บทที่ 255 ที่แท้ก็เป็นลูกสาวแท้ๆของมัน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“ดูตา ดูจมูก ดูปากเขาสิ ไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอกแล้วเป็นอะไร? ไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอกแล้วจะดูดวิญญาณลูกไปได้ยังไง?”

ออกัสเป็นปีศาจจิ้งจอก……

เชอร์รีนเกือบสำลักน้ำที่อยู่ในปากใส่ใบหน้าอันหล่อของปีศาจจิ้งจอก แม่ของเธอนี่ช่างพูดจริงๆ!

อีกฝั่งหนึ่ง

เอกสารมากมายกองอยู่ตรงหน้าสุนันท์ เธอถือแก้วกระจกใสไว้ในมือแล้วอ่านข้อมูลตอนสิงหาอยู่ในอำเภอซีซ่า ซึ่งมีทั้งข้อมูลเปิดเผยและข้อมูลลับ และยังมีข้อมูลหลังจากกลับเมือง Sแล้วด้วย

เมื่อเธอเห็นข้อมูลจุดหนึ่งก็เบิกตากว้าง

เชอร์รีนเป็นลูกสาวแท้ๆของวินดา……

เธอขบฟัน จ้องมองอย่างละเอียด ดูไม่ผิดแน่

ตอนสิงหาอยู่อำเภอซีซ่าไม่ค่อยมีข้อมูลในทางเสียๆหายๆ ซึ่งเธอก็คิดว่าคงสืบไม่ได้แน่ เพราะเขาเป็นคนละเอียดรอบคอบ จะทิ้งข้อบกพร่องให้คนไปสืบเจอได้ยังไง?

ส่วนข้อมูลของวินดากับเชอร์รีนนั้นพึ่งจะได้มา เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ทันคิดว่าจะปิดบังข่าวนี้

เธอกล้านั่งยันยืนยันว่าสิงหาไม่ได้นอกใจครั้งแรกแน่ ไม่ใช่แน่นอน เขากับวินดาอาจจะเป็นชู้กันหลายปีแล้วก็ได้……

ไม่มีทางปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่เย็นเป็นสุขเด็ดขาด

สิงหาหลอกเธอมากี่ปีแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอกลับเชื่อใจเขา ทว่าเขากลับแอบไปกินลับหลังเธอ

สุนันท์รู้สึกโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมไม่หยุด เธอบีบขยี้เอกสารอย่างไม่รู้ตัว เธอใช้แรงบีบ ทำให้ข้อต่อกระดูกกลายเป็นสีขาว

เรื่องนี้ต้องโทษที่เธอโง่เกินไปด้วย สิงหาอยู่ที่อำเภอซีซ่าหลายปี สามารถใช้นิ้วมือนับจำนวนครั้งที่เขากลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ได้เลย ซึ่งข้ออ้างที่ผ่านมาก็มีแต่ยุ่งงาน แต่ถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ไม่มีใครยุ่งเหมือนเขาขนาดนั้นหรอก

เกรงว่า มีเวลาว่างเมื่อไหร่คงแอบไปอยู่กับผู้หญิงแพศยาอย่างวินดา เธอเคยบอกว่าจะไปเยี่ยมเขาที่อำเภอซีซ่า ทว่าเขาล้วนมีเหตุผลนับหมื่นนับพันปฏิเสธเธอ ซึ่งเป็นข้ออ้างว่าเป็นห่วง ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเป็นข้ออ้างที่น่าขยะแขยง หน้าไม่อาย

ถ้าพวกเขามีกันอย่างมีความสุข งั้นเธอก็จะเขียนชื่อกลับหัวกลับหางให้ดู

เช้าตรู่ของวันต่อมา

เพราะเป็นช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูกาล จากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศจึงเปลี่ยนแปลงหนักมาก ลมประจำฤดูหนาวเข้ากระดูก ฝนก็ตกหนักอย่างไม่หยุดหย่อน

