บทที่ 256 แล้วแต่แม่เลย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เขาใส่หูฟังแล้วขับรถไปทางเลนขวา“มีอะไรครับแม่?”

“มีเรื่องสำคัญมาก สำคัญมากๆ ตอนนี้ลูกกลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์เลยนะลูก” สุนันท์กล่าวอย่างร้อนรน

“บริษัทมีประชุมระหว่างประเทศครับ เลิกงานแล้วผมจะกลับไปที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ครับ” เขากวาดสายตามองเวลาพลันพูดเสียงเรียบเฉย

ทว่าสุนันท์ไม่ยอม“รอนานขนาดนั้นไมได้ ถ้าลูกไม่มีเวลากลับบ้านแม่จะไปที่บริษัทเอง”

ได้ยินดังนี้ ออกัสขมวดคิ้วมุ่น วางสายแล้วกลับรถไปยังทิศทางบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์

อีกฝั่งหนึ่ง

สุนันท์นั่งรอในห้องรับแขกเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นออกัสเดินเข้ามาก็รีบให้เขาดูเอกสารอย่างไม่พูดไม่จา

ขายาวของเขานั่งไขว่ห้างบนโซฟา ใบหน้าหล่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “แม่มีข้อมูลพวกนี้ได้ยังไง?”

สุนันท์ทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามเขา พลางหัวเราะเสียงเย็น“แม่ไม่คิดสืบเรื่องเธอ แต่รู้โดยบังเอิญ ตอนแรกแม่จะสืบเรื่องสิงหากับนังแพศยาวินดา”

ได้ยินถ้อยคำที่ไม่ปกตินัก ออกัสก็พอเดาออกเล็กน้อย

“สิงหาแอบมีชู้ ซึ่งชู้ของเขาก็คือวินดา พวกเขาถูกแม่จับได้คาหนังคาเขา”

ออกัสเม้มปากเป็นเส้นตรง ลำคอขยับ ทว่าไม่ได้พูดอะไร แค่จับเอกสารไว้แน่นเท่านั้น

“ออกัส เขากล้ามีชู้ แม่ทำผิดอะไร เพื่อผู้หญิงคนนั้น เขาจะหย่ากับแม่ด้วย”

สุนันท์เก็บกดมานาน ตอนนี้หาที่ระบายเจอ จึงร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าลูกชายของตัวเองขึ้นมา

ออกัสทำใจหลับตาเมื่อเห็นร่างสั่นเทาของผู้เป็นแม่ เขาลุกขึ้นไปกอดอีกฝ่าย จากนั้นดวงตาเรียวเล็กก็ค่อยๆหรี่ขึ้น

สุนันท์ร้องไห้ด้วยความเสียใจเหลือแสน ซึ่งต่างจากตอนเธออาละวาดครั้งก่อน ครั้งนี้เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างหมดอาลัยตายอยาก น้ำตาไหลพรูไม่หยุด สองมือกำเสื้อเชิ้ตออกัสไว้แน่นขนัด

“แม่คลอดลูกชายให้เขาตั้งสองคน และยังอยู่เฝ้าบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์มาหลายปีอย่างไม่บ่น แต่เขากลับทำอย่างนี้กับแม่”

เธอยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจ ร้องร้องไห้อย่างไม่เหลือชิ้นดี ถึงขึ้นหายใจเกือบไม่ออก แลดูเสียใจแทบจะขาดใจตาย

ออกัสตบหลังผู้เป็นแม่เบาๆ จากนั้นใบหน้าหล่อเหล่าก็มืดครึ้มคล้ายกับมีเมฆหมอกปกคลุม ยิ่งระหว่างคิ้วแล้วยิ่งมืดครึ้มเด่นชัดกว่าที่อื่น

“ออกัสทำให้ชีวิตแม่ถึงรันทดแบบนี้ แม่เหมือนแม่หม้ายเฝ้าอยู่แต่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ แต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้านนอก ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น”

สุนันท์กำหมัดทุบหน้าอกตัวเองติดต่อกันหลายครั้ง เธอรู้สึกบริเวณนี้จุกเสียดเหลือเกิน กระทั่งหายใจก็ยังไม่สะดวก จึงอยากทุบให้เป็นหลุมเป็นบ่อเสียเลย

“ยังมีอีก ลูกเลิกกับเชอร์รีนเถอะ ไม่ต้องคบกันต่อแล้ว เธอเป็นลูกสาวแท้ๆของวินดา”

น้ำเสียงเคร่งขรึมราวกับความมืดมิดในยามราตรี เขาเม้มริมฝีปากบาง จากนั้นก็เปล่งออกมาหนึ่งประโยค “นั่นมันเรื่องของผม ผมรู้ว่าควรทำยังไง”

“ออกัส วินดาคือแม่แท้ๆของเชอร์รีน ตอนนี้มันกับพ่อลูกอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ลูกกลับไปคบกับลูกสาวมัน ลูกคิดว่าแม่ยังเสียใจไม่พออีกเหรอ ทำไมต้องซ้ำเติมหัวใจแม่อีก ลูกกับเชอร์รีนเลิกกันเถอะ”

มิฉะนั้นเธอต้องเป็นบ้าแน่ นังแก่แพศยากับสิงหาอยู่ด้วยกันแล้ว ส่วนนังแพศยาตัวลูกก็ดันมาคบกับลูกชายของเธออีก แล้วอย่างนี้จะให้เธอมีชีวิตต่อไปได้ยังไง

ออกัสขมวดคิ้วมุ่น จ้องมองผู้เป็นแม่ ก่อนจะกล่าวเสียงเครียดว่า“แม่……”

“แม่ไม่ได้พูดเล่นนะลูก แม่จะเป็นบ้าเพราะพวกลูกจริงๆแล้ว ถ้าลูกยังหัวดื้อคบก็ตัดขาดกับแม่เลย แล้วแม่จะตายให้ลูกดู ไม่ว่ายังไงแม่ก็ไม่มีหน้าจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว”

สุนันท์ขบฟันพูด ถ้าให้เธอเห็นหน้าวินดาหรือไม่ก็เชอร์รีนอีก เธอต้องเป็นบ้าจริงๆแน่

“ไม่ว่ายังไงลูกก็คบต่อไปไม่ได้ ครั้งนี้แม่พูดแล้วทำจริง ออกัส ลูกตอบแม่สิ ลูกทนมองแม่เสียใจ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขได้เหรอ?”

