ตอนที่ 305 ตาเฒ่าหนังเหนียว / ตอนที่ 306 อย่างไรเสียก็ต้องตาย

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 305 ตาเฒ่าหนังเหนียว 

 

 

 

 

 

หลังจากที่ดื่มยาไปแล้ว ร่างกายของเจาเอ๋อร์ก็ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างทันตาเห็น สีหน้าหมองคล้ำจางหายไป เห็นได้ชัดว่ายาถอนพิษนั้นใช้ได้ผลจริง จึงรู้สึกนับถือในความสามารถของชายชรามากขึ้น นางยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ตาเฒ่าหนังเหนียว ครั้งนี้ก็ถือว่าข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้า เช่นนั้นข้าจะไม่ถือสาหาความเรื่องที่แล้วมา” 

 

 

“เจ้าว่าใครเป็นตาเฒ่าหนังเหนียว?” ชายชราโกรธเสียจนจ้องมองนางตาถลน ร้องด่าออกมาคำหนึ่ง “ช่างขาดการอบรมยิ่งนัก! ข้าช่วยชีวิตคนของเจ้า แต่เจ้ากลับด่าข้าว่าเป็นตาเฒ่าหนังเหนียว สวรรค์ช่างไม่มีตา หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ข้าคงจะไม่ช่วยแล้ว!” 

 

 

“โธ่ ท่านอย่าได้ขี้น้อยใจไปหน่อยเลย” อวี้อาเหราว่าเสียงอ่อนลงอย่างจริงจัง “เป็นเพราะข้าพูดผิดไป เพราะเห็นเจาเอ๋อร์เพิ่งฟื้นเลยดีใจไปหน่อย หากท่านไม่พอใจ หานสือผู้นี้ทำอาหารได้อร่อยยิ่งนัก อีกประเดี๋ยวข้าจะให้เขาทำอาหารให้ท่านได้ทานเสียสองสามอย่าง แล้วจะให้ไปซื้อเหล้ามาเพื่อขอขมาท่านด้วย ดีหรือไม่” 

 

 

“อืม ยังดีที่แม่นางเช่นเจ้าพอจะฉลาดอยู่บ้าง” เมื่อได้ยินนางกล่าวถึงอาหารและเหล้าสุรา ชายชราก็ลืมความโกรธเคืองก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น กลับยกยอปอปั้นนางเสียอีก 

 

 

หานสือที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินเข้าก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ราวกับตัวเขาเองยังไม่ได้ตอบรับว่าจะทำอาหารเลยมิใช่หรือ แล้วเหตุใดคุณหนูรองจึงตัดสินใจแทนเขาเช่นนี้เล่า เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็มองไปยังซื่อจื่อของตัวเอง แต่เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายก็รู้ว่าเขาไม่ได้สนใจตัวเองเลยแม้แต่น้อย กลับมีท่าทีไม่ไยดีอะไรเลยทั้งสิ้น 

 

 

หานสือรู้ดี ดูท่าเขาคงจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของคุณหนูรองเสียแล้ว 

 

 

ในยามที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ทันใดนั้นเจาเอ๋อร์ก็ผุดลุกขึ้นนั่ง กระอักเลือดดำๆ ออกมาจากปาก จากนั้นก็เอนกายลงนอนต่อไปอย่างเงียบๆ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา และเจาเอ๋อร์ทำทีเหมือนไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ 

 

 

แต่อวี้อาเหรากลับไม่ได้มีทีท่าใส่ใจนัก คนที่ต้องพิษเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่จะต้องอาเจียนออกมาเป็นเลือดเสียอยู่แล้ว 

 

 

ทว่าในเวลาต่อมา สีหน้าของเจาเอ๋อร์ก็กลับกลายเป็นแย่ลง ใบหน้าของนางขาวซีดราวกับกระดาษ อวี้อาเหราตื่นตระหนก รีบใช้มืออังเข้าที่จมูกนางทันที เช่นนั้นจึงรู้ได้ว่าอ่อนแรงยิ่งนัก หันไปมองชายชราด้วยสีหน้าทนทุกข์ “ท่านรีบมาดูเร็วเข้าว่านางเป็นอะไร ดูเหมือนจะใกล้หมดลมหายใจไปเสียแล้ว!” 