ซึ่งอากาศแบบนี้เหมาะสำหรับนอนขี้เกียจมาก

ภายในคอนโด ทั้งสามคนยังไม่มีใครตื่น ออกัสนอนด้านขวา ซารางนอนตรงกลาง ส่วนเชอร์รีนก็นอนด้านซ้าย ตอนนี้เข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขแปดโมงครึ่งแล้ว

ท่านอนของซารางเยี่ยมยอดมาก ร่างกายน้อยๆกลิ้งไปเรื่อย ตอนนี้เท้าเธออยู่บนหน้าอันคมสันของออกัส ส่วนหัวขนาดเล็กนั้นพิงอยู่บนท้องของเชอร์รีน

เธอรู้สึกโดนทับบริเวณท้อง รู้สึกว่าท้องถูกทับของหนักจนไม่สบายตัว เธอเลิกคิ้ว จากนั้นก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ก่อนจะคว้ามือถือเหนือศีรษะ เมื่อเห็นเวลาเธอก็ต้องดีดตัวลุกขึ้น ตอนนี้ใกล้จะเก้าโมงแล้วเหรอเนี่ย

เชอร์รีนรีบสวมเสื้อกันหนาวอย่างเร็วไว ก่อนจะยื่นมือไปตบสะโพกออกัสเบาๆ พร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้องนอนแล้ว ใกล้จะเก้าโมงแล้วนะ ฉันไปทำข้าวเช้า คุณรีบใส่เสื้อให้ซารางเร็ว ได้ยินฉันพูดไหม?”

เขายังคงหลับตาอยู่เช่นเดิม ลำคอเขาขยับ ตอบรับเสียงเบาคล้ายกับอยู่ในฝันก็ไม่เชิง “อืม……”

จากนั้นเธอรีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำ ก่อนจะไปเตรียมอาหารเช้า เมื่อต้มโจ๊กได้แล้วก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

ทั้งสองชีวิตบนเตียงไม่มีทีท่าจะตื่นนอนเลย แถมยังหลับลึกอีกต่างหาก ออกัสเปลี่ยนท่านอน ตอนนี้เขากำลังกอดซารางนอนอยู่ และผู้ถูกกอดก็นอนหลับตาพริ้วอย่างฝันหวัง

เชอร์รีนทั้งรู้สึกหงุดหงิดและโมโห แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เมื่อครู่เขารับปากอะไรเธอไว้ แล้วตอนนี้ล่ะ……

เธอเดินเข้าไปอุ้มซารางออกจากอ้อมแขนเขา ใส่เสื้อให้ลูกไปพลางและตบไหล่ผู้ชายไปพลาง “รีบตื่นเร็ว สายแล้วนะ!”

“ห้านาที ขอนอนต่ออีกห้านาทีสุดท้าย……” เสียงสะลึมสะลืออันขี้เกียจเปล่งออกมา ออกัสนอนคล้ายกับเหน็ดเหนื่อยมากและรู้สึกปลิ้นปล้อนหน่อยๆ

ซารางก็ไม่ได้ตื่นเต็มที่ ดวงตาทั้งสองดวงพร่ามัว เธอหาวพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย “แด๊ดดี้โกหก แด๊ดดี้หน้าไม่อาย”

“ได้ยินหรือเปล่า ลูกสาวคุณกำลังว่าคุณอยู่นะ รีบตื่นขึ้นเร็ว”

“แด๊ดดี้หน้าไม่อาย แด๊ดดี้โกหก แด๊ดดี้ขี้เกียจสันหลังยาว ……”ซารางร้องเป็นจังหวะดนตรีมั่วๆขึ้นมา ทั้งยังโยกย้ายสะโพกเต้นรำไปมาอีกด้วย

ได้ยินดังนั้น ร่างสูงโปร่งรีบลุกขึ้น ออกัสกดสองแม่ลูกลงแล้วเริ่มจั๊กจึ้พวกเธอ

ซารางถูกกดอยู่ตรงกลาง คล้ายกับขนมสอดไส้ไม่มีผิดเพี้ยน เชอร์รีนถูกกดอยู่ด้านล่างสุด เธอขดตัวหลบไม่ให้เขามาจั๊กจี้ถูก ทว่าก็ยังคงโดนจนหัวเราะคิกคักออกมาอยู่ดี ส่วนเขาไม่ได้ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดกดทับพวกเธอ สองขาได้รูปของเขากางออกแล้ววางอยู่ข้างลำตัวเธอ ส่วนฝ่ามือใหญ่นั้นอยู่ด้านข้างใบหน้าเธอ

