ตอนที่ 343 งานวันแรก

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 343

งานวันแรก

“ทำไมถึงเป็นข้าล่ะขอรับ”หลังจากออกมาจากท้องพระโรง ชิงชิวก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามท่านขุนพล ในอาณาจักรไป๋แม้ยอดฝีมือมนุษย์จะน้อยลงมาก แต่หาสักคนมาเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงจะไม่ดีกว่าหรือ

“องค์จักรพรรดิกำลังผลักดันความเท่าเทียมของเรามนุษย์กับอสูรอยู่”ท่านขุนพลตอบด้วยท่าทีจริงจัง เพราะก่อนหน้านี้กำลังอสูรแข็งแกร่งกว่าอย่างชัดเจน ทำให้มนุษย์บางส่วนเกิดหวาดกลัวขึ้นมา

“ตอนนี้เชื้อพระวงก์ทุกคนก็เลยต้องมีผู้ติดตามมนุษย์และอสูรพร้อมๆกัน เจ้าก็เลยถูกเลือกมาเป็นองครักษ์ขององค์หญิงไป๋หลินยังไงล่ะ”ถึงท่านขุนพลจะตอบออกมาอย่างนั้น แต่ชิงชิวก็ไม่ทราบอยู่ดีว่าทำไมถึงเลือกตนแทนที่จะเป็นยอดฝีมือ

“ส่วนที่ทำไมต้องเลือกเจ้า นั่นเพราะองค์จักรพรรดิอยากให้องค์หญิงมีเพื่อนวัยเดียวกันด้วยไงล่ะ”เป็นเหตุผลเรียบง่ายกว่าที่ชิงชิวคิด แต่ถึงจะบอกว่าอยากได้คนวัยเดียวกัน แต่ความสามารถหลักๆที่คัดเลือกตัวมันมาคือการตามล่าไม่ใช่หรือยังไง องค์หญิงที่ต้องมีองครักษ์ที่สามารถตามตัวท่านได้เป็นองค์หญิงแบบไหนกัน……

“ข้าจะมีกำลังพอหรือเปล่านะ”ชิงชิวก้มหน้าลงด้วยท่าทีไม่มั่นใจ ในท้องพระโรงก่อนหน้านี้มีแต่ยอดฝีมือ ระดับที่ว่าตนเองที่มีพลังเพียงระดับชำระกล้ามเนื้อเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆที่คนในห้องนั้นสามารถบี้ทิ้งได้อย่างง่ายดายเลย

“ไม่ต้องกังวลไป อย่างที่องค์จักรพรรดิบอกหน้าที่ของเจ้าคือการตามจับตัวองค์หญิงเวลาแอบหนีไปข้างนอกเท่านั้น”ท่านขุนพลว่าพลางยิ้มออกมา

“อีกอย่างตำแหน่งนี่เงินเดือนดีมากทีเดียว เจ้าอยากส่งเงินไปให้ทางบ้านไม่ใช่หรือไง”ไม่ทราบว่าท่านขุนพลทราบเรื่องนี้ได้ยังไง แต่พอได้ยินเรื่องเงินชิงชิวก็ดวงตาเปล่งประกายทันที

“ขอรับ ข้าจะทำให้ดีที่สุด”ชิงชิวยืดอกรับอย่างมั่นใจพร้อมรอยยิ้มกว้าง เจ้าหนุ่มนี่ดูออกง่านเกินไปแล้ว

.

.

“ยืดตัวตรงเอาไว้ พอองค์หญิงเดินออกมาเจ้าก็แนะนำตัวตามที่ข้าบอกเข้าใจไหม”หลังจากตกลงเรื่องงานเรียบร้อย ชิงชิวก็ถูกพาตัวไปรับเครื่องแบบองครักษ์ของไป๋หลิน ก่อนจะถูกพาตัวมายืนหน้าวังขององค์หญิงทันที แม้จะได้ชื่อว่าองครักษ์ขององค์หญิง แต่ชิงชิวไม่มีสิทธิ์เข้าไปในเขตวังของไป๋หลิน ได้แต่รอข้างนอกเท่านั้น ส่วนภายในเป็นหน้าที่ของเหล่าอสูรของไป๋หลินดูแล

