191 เครื่องบินกําลังจะตก

ปล้นสวรรค์

บทที่ 191 เครื่องบินกําลังจะตก

 

ร่างของทุกคนโน้มไปข้างหน้าเมื่อเครื่องบินดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว

 

“ช่วยด้วย”

 

“พระเจ้า ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากตาย”

 

“อ๊าก..”

 

“มันจบแล้ว มันจบแล้ว เราทุกคนต้องตายกันหมดแน่”

 

เสียงกรีดร้องและเสียงร่ําไห้ขอให้ช่วยดังระงมไปทั่วห้องโดยสาร

 

“เหยู อีกไม่นานเราจะตายกันแล้วใช่ไหม”

 

เซี่ยจินซึมองเหยุด้วยสีหน้าซีดเผือด เสียงของเธอเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

 

“ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอกน่า” สีหน้าของเย่หยุไม่เปลี่ยนแปลงขณะปลอบใจเซี่ยจินซี เมื่อได้ยินเช่นนั้นเซี่ยจินซีดูเหมือนจะได้ความมั่นใจคืนมาเธอฝืนยิ้มและกล่าวเสียง นุ่มว่า“จ๊ะ”

 

ทว่า ถึงแม้ยังมีสิ่งที่ต้องทํา แต่การได้ตายพร้อมกับเหยูก็ถือว่าเป็นเพราะชะตากําหนดไว้ ดูเหมือนคําพูดของเย่หยุมีผลกระทบบางอย่างหลังตกดิ่งลงไปสักพักเครื่องบินก็ ค่อยๆอยู่ในระดับทรงตัวได้

 

สีหน้าหวาดกลัวของผู้โดยสารในห้องโดยสารค่อยๆ นิ่งสงบลงช้าๆ

 

“จบแล้วหรือ”

 

“เอ่อ…เราไม่ต้องตายแล้วเหรอ

 

“นั่นเยี่ยมไปเลย เครื่องบินปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครต้องตาย”

 

“พระเจ้าทรงโปรด ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉัน”

 

“ดูไม่เหมือนมันปลอดภัยแล้วเลย” เย่หยูมองออกนอกหน้าต่างแบบเครียดๆในยามนั้น ปีกซ้ายของเครื่องบินได้รับความเสียหายรุนแรงและมีควันดําลอยออกมาเป็นระยะ

 

“เหยาเงินเทียน”

 

“รายงานความเสียหายของเครื่องบิน” เย่หยุขมวดคิ้วและถามเสียงเบา” ปีกซ้ายของเครื่องบินได้รับความเสียหาย 50 เปอร์เซ็นต์แถมพลังเครื่องยนต์ลดลงไปอีก 90 เปอร์เซ็นต์

 

หัวใจของเย่หูตกวูบ ดูจากสถานการณ์แล้ว เครื่องบินจะต้องควบคุมไม่อยู่ในไม่เข้า ในตอนนั้นต่อให้เป็นเหยูเขาก็ไม่หวังว่าจะรอดบนที่สูงขนาดนี้แน่

 

“55 เปอร์เซ็นต์ของปีกซ้ายได้รับความเสียหาย เครื่องยนต์ตกไปที่ 92 เปอร์เซ็นต์

 

จู่ๆ เย่หยูก็ลุกขึ้น เขาไปต่อแบบนี้ไม่ได้ ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคนเย่หยูรีบเดินไปที่ประตูนักบิน

 

“คุณครับ คุณห้ามเข้ามาในนี้นะครับ”

 

ด้านนอกห้องนักบิน พนักงานต้อนรับชายรีบยกแขนกั้นทางเดินของเย่หูไว้และพูดเสียงดังเพื่อหยุดอีกฝ่าย

 

“เครื่องบินกําลังจะตกแล้ว เร็วเข้า ให้ผมเข้าไป”

 