เกิดเสียงหัวเราะกันอย่างไม่ขาดช่วง หลังจากเล่นหยอกล้อกันสักพักหนึ่งแล้ว เชอร์รีนจึงผลักร่างกายเขาออก ลุกขึ้นพูดว่า“เอาแต่เล่น ไม่ดูเวลาเลย”

ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว สายตาออกัสกวาดมองนาฬิกาควอทซ์ ใส่เสื้อผ้าอันสะอาดสะอ้านเสร็จ ริมฝีปากบางยกขึ้นกล่าวว่า “ไหนๆก็สายขนาดนี้แล้วก็ไปเข้างานช่วงบ่ายเลยสิ……”

เชอร์รีนทำตาขวางใส่เขา อันนี้ก็ต้องโทษเขา ยังมาพูดง่ายๆแบบนี้อีก

ออกัสฉุกคิดได้ว่ามีประชุมระหว่างประเทศครั้งสำคัญก็กะพริบตา ก่อนจะโทรหาผู้ช่วยเตโช “ผมเป็นหวัด ไม่เข้าทำงานตอนเช้าแล้ว เลื่อนประชุมตอนสิบโมงเป็นบ่ายสามแทนนะ……”

ดวงตากลมโตอันดำขลับกระพริบปริบๆ ซารางรีบล้วงมือถือของเชอร์รีนออกมา จากนั้นก็ยื่นให้ออกัส พูดคล้ายกับหมาจูตัวน้อยๆ “แด๊ดดี้บอกคุณครูหนูว่าหนูติดหวัดจากแด๊ดดี้ เลยจะไปโรงเรียนอนุบาลตอนบ่าย”

“ไหวพริบหนูดีจริงๆ……” คิ้วงามยกขึ้น ริมฝีปากบางของออกัสยกยิ้มเบาๆ ลูกสาวของเขาฉลาดปราดเปรื่องจริงๆ

เชอร์รีนมองสองคนที่ไม่เอาไหนตรงหน้าก็รู้สึกกลุ้มใจ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “สองพ่อลูกคู่นี้ปั้นน้ำเป็นตัวเก่งจัง ผู้ใหญ่พูดไปเรื่อย เด็กก็เรียนแบบตาม คุณไม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก สอนลูกให้มีนิสัยเสียนะ”

เขายกมุมปากขึ้นแล้วลุกขึ้น ก่อนจะประทับรอยจูบบนริมฝีปากแดงของเธอหลายครั้ง แล้วอุ้มซารางไปห้องน้ำอย่างกระหยิ่มใจ

เธอยืนตักโจ๊กใส่ถ้วยที่ห้องรับแขก ทว่ายังคงได้ยินทั้งสองคนเล่นกันในห้องน้ำ เธอได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

ผลสุดท้ายคือ เชอร์รีนก็ไม่ได้ไปทำงาน เธอลางาน ถูกชักจูงในทางไม่ดีอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นคนพูดปดเรียบร้อย

วันหลังนอนค้างที่นี่ไม่ได้จริงๆแล้ว ไม่งั้นก็ต้องสายตามเคย เพราะนอนดึกขนาดนั้นแล้วจะมีแรงตื่นเช้าได้ยังไง?

นอกหน้าต่างมีฝนตกหนักไม่ขาดสาย บานหน้าต่างจึงถูกชำระล้างจนสะอาดสะอ้าน ทั้งสามคนนั่งคุยกันอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอย่างสนุกสนาม

ตอนบ่าย ออกัสขับรถยนต์เลกซัสสีดำเงางามไปส่งซารางที่โรงเรียนอนุบาล จากนั้นก็ไปส่งเชอร์รีนในโรงเรียนที่กำลังสอนอยู่ และในระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าไปที่บริษัท มือถือของเขาก็มีสายเรียกเข้าจากสุนันท์