 

 

ท่าทีเป็นทุกข์เป็นร้อนของนางแผ่ขยายไปถึงคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นชายชราก็หุบรอบยิ้มบนใบหน้า แล้วรีบเข้ามาตรวจอาการ สุดท้ายก็ส่ายหน้าแล้วถอนใจ สีหน้ายากจะคาดเดา แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา 

 

 

เห็นเช่นนั้นอวี้อาเหราก็รู้สึกกังวลใจ “ท่านมีอะไรก็พูดมาเถิด” 

 

 

“เดิมทีหลังจากที่แม่หนูผู้นี้ดื่มยาไปแล้วก็ปลอดภัยไร้อันตราย แต่เป็นเพราะพิษซึมลึกจนเกินไป จนแทบจะแทรกซึมเข้าไปในลือดอยู่แล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ อีกสักครู่คงจะต้องสิ้นใจตายแน่ หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เจ้าใช้หยกเลือดเพื่อช่วยชีวิตนาง ตอนนี้นางก็คงไม่หายใจแล้ว” 

 

 

ชายชราลังเลและนิ่งไปอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงค่อยพูดความจริงออกมา  

 

 

“ถ้าเช่นนั้นจะต้องทำอย่างไรเล่า” หานสือมองเจาเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียง คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย รีบถามชายชราทันที ในใจก็อดไม่ได้ที่จะใคร่ครวญ เหตุใดนางถึงได้ต้องพิษเช่นนี้ 

 

 

แน่นอนว่าเดิมทีเขาก็ไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น 

 

 

“ท่านผู้เฒ่า ท่านมีวิธีใดที่พอจะช่วยได้ก็ขอให้บอกมาเถิด” ราวกับมองความสนใจของชายชราออก จึงออกปากขึ้นมาในยามที่ทุกคนกำลังเงียบงันกันอยู่ 

 

 

อวี้อาเหราเกาะชายเสื้อผ้าป่านเก่าขาดของเขาราวกับกำลังเกาะฟางเส้นสุดท้าย “หากท่านมีวิธี ก็อย่ามัวชักช้าอยู่เลย ไมรู้หรือว่าการช่วยคนเป็นเรื่องเร่งด่วน?” 

 

 

“แน่นอนอยู่แล้วว่าข้าต้องรู้!” ชายชราดึงเสื้อของตัวเองกลับมาอย่างคนอารมณ์ไม่ดี 

 

 

ฉู่ป๋ายมองอวี้อาเหราด้วยยสายตาตำหนิ “แน่นอนว่าท่านผู้เฒ่าจะต้องมีวิธีแน่ เจ้าอย่าได้รีบร้อนไป” 

 

 

“อืม” อวี้อาเหราไม่กล้าเร่งรัดอีก ทำเพียงจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งๆ เท่านั้น 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 306 อย่างไรเสียก็ต้องตาย 

 

 

 

 

 

ชายชรานั่งอยู่ข้างเตียง บางครั้งก็ยกมือขึ้นลูบเคราขาวของตัวเอง แม้แต่ยามนั่งหลังของเขาก็ยังคงงองุ้มเล็กน้อย หลังจากนิ่งงันไปครู่หนึ่ง เขาถึงค่อยเอ่ยปากขึ้นว่า “เจ้าเอาหยกเลือดมาช่วยชีวิตนางก่อนเถิดแล้วค่อยว่ากัน ต่อไปคงต้องใช้ยาที่ใช้ถอนพิษนี้โดยเฉพาะเท่านั้นถึงจะแก้พิษได้ จากนั้นก็คงต้องให้ผู้ที่มีลมปราณกล้าแกร่งช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของนางและถอนพิษที่อยู่ในร่างกายของนางออกจนหมด สองจุดนี้เป็นเรื่องที่ยากนัก หากทำไม่ได้นางก็คงไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้แน่” 

 

 

“แต่พวกต้าเว่ยยังเอายาถอนพิษกลับมาไม่ได้…” อวี้อาเหราขมวดคิ้ว พวกต้าเว่ยและชิงอวิ๋นไปตั้งนานแล้วเหตุใดยังเอายาถอนพิษกลับมาไม่ได้อีกนะ 

 

 

อีกอย่างคนที่มีลมปราณกล้าแกร่งก็มีอยู่ นอกจากฉู่ป๋ายแล้ว ก็คงจะไม่มีใครที่มีลมปราณกล้าแกร่งเท่าเขาอีก  

 

 

ฉู่ป๋ายและหานสือขมวดคิ้วมุ่นอย่างเงียบงัน 

 

 

คนทั้งหมดต่างพากันเป็นกังวล 

 

 

ครั้งนี้ เจาเอ๋อร์จะเป็นหรือตายนั้นก็คงต้องดูลิขิตฟ้าแล้ว… 

 

 

อวี้อาเหราสูดลมหายใจลึก “หานสือ ตอนนี้เจ้ารีบออกไปตามหาตัวเหล่าองครักษ์ของข้าที พวกเขากำลังตามจับตัวผู้ที่วางยาพิษนี้อยู่” 

 

 

“ขอรับ” หานสือกุมกระบี่ เพียงไม่นาน เงาร่างของเขาก็หายลับไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