“ได้ครับ งั้นผมขอตอบแม่เลย……” ฝ่ามือใหญ่ผลักสุนันท์ออก ออกัสไปจับไหล่ของผู้เป็นแม่ไว้ กล่าวทีละถ้อยคำว่า “แม่ ผมไม่มีทางเลิกกับเชอร์รีนแน่”

สุนันท์ผลักเขาออก โกรธจนตัวสั่นเทิ้มไปหมด

“ลูกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา เชอร์รีนเป็นลูกสาวนังแพศยา ลูกทำแบบนี้จะผิดต่อแม่นะ”

ตอนนี้เชอร์รีนเป็นลูกสาวของศัตรู ทว่าเขายังคงไม่อยากลืมหูลืมตา ตกลงคนที่คลอดเขา เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่สำคัญ หรือว่าลูกสาวของกะหรี่ นังเมียน้อยสำคัญกว่า?

“เชอร์รีนเป็นผู้บริสุทธิ์ครับแม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอเลย เธอกับผมเป็นคนนอกเหตุการณ์นี้ครับ” ออกัสกล่าวเสียงเนือยๆ

ได้ยินดังนั้น สุนันท์ก็หัวเราะเสียงเย้ยหยัน“ลำพังเรื่องที่เธอเป็นลูกสาวของวินดา เธอก็เป็นคนนอกไม่ได้แล้ว เธอเป็นศัตรูของแม่ลูก ตอนลูกกับเธออยู่ด้วยกันจะไม่รู้สึกน่าขำหรือว่าสะเทือนใจหน่อยเหรอ?”

“เธอเติบโตในตระกูลยศถาเมคา ถูกตระกูลยศถาเมคาเลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปี เธอกับวินดาก็แค่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดเท่านั้นนะครับ”

ตอนนี้เห็นท่า ไม่ว่าเธอจะพูดเช่นไร ลูกชายก็ไม่คิดที่จะตัดเยื่อใยกับเชอร์รีนเลย

มือสุนันท์ขยับ จากนั้นก็คว้ามีดปอกผลไม้มาจี้คอของตัวเอง มองออกัสแล้วคาดคั้นว่า “แม่ถามประโยคเดียว มีเชอร์รีนก็ไม่มีแม่ มีแม่ก็ไม่มีเชอร์รีน ถ้าลูกเลือกเชอร์รีน ตอนนี้แม่ก็จะตายให้ลูกดู”

มีดปอกผลไม้คมมาก จากการเคลื่อนไหวของเธอปลายมีดจึงใกล้จะจี้เข้าสู่เนื้อผิวแล้ว หากแทงเข้าไปอีกนิดคือต้องเห็นเลือดนองแน่

คนรับใช้รอบๆต่างพากันแตกตื่น ร้องเสียงเดียวกันว่า“นายหญิงวางมีดลงค่ะ”

สุนันท์ยอมฟังความเสียที่ไหน เธอไม่เพียงแต่ไม่ยั้งมือ ทางกลับกัน ยังใช้ปลายมีดแทงเข้าไปลึกอีกหลายส่วน ทำให้ตอนนี้แทงเข้าเนื้อผิวเรียบร้อย

ดังนั้นจึงเห็นเลือดซึมออกมาเล็กน้อย เหล่าคนรับใช้พากันตัวสั่นเทา สายตามองไปยังออกัสอย่างขอความช่วยเหลือ

สายตาที่มืดครึ้มของออกัสจ้องมองผู้เป็นแม่ สีหน้าไม่เผยอารมณ์อื่นออกมาเลยสักนิด เขากระตุกริมฝีปากบาง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเยียบออกมาว่า “แม่แน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?”

จากนั้นเสียงที่ตอบเขาคือการเสียดปลายมีดให้ลึกกว่าเดิมอีกเล็กน้อย คล้ายกับมีทีท่าจะแทงเข้าลึกกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

“ถ้าแม่คิดดีแล้วว่าจะทำแบบนี้ ถึงผมจะห้ามแม่ได้หนึ่งครั้ง แต่ครั้งต่อไปก็ไม่แน่ แต่ผมขอเตือนแม่ก่อนนะ ถ้าแม่ฆ่าตัวตายแล้วพวกเขาก็จะมีความสุขมากขึ้น ถ้าแม่อยากให้เป็นแบบนี้ งั้นแม่ก็ตามสบายเลย”

ตีงูต้องตีให้หลังหัก ออกัสรู้จุดอ่อนของสุนันท์ เขาจึงพูดอย่างเรียบเฉยออกมา

คำพูดนี้ทำให้สุนันท์หยุดได้จริงๆ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่าจะตาย แค่จะขู่เขาเท่านั้น การกระทำเมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นฝ่ายคุมเกมเสียแล้ว

มีดปอกผลไม้หล่นใส่พื้น ทัศนียภาพตรงหน้ามืดมน จากนั้นเธอก็สลบไป

“เรียกหมอเร็ว” ออกัสส่งเสียงดังกึกก้อง รีบก้าวเข้าไปรับตัวสุนันท์ที่ล้มลง