ตอนที่ 1631 ไป๋สวี่ (2)
หมอเทวดาไป๋สวี่ ครั้งแรกที่ชายชราตัวเล็กพูดถึงเขา จวินอู๋เสียได้ถามเยฉาและเย่กูเกี่ยวกับเขาแล้ว แม้ว่านางจะไม่ได้คาดหวังอะไรมากนักในตอนที่ถาม เนื่องจากเยฉาและเยกไม่ได้ กลับมาที่อาณาจักรกลางเป็นเวลาพันปีแล้ว
แต่นางก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเยฉาและเย่กูเคยได้ยินชื่อไป๋สวี่มาก่อน
ก่อนที่พวกเขาจะออกจากอาณาจักรกลาง ไป๋สวี่ก็เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางแล้ว
ไป๋สวี่ไม่ได้เป็นคนของกลุ่มอํานาจไหน เขาเป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร ความสามารถทางการแพทย์ของเขาถูกมองว่ายอดเยี่ยมที่สุดในอาณาจักรกลาง แม้ว่าเขาจะไม่ยอมขึ้นกับใคร แต่ก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเขา ไม่ว่าจะมีอํานาจมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็ไม่มีใครรอดพ้นจากความเจ็บปวดทรมานจากโรคภัยได้ ไม่มีใครมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหมอเทวดาในสักวัน
ในอาณาจักรกลาง ไป๋สวี่ถูกยกให้มีสถานะสูง แม้แต่เก้าอารามกับสิบสองวิหารก็ต้องเกรงใจเขา
มีเพียงสี่พรรคและหนึ่งราชอาณาจักรที่ไม่ต้องการความสามารถของ “หมอ” พวกเขาไม่แยแสไป๋สวี่แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเขาเช่นกัน
ย้อนกลับไปในวันที่จักรพรรดิแห่งความมืดรวมอาณาจักรกลางทั้งหมดเข้าด้วยกัน เขาครองอํานาจสูงสุดเหนือสี่พรรค เก้าอาราม และสิบสองวิหาร แต่ก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร
ไป๋สวี่เป็นเหมือนก้อนเมฆและห่านป่า ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน ถ้าต้องการความช่วยเหลือจากเขา ก็ต้องไปที่บ้านของเขาและเขียนรายละเอียดลงในจดหมายส่งให้นกกระเรียนสีขาวที่ไป๋สวี่ เลี้ยงไว้ แล้วนกกระเรียนสีขาวจะส่งจดหมายให้ถึงมือของไป๋สวี่ แต่เขาจะตอบรับคําขอหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของไปสี่ล้วนๆ
จวินอู๋เสียเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคนที่มีความสามารถทางการแพทย์ชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้นั้นจะมีสถานะเหนือคนอื่นยังไง
ตอนที่นางถูกลากเข้าองค์กร นางเองก็มีข้อเรียกร้องที่เข้มงวดมากมาย แต่คนของทางองค์กรก็ตอบรับข้อเรียกร้องของนางทุกข้อ
พวกเขาใจกว้างขนาดนั้นก็เพราะความสามารถทางด้านการแพทย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของนางสถานการณ์ไม่ได้แตกต่างจากไป๋สวี่เลย
หลังจากจวินอู๋เสียมาเกิดใหม่ ในบรรดาคนที่มีอาชีพเดียวกันที่นางเจอ มีไม่กี่คนที่เข้าตานาง และมู่เฉินเป็นเพียงคนเดียวที่ทําได้ แต่การปรากฏตัวของไป๋สวี่ทําให้จวินอู๋เสียยอมรับความสามารถของเขาในทันที
ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงของเขาในฐานะหมอเทวดา แต่เป็นเพราะเขาสามารถจับความผิดปกติในรายละเอียดที่นางเขียนอย่างเร่งรีบได้
สายตาระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่หมอทั่วไปจะเทียบได้ ต้องผ่านการทดลองมาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง และรู้ถึงจุดสําคัญทุกรูปแบบในการปรุงยาถึงจะสามารถทําได้
“ข้าคือไป๋สวี่ แต่ข้าไม่ใช่หมอเทวดาอะไรนั่นหรอก นั่นเป็นแค่ชื่อไร้สาระที่ผู้คนให้มาเท่านั้น แต่เขาพูดถูกอยู่อย่างหนึ่ง ข้าเป็นแค่คนงี่เง่าที่บ้าวิชาหมอ ไม่รู้ว่าน้องชายจะยอมช่วยให้ข้าได้รู้ว่าใครคือเจ้าของของสิ่งนี้ได้หรือไม่?” ไป๋สวี่กล่าวอย่างถ่อมตัว สําหรับเขา ชื่อเสียงก็เป็นเหมือนควันที่ลอยผ่านไป เขาทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับวิชาการรักษามากที่สุด
แววตาของไปสวจริงใจอย่างมาก
จวินอู๋เสียมองสายตาที่จริงใจของไป๋สวี่แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าต้องไปฝึกต่อแล้ว”
พูดจบ จวินอู๋เสียก็หันหลังกลับและเดินจากไปทันที ทิ้งให้ชายชราผมขาวและชายชราตัวเล็กมองตามอย่างประหลาดใจ นางเดินขึ้นบันไดไปเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ไปสวี่พูดเลย
ไป๋สวี่ตกตะลึงไปชั่วขณะอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนใจชื่อเสียง แต่นับตั้งแต่เขามีชื่อเสียงขึ้นมา จวินอู๋เสียเป็นคนแรกที่รู้ว่าเขาเป็นหมอเทวดาแล้ว ไม่เพียงไม่พยายามจะเอาชนะใจเขา แต่ยังเป็นเขาโดยสิ้นเชิง
ความรู้สึกแบบนี้ทําให้ไปสวรู้สึกบอกไม่ถูกอยู่เหมือนกัน
เขาไม่ได้คิดจะใช้ตัวตนของเขาเพื่อขออะไร
แต่…
[เจ้าหนู เจ้าจะหันหลังกลับแล้วเดินไปเลยแบบไม่ไว้หน้ากันแบบนี้ไม่ได้]
ความมั่นใจในตัวเองของหมอเทวดาไป๋สวี่ที่สร้างมาหลายปีถูกจวินอู๋เสียทําลายซะยับเยินด้วยการหันหลังให้เพียงครั้งเดียว