“ขะ ขอรับ”ชิงชิวเกร็งจนเห็นได้ชัด เครื่องแบบคราวนี้ที่มันสวมอยู่ไม่ใช่เครื่องแบบของทหารที่ใช้สีเขียวเข้มอีกแล้วเพราะองครักษ์ส่วนตัวของไป๋หลินไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของหลิวหลง แต่ขึ้นตรงกับองค์จักรรพรรดิทำให้ชิงชิวยามนี้อยู่ในเครื่องแบบสีขาวทั้งตัวดูแล้วเรียบร้อยสง่างามเหมือนคุณชายมากกว่าองครักษ์เสียอีก แถมก่อนจะมารับตำแหน่งชิงชิวยังโดนท่านขุนพลจับลงตะกร้าล้างน้ำมาเรียบร้อย ยามนี้ตัวมันสะอาดสะอ้านกว่าตอนเดินทางมาจากทางเหนือมาก

“มาแล้ว”เมื่อเห็นประตูวังของไป๋หลินเปิดออก ท่านขุนพลก็เปลี่ยนท่าทีสบายๆก่อนหน้านี้เป็นแข็งขันในทันที ทำให้ตัวชิงชิวรีบยืดตัวตรงไปด้วย

“ท่านขุนพล ข้าทราบเรื่องแล้ว”เสียงของไป๋หลินที่เปลี่ยนไปจาก 6 ปีก่อนนิดหน่อย เสียงของนางนุ่มขึ้นและดูมีเสน่ห์ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

“…….”แต่สำหรับชิงชิวแล้วสิ่งแรกที่มันได้สัมผัสไม่ใช่เสียงของไป๋หลิน แต่เป็นกลิ่น… ปกติแล้วหญิงสาวมักมีกลิ่นหอม และไป๋หลินก็มีกลิ่นที่หอมทีเดียวเพียงแต่…กลิ่นของไป๋หลินมีหลายๆกลิ่นปนกันอยู่ เหมือนตัวนางมีกลิ่นหอม 3 ชนิดรวมอยู่เลย ทำเอาชิงชิวอดประหลาดใจไม่ได้ จะว่าน้ำกลิ่นไม้หอมก็ไม่ใช่ มันเป็นกลิ่นที่เฉพาะและแปลกทีเดียว แบบนี้มันคงแยกแยะตัวตนองค์หญิงได้ไม่ยาก

“องค์หญิงขอรับ มันผู้นี้คือชิงชิวนับแต่วันนี้ไปมันจะมารับตำแหน่งองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงขอรับ”ท่านขุนพลพูดพลางประสานมือให้ไป๋หลินอย่างนอบน้อม

“ข้าทราบแล้วท่านขุนพล”ไป๋หลินตอบพลางยิ้มบางๆด้วยท่าทีอ่อนหวาน ทำเอาชิงชิวที่อยู่ตรงหน้านิ่งค้างไปเลย นางเป็นหญิงสาวที่งดงามที่สุดเท่าที่ชิงชิวเคยพบเจอ อ่อนหวานน่ารักและมีเสน่ห์อย่างประหลาด

“อะแฮ่ม”ท่านขุนพลเห็นชิงชิวอึ้งไปก็กระแอมออกมาเล็กน้อยเพื่อดึงสติลูกน้องของตน

“ข้า…กระหม่อมมีนามว่าชิงชิวขอรับ”ชิงชิวว่าพลางประสานมือด้วยท่าทีลนๆ

“ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ ท่านคงอายุเยอะกว่าข้าให้ข้าเรียกท่านว่าพี่ชิวได้หรือไม่”ไป๋หลินยิ้มหวานพลางมองชิงชิวด้วยท่าทีเป็นมิตร บอกตามตรงไม่ว่าใครจะมายืนแทนชิงชิวก็คงแทบจะละลายไปกับพื้นเหมือนๆกันหมด

“ขะ ขอรับ”ชิงชิวตอบด้วยท่าทีตื่นๆ ทำให้ท่านขุนพลต้องกระทุ้งศอกเบาๆเพื่อดึงสติของมันกลับมา

“นับแต่นี้ไปเจ้าต้องติดตามองค์หญิงไปทุกที่ และดูแลว่าจะไม่มีอันตรายกับตัวท่านเข้าใจไหม”ท่านขุนพลพูดพลางจ้องชิงชิวนิ่ง

“ขอรับ”ชิงชิวตอบพลางเดินตามองค์หญิงไปช้าๆ

“พี่ชิว ท่านเคยนั่งอสูรบินหรือไม่เจ้าคะ”ไป๋หลินถามพลางมองมาทางชิงชิว

“ไม่เคยขอรับ”ได้ยินชิงชิวตอบเช่นนั้น ไป๋หลินก็แอบหัวเราะออกมา

“งั้นวันนี้ท่านคงจะได้ประสบการณ์ที่มีค่าทีเดียว”ได้ยินไป๋หลินพูดเช่นนั้น ชิงชิวก็มีท่าทีงุนงงทันที

