ตอนที่ 303 ถอนพิษ / ตอนที่ 304 เจ้ามาประคองสิ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 303 ถอนพิษ 

 

 

 

 

 

หลังจากที่นำยาสมุนไพรกลับมาถึงเรือนไม้แล้ว อวี้อาเหราก็ถอดหน้ากากออก รีบส่งสมุนไพรในมือให้ชายชราทันที “ท่านลองดูว่าใช่อันนี้หรือไม่ หากใช่ก็ไปทำเป็นยาถอนพิษให้เจาเอ๋อร์เถิด” 

 

 

“ได้” ชายชรามีท่าทีจริงจังขึ้นมาทันที หลังจากมองสมุนไพรอย่างพิจารณาแล้วจึงพยักหน้าลง “ไม่ผิดแน่ เจ้าไปดูแลนางก่อนเถิด เวลาล่วงเลยมานานแล้วเกรงว่าพิษคงซึมลึก เจ้าใช้หยกเลือดในมือเจ้าถ่วงเวลาอีกสักหน่อยเถิด” 

 

 

“เข้าใจแล้ว” อวี้อาเหราไม่กล่าวอะไรออกมาอีก นางรีบหันกายเดินไปที่ข้างเตียงในทันที 

 

 

สีหน้าของเจาเอ๋อร์หมองคล้ำลงจนคล้ายจะเป็นสีม่วงปนดำ ดูไม่ได้ยิ่งนัก ริมฝีปากเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง นับตั้งแต่ยามที่นางสลบไปก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย นางก็กลัวว่าเจาเอ๋อร์จะหลับไม่ตื่นยิ่งนัก 

 

 

เมื่อถอนสายตากลับมา อวี้อาเหราก็มองไปยังข้างกาย “เหตุใดหานสือออกไปตั้งนานแล้วยังไม่กลับมาอีกเล่า” 

 

 

“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน” น้ำเสียงทุ้มเย็นหลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา 

 

 

หลังจากที่กล่าวจบ ทั่วทั้งห้องก็เงียบลงไปอีกครั้ง 

 

 

อวี้อาเหรานิ่งเงียบสักพัก จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นกล่าวว่า “เจ้ายังคงคิดเรื่องที่หาสมุนไพรเมื่อครู่นี้ไม่พบอยู่อีกหรือ…” 

 

 

“เปล่า” ฉู่ป๋ายส่ายหน้า ใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่ก้มต่ำเงยขึ้นมา แล้วมองนิ่งไปยังข้อมือของอวี้อาเหรา “เพียงแต่ข้ากำลังคิดว่าโจรปล้นชิงที่ต้องการแย่งหยกเลือดไปจากเจ้านั้น รู้ได้อย่างไรว่าในโลกนี้มีหยกเลือดอยู่จริงๆ” 

 

 

“อ้อ ข้าก็นึกว่าเจ้า…” อวี้อาเหราพลันวางใจลงบ้าง ก่อนจะพูดในเรื่องที่เขากล่าวถึง “ข้าเองก็แปลกใจอยู่เช่นกัน ปกติแล้วหยกเลือดเป็นของมีค่าชั้นสูง แม้แต่คนในเมืองเฟิ่งเฉิงเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่โจรเหล่านั้นแค่มองเท่านั้นก็ยืนยันได้ ดูแล้วคงจะไม่ใช่โจรธรรมดาทั่วไป จริงสิ…” 

 

 

หลังจากชะงักไป นางก็คิดขึ้นมาได้ 

 

 

“ตอนนั้นข้าได้ปิ่นรูปหงส์จากมือของโจรปล้นชิงในราคาสิบห้าตำลึงทอง ดูแล้วเหมือนเป็นของเก่าแก่มีอายุยาวนาน ปิ่นรูปหงส์นั้นก็สวยงามยิ่งนัก แกะสลักได้มีชีวิตชีวาราวกับมีชีวิต ไม่เหมือนของที่คนธรรมดาจะมีเอาไว้ครอบครองได้เลย อีกอย่างวิหคเทพอย่างหงส์นั้นเป็นของที่ฮองเฮาเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ แล้วเหตุใดของเช่นนี้จึงมาอยู่ในมือโจรได้เล่า” 

 

 

“ปิ่นรูปหงส์หรือ” ฉู่ป๋ายได้ยินที่นางพูดก็เลิกคิ้วขึ้น 

 

 

อวี้อาเหากะพริบตา “ไม่ผิด เป็นรูปหงส์จริงๆ” 

 

 

“ลักษณะเป็นเช่นไร” เขาถามขึ้นด้วยทีท่าสงบนิ่ง 

 

 

