว่านี้ อย่ามายุ่งกับครอบครัวของหนูเลย เสียเวลาเปล่า”

เฮ่อเหวินจิ้งอายมากที่โดนเด็กที่เป็นเหมือนผู้ใหญ่เตือนจนรู้สึกขวัญเสีย เด็กสมัยนี้ฉลาดมากจนน่าตกใจ รู้เรื่องไปหมด รู้เยอะกว่าผู้ใหญ่เสียอีก

“ขอบคุณนะเหมยเหมยที่เตือน ฉันจะทบทวนดูอีกรอบนะ” เฮ่อเหวินจิ้งพยายามตั้งสติ เธอเริ่มที่จะเตรียมตัวพิจารณาอนาคตของตัวเอง แม้กระทั่งตัวของเธอเองยังรับตัวเองไม่ได้เลย โลกของความรักแบบนี้มันช่างไร้ค่าจริงๆ

อู่เหม่ยบอกลาเฮ่อเหวินจิ้งและออกมาจากห้องทำงานของเธอ ไปรอสยงมู่มู่ที่ห้องสอนกีตาร์ระหว่างทางเดินผ่านห้องเต้นรำ ห้องเปียโน ห้องพู่กัน ห้องหมากล้อม ห้องกู่เจิ้ง และอื่นๆ อีกมากมาย อู่เหมยมองจนตาลายไปหมด

เธอยังรู้สึกสนใจห้องกู่เจิ้งเป็นพิเศษ ใส่ชุดชาวฮั่น จุดธูป แล้วบรรเลงเพลง “ภูเขาสูงน้ำไหล” แน่นอนว่างดงามดุจดังภาพวาดภูเขาและแม่น้ำก็ไม่ปาน

หลังจากนี้หาเวลามาลองเรียนกู่เจิ้งดูดีกว่า พอเรียนแล้วจะเล่นได้สักสองสามเพลงทำตัวเป็นพวกชนชั้นสูง แน่นอนว่าจะต้องทำให้คนเป็นกลุ่มช็อกให้ได้!

อู่เหมยยิ้มมีความสุขอยู่สักพักหนึ่ง ก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องสอนกีตาร์ชั้นสอง สยงมู่มู่กำลังเรียนพิเศษอยู่ในห้องทำงานของอาจารย์ อาจารย์คนนี้รู้จักกับจ้าวอิงหนาน มักจะมาช่วยสอนพิเศษสยงมู่มู่อยู่เป็นประจำ

ดูท่าทางแล้วอีกชั่วโมงครึ่งสยงมู่มู่ก็คงยังเรียนไม่เสร็จ อู่เหมยรอจนเบื่อ เลยหยิบกีตาร์ตัวที่พิงอยู่ที่กำแพง ดีดมั่วๆ แต่ไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาที่อาจารย์สอนสยงมู่มู่เมื่อกี้มาใช้ เล่นไปตามสัญชาตญาณ แม้กระทั่งตัวของเธอเองยังไม่รู้ตัว

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 218 เหยียนหมิงซุ่นทายาให้

ครูสอนกีตาร์แซ่ปู้ เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าๆ ไว้ผมยาวสลวย แต่ก็ไม่ได้ยาวมากเท่าไร

เดิมทีอาจารย์ปู้ไม่ได้เป็นคนสนใจสิ่งรอบตัวมากนัก แต่พอได้ยินเสียงที่อู่เหมยเล่นมาสองสามนาทีก็พอจะรู้สึกอะไรบางอย่าง และมองไปยังอู่เหมยอย่างตกใจ สยงมู่มู่เองก็เห็นแต่ไม่ได้พูดอะไร และฟังอู่เหมยบรรเลงกีตาร์อย่างบ้าคลั่ง

อู่เหมยดีดมั่วๆ เสียงดังอยู่พักหนึ่ง ก็ปวดที่ปลายนิ้วจากการที่ปลายนิ้วได้สัมผัสกับสายโลหะ ใครไม่เจ็บก็บ้าแล้ว!

อาจารย์ปู้มองอู๋เหม่ยอย่างสนใจและถามว่า “สาวน้อยอยากเรียนกีตาร์ไหม?”

“ไม่เอาค่ะ เจ็บมือ”

อู่เหมยปฎิเสธโดยไม่ลังเล พร้อมยื่นนิ้วชาๆ ทั้งสิบขึ้นมา ที่ปลายนิ้วแดงก่ำ สยงมู่มู่อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากและบอกกับครูปู้ว่า “คุณลุงปู้ เหมยเหมยเขากำลังเรียนวาดภาพ ไม่มีเวลาเรียนกีตาร์หรอก”

 อาจารย์ปู้ส่ายหน้าอย่างเสียดาย สาวน้อยที่มีพรสวรรค์ น่าเสียดายที่ไม่อยากเรียนกีตาร์ น่าเสียดายจริงๆ!