“เจ้ายังไม่ทราบกำหนดการหรือ วันนี้ไป๋น้อยกับพี่ไป๋จะเดินทางไปอาณาจักรอู๋”ไป๋ไป่ที่อยู่ข้างๆไป๋หลินว่าพลางหันมามองชิงชิว แม้ชิงชิวตะไม่ทราบว่าไป๋น้อยกับพี่ไป๋คืออะไร แต่ดูเหมือนวันนี้จะต้องเดินทางสินะ

“หรือว่า….”ชิงชิวนิ่งไปพักหนึ่งขณะเดินตามไป๋หลินกับไป๋ไป่มาที่ลานกว้างภายในวังหลวง เมื่อสายตาลอดผ่านช่องประตู ชิงชิวก็พบว่าภายในลานกว้างนั้นมีมังกรตัวใหญ่ยืนอยู่ ทำเอาตัวมันเบิกตากว้างด้วยความตกใจขึ้นมาเลย

“เอ่อ…ทำไมเราไม่เดินทางด้วยรถไฟล่ะขอรับ แบบนั้นก็ไวเหมือนกันไม่ใช่หรือ”ชิงชิวกลืนน้ำลายลงคอพลางมังกรที่กำลังขยายปีกของตนเองช้าๆเหมือนกำลังขยับกล้ามเนื้อ

“แบบนั้นชาวเมืองได้แตกตื่นกันพอดี”คนที่จอบชิงชิวคือไป๋จูเหวิน องค์จักรพรรดิของอาณาจักรนั่นเอง น่าเสียดายมันลงทุนกับการสร้างรถไฟไปตั้งมากมายแต่มันกลัยใช้งานไม่ได้เพราะทุกครั้งที่มันอยากจะไปนั่งรถไฟดู ประชาชนก็จะแห่เข้ามาหามันจนไม่เป็นอันขึ้นรถไฟเสียอย่างนั้น สุดท้ายก็ทำให้ระบบเดินรถไฟเสียเวลา จนไป๋จูเหวินไม่ได้ไปที่สถานีรถไฟอีกเลย

“องค์จักรพรรดิ”ชิงชิวสะดุ้งตัวโยนจนแทบกระโดดไปข้างหลังเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหลังตนคือองค์จักรพรรดิและองค์มเหสีนั่นเอง จะว่าไปตัวมันกลายมาเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงแล้วการได้พบพวกท่านสมควรเป็นเรื่องปกติสินะ แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ตื่นเต้นอยู่ดี

“ไปกันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางกระโดดขึ้นไปบนหลังของมังกรพร้อม ไม่นานทั้งมเหสี องค์หญิง อสูรติดตาม องครักษ์คนอื่นๆต่างก็ตามขึ้นไปราวกับเป็นเรื่องปกติ ทำเอาชิงชิวที่อยู่ด้านล่างได้แต่กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะกระโดดขึ้นไปเช่นกัน

วูม…. มังกรบินออกไปพร้อมชิงชิวที่กำลังหลับตาปี๋ แต่ไม่นานชิงชิวก็พบว่าแรงต้านอากาศไม่ได้มากอย่างที่คิด อาจจะเป็นเพราะมังกรใช้พลังของตนเองลบล้างแรงต้านไปหรือเปล่า แต่บนหลังของมังกรตอนนี้แทบไม่ต่างจากนั่งอยู่ที่ริมระเบียงเลย ลมเองก็พัดมาเรื่อยๆแต่ก็เบาและอ่อนโยนมาก ทำเอาภาพที่เห็นทำให้ชิงชิวอึ้งไปตลอดทาง

บนหลังของมังกร ชิงชิวไม่ต้องกังวลเรื่องการจับตัวองค์หญิง นางนั่งอยู่กับองค์จักรพรรดิตลอดเวลา แถมมังกรยังบินสูงมากไม่ต้องกลัวเรื่องนางจะกระโดหายไปแต่อย่างไร เพียงแต่จะว่าก็ว่าเถอะ สำหรับชิงชิวแล้วไป๋หลินดูไม่ใช่องค์หญิงที่ซุกซนอย่างที่ไป๋จูเหวินบอกเสียเท่าไหร่ ดูนางก็เรียบร้อยและอ่อนหวานดีไม่ใช่หรืออย่างไร

วูบ…ไม่นานมังกรบินก็ลงจอดที่วังหลวงของอาณาจักรอู๋ แม้ชิงชิวจะไม่เคยมาอาณาจักรอู๋ แต่ก็ทราบได้ว่ายามนี้อาณาจักรอู๋ไม่ปกติเอาเสียเลย

“งานเทศการหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางมองลงไปด้านล่าง

“ใช่ นี่เป็นพิธีฉลองพระชนมายุครบ 6 พรรษาขององค์ชายอู๋เทียนหมิงยังไงล่ะ”หลิวเมิ่งผู้ติดตามของไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มให้ชิงชิวอย่างอ่อนโยน นางเห็นมันทำท่าตื่นเต้นมาตลอดทางแล้วอดเอ็นดูไม่ได้

“ท่านลุง”ไป๋หลินแทบจะเป็นคนแรกที่กระโดดลงไปจากหลังของมังกร ทำให้ชิงชิวที่รับหน้าที่ติดตามนางรีบกระโดดตามไปทันที

“โอ้ ไป๋หลิน มากันแล้วหรือ”อู่หมิงว่าพลางยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ ไป๋หลินตอนนี้อายุ 12 แล้วส่วนบุตรชายของมันก็ 6 ขวบแล้ว เวลาช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกิน

“ท่านลุงๆ เทียนหมิงล่ะเจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางดึงชายเสื้ออู๋หมิงเบาๆ

“อยู่ในวังของหยุนฟาง เจ้าจะไปหาน้องเลยงั้นหรือ”อู๋หมิงถามพลางมองไป๋หลินที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตั้งแต่เทียนหมิงเกิดมา ไป๋หลินก็ได้อุ้มเทียนหมิงมาตั้งแต่อายุไม่ถึงขวบ ไม่ทราบเพราะเอ็นดูหรืออย่างไรไป๋หลินดูมีท่าทีรักไคร่เทียนหมิงเป็นพิเศษ ถึงขั้นพยายามมาที่อาณาจักรอู๋บ่อยๆเพื่อเจอเทียนหมิงเลย

“เจ้าค่ะ”ไป๋หลินยิ้มกว้างพลางขอตัวเดินเข้าไปในวังหลวงของอาณาจักรอู๋อย่างเคยชิน ทำให้ชิงชิวต้องรีบตามไปเช่นเดียวกับไป๋ไป่ที่ออกตัวตามมาไม่ห่างกัน ไม่ทราบว่าชิงชิวคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูท่าทางองค์หญิงจะร่าเริงกว่าเดิมนิดหน่อย

“เทียนหมิง”ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในวังของหยุนฟาง ไป๋หลินก็พบอู๋เทียนหมิงนั่งอยู่บนโต๊ะด้วยท่าทีเรียบร้อยเข้าพอดี

“เทียนหมิง พี่สาวคิดถึงเจ้าจังเลย”ไป๋หลินว่าพลางพุ่งตัวเข้าไปกอดเทียนหมิงเอาไว้แน่นพลางใช้แก้มถูไถแก้มของเทียนหมิงอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ

“ออกไป”เทียนหมิงว่าพลางดันร่างของไป๋หลินออก

“ท่านแม่ นางมาอีกแล้ว”เทียนหมิงว่าพลางกระโดดหนีไปทางหยุนฟางที่อยู่ข้างหลัง มันเข้าไปหลบด้านหลังหยุนฟางไม่แม่แต่จะโผล่หน้ามามองไป๋หลินเลย

“เทียนหมิง อย่าทำกับพี่ไป๋หลินแบบนั้นสิลูก พี่เขาคิดถึงลูกนะ”หยุนฟางว่าพลางถอนหายใจออกมา ไม่ทราบทำไมอู๋เทียนหมิงตั้งแต่เกิดมาก็มีท่าทีไม่ชอบไป๋หลินมาตั้งแต่เกิด พอโดนไป๋หลินอุ้มก็ร้องให้ โดนกอดก็ดันไป๋หลินออกทั้งๆที่คนอื่นสามารถทำได้ไม่เป็นไรแท้ๆ

“เทียนหมิง มาให้พี่กอดซะดีๆ”โชคดีที่ไป๋หลินไม่ใช่คนคิดมาก พอโดนผลักออกนางก็วิ่งเข้าใส่อีกรอบเสียอย่างนั้น

“ปล่อยข้าๆ”เทียนหมิงว่าพลางพยายามแกะตัวเองออกจากอ้อมกอดของไป๋หลินแต่พลังของนางมันผิดมนุษย์เกินไป เทียนหมิงไม่มีทางสู้เลยแม้แต่น้อย สุดท้ายมันก็ได้แต่โดนไป๋หลินกอดเสียจนพอใจเท่านั้นเอง