“เป็นรูปหงส์กางปีก โดยปีกพวกนั้นก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไรจึงมีประกายระยิบระยับเจ็ดสี สวยงามเป็นอย่างมาก เจ้าเองก็รู้ว่าข้าและเจาเอ๋อร์เป็นคนในจวนหลิงอ๋อง ต่างก็เคยเห็นของพวกนี้มามากจนชินตา เพราะฉะนั้นพวกเราทั้งสองคนจึงชื่นชมปิ่นชิ้นนี้เป็นอย่างมาก ช่างสวยงามจนเกินบรรยาย” 

 

 

“จริงหรือ” ท่าทีของฉู่ป๋ายชะงักไปเล็กน้อย ดวงตารียาวส่องประกายลึกล้ำ มองไม่ออกว่าในยามนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ดังนั้นนางจึงลองถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ 

 

 

“อืม ข้าจะหลอกเจ้าไปทำไม ข้ายังซื้อปิ่นชิ้นนั้นมาด้วยนะ ไม่เชื่อเจ้าก็ลองดูสิ…” ขณะที่พูดนั้น อวี้อาเหราก็ใช้มือคลำทั่วทั้งตัว จากนั้นจึงคิดได้ว่านางได้นำของสิ่งนั้นไปฝากให้ชิงอวิ๋นเก็บรักษาเอาไว้ก่อนที่จะมีการต่อสู้เกิดขึ้น ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่กับนาง 

 

 

เมื่อเห็นดวงตาสงสัยใคร่รู้ของฉู่ป๋าย นางก็ทำได้แต่เพียงอธิบายว่า “ของไม่ได้อยู่กับข้า รอจนชิงอวิ๋นกลับมาก่อนข้าจะให้ดู” 

 

 

“อืม” เขาไม่ได้ว่าอะไร 

 

 

อวี้อาเหราหันกลับไป เห็นว่าเจาเอ๋อร์ก็ยังมีอาการเช่นเดิม ราวกับหยกเลือดนั้นใช้กับนางไม่ได้  

 

 

ผ่านไปไม่นาน ชายชราก็ยกถ้วยยาเข้ามา “ให้แม่นางน้อยดื่มเสียเถิด” 

 

 

อวี้อาเหรารีบรับมาทันที เมื่อเห็นยาที่เต็มถ้วยนั้น นางก็ขมวดคิ้วขึ้นมา  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 304 เจ้ามาประคองสิ 

 

 

 

 

 

“เจ้ามาประคองเจาเอ๋อร์ให้ข้าที” หยิบช้อนขึ้นมา อวี้อาเหราก็ไม่รู้ว่าจะป้อนอย่างไร จึงร้องเรียกให้ฉู่ป๋ายมาช่วยเหลือ เขาฟังเข้าใจในความหมายของนางทันที แต่กลับชะงักขึ้นมา “ให้ข้าประคองนาง?” 

 

 

“ก็ต้องเป็นเจ้าน่ะสิ หากให้ตาเฒ่านี่มาประคองข้าก็ไม่วางใจหรอก” แม้ว่าอวี้อาเหราจะไม่ได้มีความรู้ที่ไม่ดีอะไรกับชายชรานัก แต่นางก็ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าจะต้องไม่ไว้วางใจอยู่บ้าง 

 

 

ฉู่ป๋ายกระแอมไอออกมาเล็กน้อย “แล้วเจ้าไว้ใจข้าหรือ” 

 

 

“ไว้ใจสิ” อวี้อาเหราตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ 

 

 

สำหรับเขา นางจะไม่ไว้ใจได้อย่างไร เขาไม่เหมือนกับชายชราผู้นี้ที่มีท่าทีไม่น่าไว้วางใจเลยแม้แต่น้อย อายุมากถึงเพียงนี้แล้วก็ยังทำตัวเหมือนเฒ่าทารกไม่มีผิด กลับกันนั้นฉู่ปายกลับมีท่าทีสงบเสงี่ยม แน่นอนว่านางก็ต้องเลือกที่จะเชื่อใจเขาเป็นธรรมดา 

 

 

ทว่าในใจของฉู่ป๋ายกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น 

 

 

อวี้อาเหราก็คิดว่าเขานั้นหมดสมรรถภาพทางด้านนั้นไปแล้วหรืออย่างไร? สำหรับชายหนุ่มทั่วไปแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่ยากเกินที่จะทานทนยิ่งนัก 

 

 

อวี้อาเหราเห็นเขาเหม่อลอย เช่นนั้นก็ร้องเรียกขึ้นอย่างรำคาญใจ “เจ้ารีบหน่อยสิ หากไม่อยากประคองเจาเอ๋อร์ก็มาป้อนยาแทนข้า ข้าจะประคองนางเอง หากยังชักช้าอยู่อีก นางเป็นอะไรไปข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้า!” 