 “วันหลังถ้าคิดอยากจะเรียน ที่นี่ยินดีต้องรับเธอเสมอนะ” อาจารย์ปู้พูดกับเธอตอนเธอจะออกไป

อู่เหมยเอาแต่หัวเราะ ไม่พูดอะไร ถ้ามีเวลาหน่อยเธอก็อยากจะเรียนกู่เจิ้ง ส่วนกีตาร์นั้นเธอไม่ได้สนใจเลย ถ้าให้เทียบระหว่างกีตาร์กับกู่เจิ้ง กูเจิ้งนี่มาที่หนึ่งเลย

เธอเคยเห็นมาแล้วว่า คนที่เล่นกีตาร์เป็นนั้นมีเยอะมาก และคนที่ร้องเพลงเป็นแทบทุกคนก็เล่นกีตาร์ได้หมด แต่คนที่เล่นกู่เจิ้งเป็นมีแค่ไม่กี่คนเอง!

อู่เหมยยังไม่พูดเรื่องย้ายบ้าน เธอกำลังรอให้คะแนนภาษาออกมาก่อน เธอคิดว่าครั้งนี้ต้องออกมาดีแน่ๆ เช่นนี้แล้วเธอค่อยพูดเรื่องนี้ออกมาตอนที่อู่เจิ้งซืออารมณ์ดี อย่างนี้ถึงจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นหน่อย

ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนไป คะแนนจะต้องออกมาช่วงสุดสัปดาห์ อาจารย์อู๋มักจะทำแบบนี้ ชอบให้พวกเขาเอาข้อสอบกลับบ้านให้ผู้ปกครองดูและเซ็นชื่อกลับมาด้วย ครั้งนี้ก็น่าจะเหมือนกันแน่นอน

วันนี้ที่บ้านอู่บรรยากาศไม่ค่อยดี ถึงแม้ว่าอู่เหม่ยจะอารมณ์ดี แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมา ไม่พูดเลยแม้แต่ประโยคเดียว ทำคิ้วขมวด เหอปี้อวิ๋นอึดอัดใจอยากจะจัดการเธอ แต่เธอไม่สามารถทำให้เหอปี้อวิ๋นจับผิดเธอได้

พอทำการบ้านเสร็จก็รีบวิ่งออกไปสูดอากาศอันปลอดโปร่งข้างนอกบ้าน เพราะตอนนี้เหอปี้อวิ๋นและอู่เยวี่ยทำหน้าเหมือนมีคนติดเงินอยู่แปดร้อยล้านหยวน เธอไม่อยากอยู่บ้านดูหน้าสองคนนั้นที่ทำหน้าเหมือนจะตายหรอก!

แต่ว่าดูท่าทางของอู่เยวี่ยแล้วเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี ดูท่าทางอาจจะเป็นเพราะว่าคะแนนของการสอบประจำเดือนน่าจะไม่ได้ตรงตามอย่างที่คิดเอาไว้ สุดสัปดาห์นี้ผลก็น่าออกแล้วมั้ง?

ยังไม่รู้ว่าอู่เยวี่ยจะสอบได้อันดับที่เท่าไร?

ถ้าสอบได้ที่สี่ที่ห้าได้ก็ยิ่งดี อู่เยวี่ยจะได้กระอักเลือดออกมา แบบนี้แล้วเหอปี้อวิ๋นและอู่เจิ้งซือจะยังออกไปขี้โม้ข้างนอกได้อยู่อีกหรือ?

เหยียนหมิงซุ่นมองมาแต่ไกลก็เห็นอู่เหมยกำลังหัวเราะเหมือนคนบ้าเดินมา อดไม่ไหวเลยหัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน ยัยเด็กบื้อนี่ท่าทางอารมณ์ดีน่าดู ไม่น่าเป็นห่วงทั้งวันเลย

“มีเรื่องอะไร ทำไมดูมีความสุขนัก?”

อู่เหมยที่กำลังแอบคิดอยู่ในใจ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังขึ้นทำให้ตกใจ พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเป็นเหยียนหมิงซุ่น หัวใจก็เต้นแรง ส่งเสียงว่า “พี่หมิงซุ่น!”

“เธอมาหาฉิวฉิวหรอ? มันเล่นอยู่บนต้นไม้ต้นนี้” เหยียนหมิงซุ่นชี้ไปที่ต้นไม้ต้นที่สูงสุดในสนามกีฬา

“ฉันมาเดินเล่นน่ะ ก็เลยคิดว่ามาหาฉิวฉิวด้วย” อู่เหมยเงยหน้าก็เลยกลายเป็นตาจ้องตากับเหยียนหมิงซุ่น หน้าก็ค่อยแดงขึ้นเรื่อยๆ

เหยียนหมิงซุ่นล้วงกระเป๋าและหยิบน้ำมันยาออกมา พูดอย่างไม่ให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้ทันว่า “เธอปลดกระดุมออกหน่อยสิ เดี๋ยวพี่จะทายาให้”

อู่เหมยมองเหยียนหมิงซุ่นอย่างประหลาดใจ สงสัยหูของตัวเองนิดหน่อย เหยียนหมิงซุ่นก็พูดซ้ำอีกรอบ อู่เหมยก็เลยเขินขึ้นมา ใจคิดอยากจะปฎิเสธ แต่ก็ไม่กล้า อีกฝ่ายจะเป็นผู้นำระดับสูงในอนาคต การที่เขาทายาให้เธอก็ถือเป็นเกียรติอย่างมากเลยนะ!

แต่ว่าเธอก็ไม่ใช่เด็กสิบสองขวบนะ ที่จะให้ผู้ชายทายาให้ที่คอ จะคิดยังไงก็รู้สึกไม่สบายใจเสียเลย!

…………………………………………………………………………………………..