พนักงานต้อนรับชายแปลกใจเล็กน้อย แต่รีบพูดออกมาว่า “คุณครับขอให้มั่นใจว่าเครื่องบินทรงตัวแล้วครับมันไม่ตกหรอกครับ”

 

ผู้โดยสารในห้องโดยสารซึ่งคิดว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิตและเริ่มเงียบกริบกันหลังได้ยินคําพูดของเหยูสีหน้าของทุกคนก็ไม่พึงใจเต็มที่”

 

“เจ้าหนุ่มนี้พูดเรื่องอะไรกัน เครื่องบินปกติแล้วมันจะตกได้ยังไง”

 

“ให้ตายสิ พูดเป็นลางไปได้ อย่าพูดจาไร้สาระน่า”

 

“พระเจ้าทรงโปรด ยกโทษให้หนุ่มน้อยนี้ด้วย”

 

“เด็กบ้า ถ้าพูดจาเหลวไหลอีกล่ะก็ฉันจะซ้อมนายแน่

 

เย่หยุมองพนักงานต้อนรับด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หลีกทางไปฉันไม่ได้จะคุยกับคุณ”

“เครื่องบินกําลังกําลังจะตกผมทําให้เครื่องบินลงจอดได้อย่างนุ่มนวล”

 

พนักงานต้อนรับทําหน้าบึง “คุณครับ กลับไปที่นั่งเลอะครับเรามีนักบินพอสําหรับเครื่องบิน ขอให้สบายใจเถอะครับ”

 

หลังหยุดพูดไปช่วงหนึ่ง พนักงานต้อนรับก็พูดต่อว่า “ต่อให้เครื่องบินจะเจอกับอุบัติเหตุ คุณก็ช่วยไม่ได้หรอก กลับไปเถอะครับ”

 

เย่หยุไม่ขยับเขยื้อนและกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “นี่ เรื่องด่วนนะเครื่องบินเสียหายหนักมาก ให้ผมเข้าไป ไม่อย่างนั้นเครื่องบินจะควบคุมไม่ได้อีก”

 

ในห้องโดยสารด้านหลังเย่หยู หลายคนลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว “พ่อหนุ่ม หยุดวุ่นวายได้แล้ว”

 

“เจ้าหนู เลิกเรียกร้องความสนใจได้แล้ว ทําไมไม่โผล่มาตอนเกิดเหตุร้ายล่ะ”

 

“เครื่องบินรักษาระดับแล้ว แต่นายบอกว่าเครื่องบินกําลังจะตก ตลกน่า”

 

“ฮ่า พ่อหนุ่มนี่คงกลัวเกินไป”

 

“อื้ม ฉันคิดว่าหมอนี่ผิดปกติเขาอยากให้เราตาย ไปพร้อมกับเขา”

 

“มากเกินไปแล้ว ทําไมถึงมีคนพรรค์นี้มาฉวยโอกาสกับเห ตุการณ์แบบนี้นะ”

 

ในห้องโดยสาร โอวหยางอันมองแผ่นหลังของเหยูและเหยียดยิ้มอย่างดูถูก “จีน นั่นแรงเกินไปแล้วนะ นายต้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแน่ๆ

 

โอวหยางอันจ้องไปที่เย่หยูอย่างเย้ยหยัน จนลืมความจริงไปว่าเขาเองก็กลัวขนาดหนักจนปัสสาวะราดหวูไต้หันไปด้านข้างยกมือขึ้นปิดจมูกและกล่าวกับโอวหยางอัน “แค่ก แค่ก นักเรียนโอวหยางทําความสะอาดคราบปัสสาวะให้ เรียบร้อยได้ไหม”

 

ใบหน้าของโอวหยางอันแดงก่ําในทันที่ “นะ-นั่นเป็นตอนที่เครื่องบินทิ้งวูบจนน้ํากระฉอกต่างหาก”

 

“เหยาเงินเทียน รายงานความเสียหายของเครื่อง”

 