 

 

ไม่เข้าใจเลยว่าทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายตัวโตๆ แท้ๆ เหตุใดถึงได้พิรี้พิไรเช่นนี้ เจาเอ๋อร์ก็ไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อย อีกทั้งหน้าตายังนับได้ว่าไม่เลว เขาก็ควรจะรีบกุลีกุจอเข้ามาช่วยเหลือมิใช่หรืออย่างไร หากเขาและเจ้าเฒ่าลามกนั้นแบ่งนิสัยกันไปทีละครึ่งก็คงจะดีอยู่หรอก อีกคนก็น่ารำคาญเสียจนน่าตายนัก อีกคนกลับ… 

 

 

ยากเหลือเกินที่จะนิยามออกมา 

 

 

ในที่สุดฉู่ป๋ายก็หยัดร่างกายขึ้น ไม่มีทางเลือก ในห้องนี้มีพวกเขาเพียงสามคนเท่านั้น ในเมื่ออวี้อาเหราไม่ยอมให้ชายชราลงมือ เช่นนั้นก็ต้องเป็นเขาแล้ว เขารับถ้วยยามา ทั้งสองคนก็ขยับตัวสอดคล้องกัน โดยการป้อนยาถ้วยใหญ่ให้ถึงปากของเจาเอ๋อร์ นางที่นอนหลับสลบไสล แน่นอนว่าไม่อาจที่จะกลืนยาได้ เช่นนั้นจึงทำให้ยาจำนวนมากไหลลงมา 

 

 

ยาเหล่านี้มีค่ามากมายนัก อวี้อาเหราเห็นว่าหกเลอะเสียมากมาย ทันใดนั้นก็ออกปากดุว่าฉู่ป๋ายทันที “เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ รีบๆ ให้นางกินยาให้หมดเสียสิ เร็วๆ เข้า!” 

 

 

“อ้อ…” การกระทำของฉู่ป๋ายดูยุ่งเหยิงพัลวัน เขาก็ไม่เคยต้องดูแลใครมาก่อน แต่ยามนี้ตัวเขาที่สงบนิ่งมาตลอดกลับร้อนรนจนมือไม้พันกัน ท่าทางดูทำอะไรไม่ถูก แม้แต่การป้อนยาก็ยังดูเงอะงะไม่ได้ความ 

 

 

อวี้อาเหราทนมองต่อไปอีกไม่ได้ นางยื่นมือออกไปแย่งเอาถ้วยยามาแล้วพูดกับชายชราว่า “เจ้ามาประคองนาง!” 

 

 

ฉู่ป๋ายที่ถูกนางมองค้อนเช่นนั้น ก็รู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมยิ่งนัก เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย เหตุใดจะต้องโกรธกันถึงเพียงนี้? 

 

 

ยังดีที่ชายชราให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสองจึงป้อนยาได้อย่างรวดเร็ว 

 

 

ในยามนี้หานสือก็รีบกลับเข้ามาหา เมื่อเห็นอวี้อาเหราอยู่ด้านในก็ตกใจ “คุณหนูรอง ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันขอรับ” 

 

 

“ข้า…” อวี้อาเหราคิดไม่ออกว่าควรจะตอบอย่างไรดี 

 

 

หานสือเห็นนางมีท่าทีอึกๆ อักๆ ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่กลัวตาย “หรือว่าคุณหนูรองตามซื่อจื่อของข้ามาถึงที่นี่กันขอรับ” 

 

 

“พูดจาไร้สาระ!” อวี้อาเหราจ้องมองเขาอย่างโกรธเคือง “ข้ามาถึงที่นี่ก่อนแท้ๆ เป็นซื่อจื่อของเจ้าต่างหากที่ตามข้ามา” 

 

 

“เอ่อ…” หานสือลังเลอยู่บ้าง ดูเหมือนว่าหลังจากที่ซื่อจื่อของเขารู้ข่าวคุณหนูรองแล้ว เขาก็รีบควบม้ามาถึงที่นี่โดยไม่หยุดพักทั้งที่ยังป่วยหนัก หลายวันมานี้เขายังกลัวว่าอาการจะทรุดหนักลง แม้ว่าซื่อจื่อของเขาจะบอกว่ามาหายาสมุนไพรอะไรก็ตามที แต่ก็คงไม่ใช่เหตุผลง่ายๆ เพียงแค่นั้นแน่… 

 

 

ในยามนี้ฉู่ป๋ายกวาดตามองเขาด้วยสายตาเย็นเฉียบ หานสือจึงรีบหยุดพูดในทันที 

 

 

ใบหน้าของอวี้อาเหราแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองอย่างสุดกำลัง เพื่อให้อารมณ์ของนางสงบดังเดิม แล้วมองไปยังร่างของเจาเอ๋อร์