นางหลุบสายตาลง กุมมือของเจาเอ๋อร์เอาไว้ พยายามใช้หยกเลือดเพื่อหน่วงเหนี่ยวชีวิตของนางเอาไว้อย่างสุดความสามารถ 

 

 

นายบ่าวทั้งสองอยู่ด้วยกันมานาน เจาอ๋อร์นั้นมีความซื่อสัตย์ต่อนางหรือแม้แต่เจ้าของร่างคนก่อนเป็นอย่างมาก และครั้งนี้ก็เป็นเพราะอยากจะช่วยเหลือนางถึงได้ต้องพิษ หากช่วยชีวิตไม่ได้นางคงไม่อาจข่มตานอนหลับลง ฉู่ป๋ายเห็นนางเงียบไป ก็เม้มปากแน่นจ้องมองอยู่เช่นนั้น ส่วนชายชราไม่บ่นว่าอะไรอีก ทำเพียงนั่งมองคนทั้งสอง 

 

 

ราวกับเวลาจะหยุดนิ่งลงเช่นนั้น  

 

 

ทันใดนั้นเอง ด้านนอกก็บังเกิดเสียงสวบสาบของใบไม้ ฉู่ป๋ายเป็นคนแรกที่สังเกต เขาจึงมองออกไปด้านนอก “ใครอยู่ด้านนอก?” 

 

 

น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบ จนทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกเหมือนย่ำลงบนก่อนน้ำแข็งก็ไม่ปาน ไม่ง่ายเลยที่จะได้ยินเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นพวกทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เสมอ 

 

 

ตอนนี้หานสือไม่อยู่ และคนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่เหมือนกับคนที่คุ้นเคยเลยแม้แต่ย้อย หากว่าเป็นศัตรู พวกเขาในตอนนี้ที่นี่มีแต่คนชราและสตรี ร่างกายของเขาเองในตอนนี้เองก็ยังไร้ซึ่งพลัง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็คงเป็นเรื่องร้ายแรงยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงต้องระแวดระวังเอาไว้เป็นอย่างมาก  

 

 

สายตาอวี้อาเหรามองไปที่ประตู 

 

 

ทันใดนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่ทางเข้าประตูนั้น ก่อนจะร้องเรียกมาทางอวี้อาเหรา “คุณหนู ข้าเองเจ้าค่ะ” 

 

 

“เมี่ยวอวี้?” อวี้อาเหราตกตะลึง เพราะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเมี่ยวอวี้ได้ 

 

 

นางสวมชุดรัดกุมสีดำ ในมือถือกระบี่ ทั้งผมก็ยังรวบไปข้างหลังอย่างเรียบร้อยผิดกับตอนที่เป็นสาวใช้อยู่ในจวนหลิงอ๋องที่ใช้ปิ่นหยกตรึงเอาไว้ ใบหน้าแดงเล็กน้อย ขณะที่พูดก็ยังมีอาการหอบหายใจ ในมือมีขวดทำจากหยก แล้วเดินมาข้างหน้า 

 

 

แต่เหตุใดเมี่ยวอวี้แห่งจวนหลิงอ๋องถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า? 

 

 

“บ่าวคารวะคุณหนูเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้โค้งกายลงคำนับ 

 

 

“ลุกขึ้นเถิด ตอนนี้อยู่ข้างนอก ไม่ต้องมากพิธี” อวี้อาเหราถามขึ้นอย่างแปลกใจ สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย “เจ้าก็ควรจะอยู่ที่จวนหลิงอ๋องมิใช่หรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า แล้วเจ้าหาที่นี่พบได้อย่างไร” 

 

 

“คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งถามอะไรเลยเจ้าค่ะ รีบเอายาถอนพิษในขวดนี้ให้เจาเอ๋อร์ทานเสียเถิด” เมี่ยวอวี้รีบส่งขวดหยกให้อวี้อาเหราทันที นางมีท่าทีเหมือนรีบเดินทางมาจากที่ไกลๆ ท่าทางดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด 

 

 

“ยาถอนพิษ?” อวี้อาเหราตกใจ “เหตุใดเจ้าถึงมียาถอนพิษได้” 

 

 

“ประเดี๋ยวบ่าวจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ตอนนี้เรื่องช่วยเจาเอ๋อร์สำคัญกว่านะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้พูดย้ำเตือนขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

อวี้อาเหราไม่กล้าที่จะรับเอามาง่ายๆ แต่ในขณะที่นางกำลังลังเลอยู่นั้น ชายชราก็สบถออกมา แล้วหยิบขวดยามาไว้เสียเอง “เจ้าจะยืนเฉยอยู่ทำไมกัน อย่างไรเสียก็ตายอยู่ดี มิสู้ลองดูก็ไม่ดีกว่าหรือ”