“ปีกซ้าย 70 เปอร์เซนต์ของเครื่องบินเสียหาย เครื่องยนต์ลดลง 95 เปอร์เซ็นต์

หัวใจของเหยูบีบรัด เกือบไม่มีเวลาแล้ว เย่หยูกล่าวอย่างร้อนใจขณะมองพนักงานต้อนรับที่ยืนขวางหน้า “รีบออกไปให้พ้นซะเครื่องบินจะควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว”

 

พนักงานต้อนรับยืนขวางหน้าเยี่ยืนกรานหนักแน่นว่า “คุณครับสบายใจได้ เราจะไม่เสียการควบคุมเครื่องบิน…” เขาพูดยังไม่ทันจบเครื่องบินก็ดิ่งวูบจนพนักงานต้อนรับร้อง เสียงดังลั่น”

 

“นี่แย่แล้ว ปีกซ้ายของเครื่องบินเกิดไฟลุก”

 

ผู้โดยสารคนหนึ่งบังเอิญเห็นเปลวไฟลุกขึ้นจากปีกซ้ายของเครื่องบินและควันหนาๆ ก็พุ่งเป็นเส้นตรงในอากาศ

 

“มันจบแล้ว มันจบแล้ว เจ้าหนุ่มคนนี้พูดถูกเครื่องบินจะตกจริงๆ”

 

“เราทํายังไงดี เป็นความผิดของเขาคนเดียวต้องพูดว่าควบคุมเครื่องบินไม่ได้แบบนี้”

 

“ไหนเขาบอกว่าเครื่องบินจะลงจอดแบบดีๆไม่ใช่เหรอให้เขาขับเครื่องบินสิ”

 

“ถูกต้อง ทั้งหมดเป็นเพราะเขา ให้เขาจัดการเลย”

 

เย่หยุประคองร่างของพนักงานต้อนรับและกล่าวอย่างนิ่งๆว่า “รีบเปิดประตูห้องนักบิน ผมรักษาระดับเครื่องบินได้”

 

พนักงานต้อนรับมองเหยูด้วยสีหน้าสับสนแล้วกดเบอร์โทรภายในห้องนักบิน “คุณเดมอนเครื่องบินรักษาระดับได้ไหม”

 

ห้องนักบินเงียบกริบไปครู่หนึ่ง แล้วน้ําเสียงที่หมดหวังก็ ดังลอดออกมา “ปีกเสียหายหนักมากผมทําอะไรไม่ได้แล้วทุกคนดูแลตัวเองด้วย”

 

ปัง!

 

พนักงานต้อนรับวางสายอย่างแรง แล้วหันหน้า ไปบอกเย่หยู “คุณครับ ผมฝากทุกอย่างกับคุณด้วยนะครับ” แล้วเขาก็ยื่นมือไปเปิดประตูห้องนักบิน

 

แกรั้ง!

 

ส่วนหนึ่งในสามของปีกซ้ายของเครื่องหัก เครื่องบินทั้งลํา เอียงวูบและประตูห้องนักบินบิดเบี้ยวไป

 

“ถอยก่อนครับ ไม่นะ ประตูห้องนักบินเปิดไม่ออก เรา เปิดไม่ได้”

 

พนักงานต้อนรับมองดูประตูที่บิดจนผิดรูปแล้วตะ โกนด้วยความกลัว

 

ผู้โดยสารทุกคนในห้องโดยสารเริ่มร้องคร่ําครญอย่าง หมดหวัง “มันจบแล้ว มันจบแล้วตอนนี้หมดหวังแล้ว”

 

“ให้ตายสิ ทําไมไม่ให้เจ้าหนุ่มนี้เข้าไปซะตั้งแต่ต้น”

 

“เราผิดเองที่ไม่เชื่อคําพูดของเขา ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่ ทันแล้ว”

 

“เราควรทํายังไงดีปีกเครื่องหักแล้ว เราจะต้องตาย แน่ๆ”

 

