ตอนที่ 1632 ไป๋สวี่ (3)
ชายชราตัวเล็กเห็นไป๋สวี่ถูกเมินแบบนั้นก็กลั้นหัวเราะ แม้แต่ความเงียบที่จวินอู๋ มักจะปฏิบัติต่อเขาก็ดู “กระตือรือร้น” ขึ้นมา อย่างน้อยจวินอู๋ก็ไม่ได้หันหลังเดินจากไปทันทีหลังจากที่เขาพูดใช่ไหม?
“เจ้าเฒ่าไป๋ ข้าว่าฉายาหมอเทวดาของเจ้าก็ไม่ค่อยเท่าไรหรอก ศิษย์หลานข้าไม่สนใจเลยสักนิด” ชายชราตัวเล็กกล่าวอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
ไป๋สวี่ส่ายหัวอย่างจนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนปฏิเสธเขาอย่างไม่ไยดีเช่นนี้
“เอาเถอะ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีคนพยายามจะแอบเข้าไปในหอเก็บสมบัติ ของนั่นถูกพบแล้วหรือ?” ไป๋สวี่ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราตัวเล็กหายไป สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
“ไม่รู้หรอกนะว่าใครส่งพวกนั้นมา แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว พวกนั้นก็น่าจะรู้แล้วว่าของนั่นอาจจะอยู่ในสํานักธาราเมฆ เฮ้อ…ถึงเราจะจัดการกับมันได้ในครั้งนี้ แต่ตราบใดที่คนพวกนั้นเก็บข้อมูลนี้ไว้ วันเวลาอันแสนสบายของข้าคงจบลงในไม่ช้า” ชายชราตัวเล็กอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“ปล่อยให้ของนั่นอยู่ที่นี่ต่อไปมันจะอันตรายเกินไป ข้ามาหาเจ้าครั้งนี้ก็เพราะอยากถามเจ้าว่าเราสามารถเคลื่อนย้ายของนั่นได้ไหม” ไป๋สวี่กล่าว
ชายชราตัวเล็กเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็ไม่ใช่ว่าทําไม่ได้ แต่เกรงว่าวันหน้าสํานักธาราเมฆจะไม่สงบสุข ข้าว่าควรจะให้พวกเด็กๆออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ไป๋สวี่ตบบ่าชายชราตัวเล็ก
ชายชราทั้งสองที่ทะเลาะกันมาตลอดเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันออกไปจากสาขาจ้าววิญญาณอย่างช้าๆ
การฝึกของจวินคู่เสียยังคงดําเนินต่อไป หลังจากที่ซูหย่าให้คําแนะนําในตอนแรก นางก็โยนหนังสือสองสามเล่มให้จวินอําเสียโดยไม่พูดอะไรมาก ปล่อยให้จวินอู๋เสียน้ํามันกลับไปอ่านเอาเอง
หลังจากฝึกฝนอยู่ครึ่งปี จวินอู๋เสียก็ค่อยๆค้นพบบางอย่างที่ช่วยให้การเสริมวิญญาณอยู่ได้นานขึ้น นั่นก็คือเหล้า!
ในทางทฤษฎีแล้ว เหล้าระเหยเร็วกว่าน้ํา แต่จวินอู๋เสียค้นพบว่าพลังวิญญาณของนางเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เมื่อนางผสานการเปลี่ยนแปลงนั้นเข้ากับการเสริมวิญญาณและใช้เหล้า เขียนตัวอักษรโบราณ มันจะอยู่ได้ถึง 20 นาที นานขึ้นกว่าที่นางเคยทําได้เมื่อก่อนหลายเท่าตัว
การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้จวินอู๋เสียรู้สึกพอใจมาก นางจึงเริ่มฝึกให้หนักขึ้น
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลังจากหลินเฮ้าอวี่เสียสติ วิหารมารโลหิตก็พาตัวเขากลับไป เมื่อไม่มีหลินเฮ่าอวี่คอยยุยงอยู่เบื้องหลัง ชีวิตในสํานักธาราเมฆของจวินอู๋เสียจึงเงียบสงบขึ้นเล็กน้อยการกลั่นแกล้งวิหารมารโลหิตจากวิหารอื่นๆก็ค่อยๆซาไปภายใต้อิทธิพลที่มองไม่เห็นของพวกเฉียว
ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าที่เข้าทางแล้ว
แต่ในวันที่เข้าสู่ฤดูหนาว ศิษย์ทุกคนของสํานักธาราเมฆก็ได้รับข่าวที่ทําให้ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
สํานักธาราเมฆแจ้งให้ศิษย์ทุกคนทราบว่า ทุกคนสามารถออกจากสํานักธาราเมฆได้ และ จะถือว่าพวกเขาทุกคนจบการฝึกที่สํานักธาราเมฆแล้ว
ข่าวนั้นทําให้เกิดความโกลาหลไปทั่วในกลุ่มผู้เยาว์
ความเข้มงวดของสํานักธาราเมฆเป็นที่รู้กันดีสําหรับทุกคน ที่นี่เข้าง่ายแต่ออกยาก จนถึงตอนนี้มีคนที่ใช้ชีวิตในสํานักธาราเมฆมา 30 ปีก็ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะจบการฝึก แต่จู่ๆสํานักธาราเมฆก็เปลี่ยนไป ทําให้ทุกคนตกใจกันมาก
สําหรับพวกรุ่นพี่ก็ดีหน่อย แต่สําหรับคนที่เพิ่งเข้าสํานักปีนี้ พวกผู้เยาว์ที่อยู่ในสํานักธาราเมฆแค่ 11 เดือนต่างพากันตกตะลึงมึนงงกันไปหมด