พนักงานต้อนรับมองเหยูด้วยใบหน้าซีดเผือด แล้วรีบพูดว่า “คุณครับผมขอโทษผมควรเชื่อคุณตอนนี้ประตูนักบินเปิดไม่ออก มันสายเกินไปแล้ว”

 

ดวงตาของเย่หยุเป็นประกายจ้า “หลบไปซะ ให้ผมจัด การเรื่องนี้เอง”

 

เย่หยูปักหลักมั่นแล้วก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว พลังลมปราณและเลือดลมของเขาพลุ่งพล่านเส้นเอ็นของเขาแกร่งเหมือนเหล็ก

 

“สุดยอดระดับแปด ครึ่งก้าวล้ม” พร้อมเสียงตะโกนเบาๆกําปั้นขวาของเย่หยูก็พุ่งไปกระทบประตูห้องนักบินหนาๆ

 

ประตูห้องนักบินที่ติดล็อคอยู่เปิดออกกว้าง จนกระแทกผนั่งด้านข้างเสียงดังปังใหญ่ พนักงานต้อนรับอ้าปากค้างขณะจ้องไปที่ประตูที่มีรอยกําปั้นประทับ ทรงพลังน่ากลัว อะไรแบบนี้ในห้องนักบินนักบินเป็นลมกองอยู่กับพื้นแล้ว หนังที่หน้าผากของนักบินผู้ช่วยเปิดออกจนเลือดไหลลงมาเลอะเต็มหน้า

 

ที่ด้านหลังเขา เสียงประตูกระท บดังลั่นจนนักบินผู้ช่วยหันไปมอง “นายเป็นใครนายเข้ามาในนี้เฉยๆไม่ได้”เดมอนมองเย่หยุขณะพูดแบบกลัวๆ

 

“หลีกทางไปซะ ฉันจะขับเครื่องบินเอง”

 

เย่หยุคว้าคอปกเสื้อของเดมอน แล้วโยนเขาไปด้านข้างจับเขานั่งในที่นั่งนักบิน

 

ขอความสามรถในการขับเครื่องบิน

 

ในพริบตา แผงปุ่มและไฟจํานวนมากในห้องนักบินก็ปรากฏชัดเจนในสายตาของเหยู มือของเขาเคลื่อนไหวราวกับบินและรีบควบคุมแผงควบคุมการบินด้วยมือเดียวเขา ควบคุมหางเสือปรับปักคันบังคับส่วนมืออีกข้างกดคันเร่ง ด้านขวาของเครื่องบินลง

 

เพียงอึดใจเดียว เครื่องบินที่ตกดิ่งลงไปเรื่อยๆก็เริ่มรักษาระดับได้

 

เดมอนที่นั่งบนเบาะผู้โดยสารแถวหน้าจ้องมองเย่หยุด้วยสายตาไม่อยากเชื่อขณะถามอย่างตกใจ

 

“เจ้าหนุ่ม นายก็เป็นนักบินด้วยเหรอ”

 

เย่หยูจ้องแผงหน้าปัดแล้วตอบว่า “รายงานความสูง

 

เดมอนอึ้งไป แล้วพูดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวว่า “ความสูงในตอนนี้อยู่ที่หกพันห้าร้อนเมตร”

 

แววตาของเย่หยุเปลี่ยนเป็นจริงจัง “เริ่มพุ่งดิ่งลงไปได้เลย”

 

เดมอนตกใจมาก “ไม่ ความสูงขนาดนี้อันตรายเกินไป”

 

“เครื่องบินได้รับความเสียหายหนักมาก ไม่มีเวลาแล้ว”

 

“แต่ว่า…” เดมอนลังเล “แต่ไม่เคยอยู่ที่ระดับสูงขนาดนี้มาก่อน”

 

แววตาของเย่หยูเป็นประกายด้วยความมั่นใจพร้อมพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่น“ไม่ต้องห่วงผมจะดูแลทุกอย่างเอง”